เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ไลฟ์สไตส์ของหนุ่ม ๆ สาว ๆ สมัยนี้ ยากเสียจริง ๆ เลยที่จะผละออกไปหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ แต่ระวังไว้ให้ดีนะจ๊ะ เพราะหากคุณไม่ยอมลุกไปไหน เอาแต่นั่งอยู่ที่เดิมนาน ๆ นอกจากจะเสี่ยงเป็นโรคยอดฮิตอย่าง ออฟฟิศซินโดรม แล้ว ก็เสี่ยงที่จะเกิด โรค DVT ตามมาอีก เอ้า...ชักสนใจแล้วใช่ไหมว่า โรค DVT คืออะไร มาอ่านกันเลย
โรค DVT หรือ Deep Venous Thrombosis ก็คือ โรคหลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตัน หรืออีกชื่อหนึ่งที่เราคุ้นเคยก็คือ "กลุ่มอาการเครื่องบินชั้นประหยัด" (Economy Class Syndrome) ซึ่งเกิดจากการนั่งเครื่องบินในระยะทางไกล ๆ โดยเฉพาะชั้นที่นั่งราคาประหยัด ที่มีพื้นที่คับแคบ แล้วไม่ได้ขยับร่างกาย หรือลุกเปลี่ยนอิริยาบถเลย ทำให้เลือดแข็งตัวเป็นก้อน จนกลายเป็นเลือดข้นอยู่ในหลอดเลือดดำ
โดยโรค DVT นี้ถูกค้นพบโดยนักวิจัย ที่ได้ข้อมูลมาจากชายวัย 32 ปีผู้หนึ่ง ซึ่งต้องนั่งทำงานอยู่หน้าเทอร์มินัลคอมพิวเตอร์ประมาณ 18 ชั่วโมงต่อวันมานาน จนกระทั่งวันหนึ่งเขาต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะอาการเลือดจับตัวเป็นก้อน โดยเริ่มจากบริเวณขาของเขาก่อนที่จะแตกกระจายไปยังปอดทั้งสอง จนเกิดอาการโคม่า ต้องรีบรักษาเป็นการด่วน จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายเริ่มหันมาใส่ใจกับโรคนี้กันมากขึ้น
และแน่นอนว่า อาการหลอดเลือดดำอุดตัน ของ โรค DVT ไม่ได้เกิดกับพนักงานออฟฟิศ ที่ต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเป็นเวลานาน หรือผู้โดยสารบนเครื่องบินชั้นประหยัดเที่ยวบินไกล ๆ เท่านั้น แต่คนที่มีอิริยาบถนั่งตลอดเวลาเป็นเวลานาน ๆ ไม่ว่าจะทำอะไร อาชีพไหนก็มีความเสี่ยงไม่แพ้กัน อย่างเช่น
พนักงานขับรถแท็กซี่ รถโดยสารประจำทาง นักบิน
ผู้เข้าชมภาพยนตร์เรื่องยาว ละครเวที คอนเสิร์ต
ผู้ที่นั่งไขว่ห้างเป็นเวลานาน ๆ
ผู้ป่วยอัมพาต ที่ไม่สามารถขยับตัวไปมาได้
ผู้ป่วยที่ต้องพักฟื้นหลังผ่าตัด รวมทั้งมารดาที่้ต้องนอนพักฟื้นหลังคลอดบุตร
ผู้ที่ต้องเข้าเฝือก
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง และโรคพันธุกรรมบางโรค
ฯลฯ
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กจะเสี่ยงต่ออาการผิดปกตินี้ถึง 2 เท่า โดยเฉพาะผู้ที่ต้องนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กบนเครื่องชั้นประหยัด
ถ้าหากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงข้างต้น ต้องรีบมาทำความรู้จักอาการของ โรค DVT โดยเร็ว เพื่อสำรวจดูว่า คุณเข้าข่ายเป็น โรค DVT หรือไม่ นั่นก็คือ หากนั่งนาน ๆ จะเกิดอาการปวดชาที่ขา เท้าจะบวมแดง ซึ่งมักจะบวมข้างเดียว บางรายอาจจะเห็นเส้นเลือดโปงพอง อาจจะมีอาการปวดกล้ามเนื้อหรือเป็นตะคริว
ทั้งหมดนี้ สาเหตุเกิดจากการไม่ลุกไปไหนมาไหนเลย ทำให้เลือดที่เคยไหลเวียนได้สะดวก ๆ เกิดการจับตัวเป็นลิ่ม เป็นก้อน มาคั่งอยู่ที่บริเวณเส้นเลือดดำตรงส่วนขา แล้วไหลเข้าไปตามกระแสเลือด ซึ่งอาจไปอุดตันตามอวัยวะที่สำคัญ เช่น ปอด หัวใจ ฯลฯ ทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้น ใครที่มีอาการชา บวมแดงที่ขาหรือเท้า ต้องรีบลุกยืดเส้นยืดสายโดยพลัน
และนอกจากโรค DVT หรือ Economy Class Syndrome แล้ว ผู้ที่นั่งนาน ๆ ยังควรระวังอาการ Travelers Stroke อีกด้วย ซึ่งเป็นอาการที่เกิดร่วมกับ โรค DVT โดยหลังจากที่เลือดที่จับตัวเป็นลิ่ม ไหลเข้าไปอุดตันหลอดเลือดที่ปอด แล้วหากเกิดหลุดไปถึงหลอดเลือดแดงในสมอง ผ่านทางช่องเปิดที่ผนังกั้นห้องหัวใจ ก็อาจทำให้มีอาการใบหน้าบิดเบี้ยว พูดลิ้นแข็ง แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก จนเป็นอัมพฤกษ์ได้เลยทีเดียว
หากแพทย์ตรวจพบว่า ผู้ป่วยเป็น โรค DVT แพทย์จะรับตัวไว้ในโรงพยาบาล และให้ยารักษาอาการ รวมทั้งให้ยาป้องกันลิ่มเลือดแข็งตัว
เห็นความน่ากลัวของ โรค DVT กันไปแล้ว มาดูวิธีป้องกันกันดีกว่า ง่ายที่สุดก็คือ หากนั่งนาน ๆ ไม่ว่าจะนั่งทำงาน หรือเล่นเกม ควรยืดเส้นยืดสายบ้าง ทุก ๆ ชั่วโมง และควรลุกขึ้นเดินทุก ๆ 2 ชั่วโมง ไม่ควรนั่งไขว้ขา
หากหลีกเลี่ยงการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ ไม่ได้ อย่างน้อยให้พยายามกระดิกนิ้วเท้าและข้อเท้าไว้ เพื่อให้เลือดไหลเวียนบ้าง
ควรดื่มน้ำมาก ๆ ขณะนั่งทำงาน เพื่อจะได้เป็นการบังคับให้ตัวเองลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ จะได้ยืดเส้นยืดสายไปในตัว
ควบคุมน้ำหนักตัวเอง อย่าให้อ้วน เพราะความอ้วนเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงต่ออาการเส้นเลือดอุดตันได้
ไม่ควรสวมเสื้อผ้า หรือเครื่องประดับที่รัด จะทำให้การไหลเวียนภายในเส้นเลือดดำไม่สะดวก เพิ่มโอกาสเกิดลิ่มเลือดได้
ส่วนผู้ที่ต้องใช้เวลาเดินทางบนเครื่องบินเป็นเวลาหลายชั่วโมง ก็มีข้อแนะนำว่า
ก่อนออกเดินทางให้เลือกใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ สบาย ๆ ผู้หญิงไม่ควรสวมถุงน่อง
ควรเลือกที่นั่งใกล้ ๆ ทางเดินไว้ เพราะจะมีพื้นที่ว่างให้เหยียดแข้งเหยียดขา พอแก้อาการเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวได้
ให้รับประทานยาแอสไพริน วันละครึ่งเม็ด ก่อนเดินทาง 2 วัน และทานอีกครึ่งเม็ด เมื่ออยู่บนเครื่อง เพราะจะช่วยทำให้เกล็ดเลือดไม่จับตัวเป็นลิ่ม เป็นก้อนได้
ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ หรืออาหารรสเค็มจัด ให้ดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ
หมั่นบริหารขาโดยยื่นเท้าทั้ง 2 ข้างออกไป ยกขึ้นสูง เท่าที่จะยกได้ เหยียดนิ้วเท้ากางออกสัก 3 วินาที แล้วยกเท้าลง เหยียดนิ้วเท้าชี้ลงพื้นดินอีก 3 วินาที ก็จะช่วยบรรเทาอาการเมื่อยขบได้
หมั่นเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ และที่สำคัญไม่ควรนั่งไขว่ห้าง ที่จะทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก
ลองใช้ถุงเท้าพันรอบขา เพื่อให้ถุงเท้าออกแรงบีบกล้ามเนื้อขา จะช่วยไล่เลือดจากขากลับไปยังหัวใจ ป้องการอาการลิ่มเลือดอุดตันได้
ผู้ที่เคยมีประวัติเป็นลิ่มเลือดอุดตันมาก่อน แพทย์อาจให้ยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันไว้ก่อนเดินทาง
รู้จักโรค DVT กันแล้ว หากใครต้องนั่งเครื่องบิน หรือมีพฤติกรรมที่ต้องนั่งนาน ๆ โดยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็หาเวลาลุกไปยืดเส้นยืดสายกันหน่อยดีกว่า โรค DVT จะได้ไม่มาถามหาให้กวนใจ