วันที่ 10 ต.ค. นิวยอร์กไทมส์รายงานชะตากรรมน่าสะเทือนใจของเด็กสาวชาวปากีสถาน อายุ 14 ปี ตกเป็นเหยื่อคมกระสุนจากสมาชิกกลุ่มตาลิบัน เนื่องจากไม่พอใจที่เด็กหญิงคนดังกล่าวเรียกร้องสิทธิเท่าเทียมของสตรี แต่ทีมแพทย์ผ่าตัดนำหัวกระสุนออกจากศีรษะแล้ว อาการทรง คาดว่าจะรอดชีวิต
เหยื่อรายดังกล่าวชื่อ ด.ญ.มาลาลา ยูซาฟไซ กำลังนั่งรถโดยสารไปโรงเรียนกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆ ในมณฑลสวัตของปากีสถาน เมื่อมือปืนกลุ่มหนึ่งขึ้นมาบนรถและยิงด.ญ.มาลาลาในระยะเผาขนที่บริเวณศีรษะกับลำคอ ท่ามกลางความหวาดผวาของเพื่อนร่วมชั้นเรียน ก่อนที่กลุ่มติดอาวุธจะหลบหนีไป
กลุ่มตาลิบันประกาศตัวเป็นผู้ลงมือก่อเหตุครั้งนี้ เพราะเห็นว่าด.ญ.มาลาลานำเอาอิทธิพลตะวันตกเข้ามาในปากีสถาน พร้อมทั้งขู่ว่าจะตามล่าสังหารเด็กหญิงคนนี้อีกครั้ง ทำให้ตำรวจปากีสถานเร่งตั้งจุดตรวจตามท้องถนนในมณฑลสวัต และจับกุมผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องราว 30 คน
ส่วนนายกรัฐมนตรีราจา อาชราฟ กล่าวในรัฐสภาว่าชาวปากีสถานจะต้องต่อสู้กับอุดมการณ์ของกลุ่มตาลิบัน และยกย่องด.ญ.มาลาลาว่าเป็นลูกสาวของชาติปากีสถาน
อย่างไรก็ตาม ข่าวนี้สร้างกระแสวิจารณ์ว่ากองทัพปากีสถานไม่สามารถดูแลความปลอดภัยในมณฑลสวัตได้จริง ทั้งที่เคยประกาศว่าได้ขับไล่ตาลิบันออกไปหมดแล้ว ซึ่งเมื่อเดือนส.ค. ผู้นำชุมชนและเจ้าของโรงแรมในมณฑลก็ถูกกลุ่มตาลิบันลอบสังหาร นอกจากนี้ยังมีข่าวละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยกองทัพปากีสถานหลายครั้งด้วย เช่น คลิปวิดีโอเชลยตาลิบันถูกสังหารหมู่ เมื่อปี 2553
สำหรับด.ญ.มาลาลา มีชื่อเสียงในสื่อตะวันตกจากผลงานการเขียนบันทึกออนไลน์ให้สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ ตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ขณะที่กลุ่มตาลิบันยังปกครองมณฑลสวัตและสั่งปิดโรงเรียน โดยเด็กสาวใช้นามแฝงและเพิ่งเปิดเผยตัวหลังกองทัพบุกยึดพื้นที่คืนจากตาลิบัน ซึ่งด.ญ.มาลาลาเรียกร้องสิทธิให้แก่สตรีและเยาวชนในปากีสถานอย่างแข็งขัน จนได้รับรางวัลทั้งในและนอกประเทศ