เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 11 ต.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) น.ส.นภัทร เที่ยงแท้ อายุ 31 ปี พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สง่า เอี่ยมงาม พงส.(สบ3) กก.4 บก.ปคบ. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีฉ้อโกงประชาชน ผลิตเครื่องสำอางปลอม ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง และข้อหาโฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค หลังจากน.ส.กฤติยาภรณ์ หรือลูกนัท ตรีรัตน์พันธุ์ อายุ 41 ปี อดีตขวัญใจช่างภาพมิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 2534 และน.ส.ลฎาภา ภควัตทิวัฒ อายุ 39 ปี แจ้งความดำเนินคดีโดยกล่าวหาว่าถูกหลอกลวงขายเครื่องสำอางที่ไม่มีคุณภาพ รวมมูลค่าความเสียหายนับล้านบาท
จากการสอบสวนน.ส.นภัทร ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาโดยจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น ขณะที่ทนายความ ระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของการทำธุรกิจร่วมกันเป็นเวลาประมาณ 3 ปีแล้ว ที่ผ่านมามีความพยายามจะเจรจาเพื่อยุติเรื่องนี้ แต่ฝ่ายผู้กล่าวหาปฏิเสธที่จะเจรจาด้วยจึงต้องต่อสู้คดี
ต่อมาน.ส.กฤติยาภรณ์ และน.ส.ลฎาภา ผู้เสียหาย เปิดเผยหลังเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า ประมาณเดือนเมษายน 2554 ได้ติดต่อกับผู้ต้องหาผ่านทางเว็บไซต์ fe-thailand.com เพราะสนใจลงทุนทำธุรกิจเครื่องสำอาง โดยผู้ต้องหาพูดจาหว่านล้อมมีช่องทางช่วยเหลือในการสร้างแบรนด์เครื่องสำอางจนหลงเชื่อทดลองซื้อเครื่องสำอาง ประเภทครีมทาหน้า เซรั่มบำรุงผิว และครีมกันแดด มูลค่ากว่า 2 แสนบาท เพื่อนำไปลองจำหน่าย ซึ่งครั้งแรกได้รับสินค้าที่มีคุณภาพดีจากโรงงาน
แต่หลังจากนั้นกลับพบว่าสินค้าไม่มีคุณภาพ การส่งสินค้าไม่ครบจำนวนจนต้องระงับการจำหน่ายเพราะมีลูกค้าต่อว่า แต่พอสอบถามไปยังผู้ต้องหาก็ได้รับการปฏิเสธ เมื่อนำตัวอย่างเครื่องสำอางไปตรวจสอบที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็พบว่ามีสารปรอท ส่วนเลข อย.ก็ไม่มีในสารบบ กระทั่งสืบทราบว่าผู้ต้องหาไม่ได้เป็นลูกเจ้าของโรงงานตามคำกล่าวอ้าง นอกจากนี้ยังพบว่ามีชื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กอีกกว่า 5 ชื่อ ในการหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นๆ ให้ร่วมทำธุรกิจจำหน่ายเครื่องสำอางที่ด้อยคุณภาพ อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมหลักฐานก่อนพิจารณาแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว