สภาเดือด"เหลิม"ตอบกระทู้สดคดี"แม่อรรถวิชช์"ส.ส.ปชป.ปล่อยเงินกู้มิชอบ-จี้ถ้าไม่ผิดรีบมอบตัว

 วันที่ 11 ต.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ที่ประชุมได้พิจารณากระทู้ถามสด ของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เรื่องการดำเนินการกับอาชญากรทางเศรษฐกิจการเงิน ถามร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี  ว่า การเกิดวิกฤตเศรษฐกิจของชาติปี 40 ทำให้สถาบันการเงินขาดสภาพคล่อง ทำให้รัฐบาลต้องนำเงินภาษีประชาชนมาอุ้มแบงก์เพื่อให้มีสภาพคล่อง  ธนาคารแห่งชาติได้มีการตรวจสอบธนาคารและสถาบันการเงินหลายที่ และมีการสอบพบว่า ธนาคารมหานคร ได้ปล่อยกู้ให้กับบริษัทแสงสงวนพาณิชย์  โดยใช้หลักทรัพย์ไม่พอเพียงกับหลักประกันเงินกู้ 4.1 พันล้านบาท แต่มีหลักทรัพย์เพียง 60 ล้านบาท ซึ่งผู้บริหารของธนาคารคือ นางภคินี สุวรรณภักดี ปล่อยเงินกู้โดยไม่ชอบ และไม่มีการวิเคราะห์ว่าโครงการจะเป็นไปได้หรือไม่ ทำให้ธนาคารมหานครต้องปิดกิจการ ผลคือธนาคารแห่งชาติ ได้ร้องเรียนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สอบสวนในเรื่องนี้ ซึ่งศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้ออกหมายจับผู้ต้องหา 4 คน ซึ่ง 3 คนแรกได้มามอบตัวสู้คดี แต่นางภคินี หลบหนีไป

นายวรชัย กล่าวว่า ทราบว่า ในวันที่ 30 ต.ค. นี้ คดีจะหมดอายุความ จึงอยากถามว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมตัวสืบหาผู้ต้องหาว่าหลบหนีอยู่ที่ไหนหรือไม่ เพราะการโกงเงินของประชาชนเป็นเรื่องที่ซ้ำเติมประเทศ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถดำเนินการจับกุมนางภคินี ได้ทันในวันที่ 30 ต.ค. เจ้าหน้าที่จะติดตามเอาทรัพย์สินของทายาทมาคืนได้หรือไม่

ร.ต.อ.เฉลิม ชี้แจงพร้อมนำแผ่นชาร์ตมาแสดงว่า หลายคนคงแปลกใจว่าทำไมเรื่องนี้ฝ่ายรัฐบาลมาถามกันเอง เพราะเรื่องนี้ฝ่ายค้าน ไม่มีวันยื่นกระทู้ถามแน่นอน เพราะผู้ต้องหาเป็นแม่ของนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ทำให้รัฐบาลต้องตั้งกระทู้ถาม ซึ่งคดีนี้เป็นการเตรียมการทุจริต ยักยอกทรัพย์สินของแผ่นดิน และวางแผนจงใจ โดยไม่วิเคราะห์หลักการกู้  ซึ่งเรื่องนี้ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ออกหมายจับ ที่ จ 2413 /2549 โดยที่หลักทรัพย์ 47 ล้าน อนุมัติให้กู้ 5.1 พันล้านบาท เบิก 4.1 พันล้าน ไม่มีการวิเคราะห์สถานภาพ ซึ่งเรื่องดังกล่าว นางภคินี ทำผิด ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 253 และ มาตรา 354 ผิดพ.ร.บ.หลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ และพ.ร.บ.บริษัทมหาชน และพ.ร.บ.การธนาคารพาณิชย์ โกง 4 พันกว่าล้าน

“ผมเข้าใจว่า ในคดีอาญาต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่า จำเลย หรือผู้ต้องหาไม่มีความผิด แต่ผู้ต้องหารายนี้หนีอย่างเดียว นี่มันเงินของประชาชนไม่ได้มีใครอคติต่อใคร ถ้าบริสุทธิ์ใจจริงต้องมาสู้คดี  และก่อนรัฐบาลชุดนี้มีมือดี ไปถอนหมายจับที่กองทะเบียนประวัติ และยืนยันว่า ทางตำรวจจะพยายามติดตามจับกุมให้ได้ ถึงแม้เหลือเวลาอีกไม่นาน แต่ถ้าเลย 30 ต.ค. ก็จับไม่ได้ ส่วนจะไปยึดทรัพย์ลูกหลาน ก็คงทำไม่ได้ เพราะเป็นคดีแพ่ง ที่สำคัญการเชื่อมโยงยากต่อการจับกุมจริงๆ จนปัญญา แต่ไม่เป็นไรฟ้าดินมีจริงเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน ใครที่เอาทรัพย์สินของบ้านเมืองไป เราจะดำเนินการเร่งรีบ และเร่งรัด ”ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

นายวรชัย ถามต่อว่า คดีนี้มีอายุความนานลายปี แต่ทำไมผู้ต้องหาคนเดียวยังตามจับไม่ได้ อยากทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศหรือไม่ และตนทราบว่ามีการเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศไทย ซึ่งการเดินทางเข้า ออกต้องใช้พาสปอร์ต ซึ่งต้องมีหมายจับตามด่านตม. ทุกที่ ดังนั้นอยากทราบว่า พาสปอร์ตที่ใช้เป็นอย่างไร หรือจะมีการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้า เรื่องนี้มีนัยยะอย่างไร

ร.ต.อ.เฉลิม ชี้แจงว่า ตรวจสอบครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 55 ไม่พบว่ามีการเดินทางออกนอกประเทศ และไม่มีหลักฐานว่าผ่านด่านตม.กี่ด่าน และครั้งสุดท้ายตรวจสอบพบไปใช้โทรศัพท์ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งพบว่ามีการติดต่อกับลูกชาย และญาติ แต่ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน  เพราะยังไม่เป็นที่แน่ชัด  ทั้งนี้จากการตรวจสอบทรัพย์สินของนางภคินี พบว่า เหลือทรัพย์สินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ฉะนั้นตำรวจไม่ได้ละเลย แต่เมื่อเราไม่สามารถจับกุมได้ คดีหมดอายุความก็ต้องเคารพกฎหมาย  อย่างไรก็ตามยังไม่ถึงวันที่ 30 ต.ค. อาจจะมีโอกาสแจ๊คพอตก็ได้

จากนั้นนายอรรถวิชช์  ขอใช้สิทธิพาดพิงว่า ขอยืนยันว่า แม่ของตนโดนในส่วนมาตรา 353 คือการจัดการทรัพย์สิน ไม่ใช่การยักยอก และการอนุมัติวงเงินกระทำในนามคณะกรรมการธนาคาร ไม่ใช่การกระทำของแม่ตนเอง ส่วนกรณีเรื่องคดีแพ่งพวกตนชนะแล้ว และธปท.ก็ให้ปากคำว่าไม่ได้เอาเงินประชาชนไปปล่อยกู้ยืม

“แม่ของผมโชคร้ายที่ถูกดำเนินคดี แต่ตัวประธานกรรมการบริหารมีอักษรย่อ “ส”  ได้มีวาสนาเป็นรัฐมนตรีคลังในปี 2547 ด้วย เรื่องการขาดอายุความขอให้ไปเช็คให้ดี เพราะเรื่องเกิดเมื่อปี 2538 อาจขาดอายุความไปแล้ว เวลาคนโดนหมายจับต้องร้องให้เพิกถอน ขอบอกว่าเป็นส.ส.มา 2 สมัย ก็พร้อมจะโดนทุกรูปแบบ และขอยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีเงินมาถึงครอบครัวผมเลย ถ้าพูดว่าผมโกงเงินภาษีประชาชนอีก ผมจะฟ้อง ดังนั้นใครโกงเงินแผ่นดินขอให้ครอบครัวมันชิบหาย”นายอรรถวิชช์ กล่าว

ซึ่งร.ต.อ.เฉลิม กล่าวย้ำว่า ที่บอกว่าแม่โชคร้ายนั้น หากไม่ได้กระทำผิดจริงก็มามอบตัวสิ ซึ่งนายอรรถวิทย์ไม่ได้ชี้แจงเรื่องที่จะให้แม่มอบตัว เพียงแต่ท้าสาบานว่า “ใครโกงเงินแผ่นดิน ขอให้ครอบครัวฉิบหาย”   

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...