เมื่อ 8 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปลอดประสพ สุรัสวดี กล่าวถึงกรณีกทม.ระบุถึงการพบถุงทรายของสำนักระบายน้ำในท่อระบายน้ำที่ ถ.ศรีนครินทร์ เป็นการแก้ปัญหาทางเทคนิคเพื่อกั้นน้ำจากคลองหัวหมากไม่ให้ท่วมถนนว่า ในฐานะประธาน กบอ.ขอตั้งคำถาม 3 ข้อ โดย 1.ขอให้อธิบายว่าการนำถุงทรายไปใส่ท่อระบายน้ำเป็นการบริหารจัดการน้ำแบบใด 2.ใครเป็นผู้สั่งให้นำถุงทรายไปใส่ในท่อระบายน้ำ และเหตุใดจึงทำในช่วงมีพายุมาก 3.กทม.นำถุงทรายไปใส่ในท่อระบายน้ำจุดใดบ้าง เพราะตนจะไปเอาออก เนื่องจากเป็นการขัดคำสั่งกบอ. และผิดข้อตกลงระหว่าง กบอ.กับกทม.ที่ระบุว่า กทม.มีหน้าที่ช่วยระบายน้ำ แต่การเอาถุงทรายไปใส่ท่อระบายน้ำ ไม่ได้ช่วยระบายน้ำ แต่เป็นการขัดขวางการระบายน้ำทำให้น้ำไม่ไหล จึงสั่งให้ กทม.รื้อถุงทรายออกทั้งหมด พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ฐานขัดคำสั่ง
กทม.รู้อยู่เต็มอกว่าน้ำท่วมถนนเพราะน้ำไม่ไหลลงคลอง เนื่องจากท่ออุดตัน แต่กทม.กลับนำถุงทรายไปใส่ ไม่รู้ว่ากทม.ตั้งใจแกล้งกบอ.หรือไม่ เราตกใจมากที่เห็นกระสอบทราย แล้ว กทม.ยังอ้างว่าเป็นการแก้ปัญหาทางเทคนิค ทั้งที่กบอ.ไม่เคยคุยเทคนิคเรื่องนี้กับกทม. จึงชักสงสัยว่าอาจอิจฉาในความสำเร็จของเราที่ร่วมกันทำงาน ถึงนำกระสอบทรายมาวางในท่อ จึงขอประณามการกระทำครั้งนี้ ถ้าอ้างเป็นเรื่องเทคนิคก็ถือว่าห่วยที่สุดในโลก เพราะไม่มีเทคนิคอุดท่อระบายน้ำขณะที่น้ำมา นายปลอดประสพกล่าว
ที่ศาลาว่าการกทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. แถลงถึงกรณีพรรคเพื่อไทยและดีเอสไอเคลื่อนย้ายกระสอบทรายออกจากท่อระบายน้ำบริเวณถนนศรีนครินทร์ ว่าสำนักการระบายน้ำได้ลงบันทึกประจำไว้ที่ สน.หัวหมาก แต่ยังไม่ได้แจ้งความเอาผิดกับผู้ใด กทม.ขอยืนยันว่าการนำกระสอบทรายลงไปในท่อระบายน้ำบริเวณถนนศรีนครินทร์ ช่วงทางลงมอเตอร์เวย์ เป็นการบริหารจัดการน้ำท่วมขังรูปแบบหนึ่ง เนื่องจากจุดนี้เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำมาก มีน้ำไหลงมาจากมอเตอร์เวย์ จึงจำเป็นต้องวางถุงทรายไม่ให้น้ำจากคลองหัวหมากไหลออกถนนศรีนครินทร์ และเป็นการปิดล้อมพื้นที่ให้น้ำอยู่ในระบบ เพื่อสูบลงคลองกะจะ ไม่ใช่เป็นเรื่องการไม่ขุดลอกท่อระบายน้ำ ส่วนอีกจุดบริเวณร้านอาหารผาแดงเป็นการซ่อมแซมท่อระบายน้ำที่ชำรุด ไม่ให้ดินและทรายบนผิวจราจรลงไปในท่อ ซึ่งไม่ลดศักยภาพการระบายน้ำบนถนนศรีนครินทร์แต่อย่างใด
ถุงทรายเป็นทรัพย์สินของกทม. ที่วางไว้แก้ปัญหาน้ำท่วมขังทางเทคนิค ซึ่งหากมีข้อสงสัยควรแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ ไม่ใช่ลงไปปฏิบัติหน้าที่เอง ซึ่งทำโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว รู้เหตุรู้ผล อาจทำให้เกิดอันตรายได้ เพราะถ้าเกิดน้ำท่วมขึ้นใครจะรับผิดชอบ ทุกคนก็จะกล่าวหากทม. อีกทั้งรู้สึกเสียใจกับการทำงานของข้าราชการและส.ส.บางคนที่ทำงานรับใช้นักการเมือง แต่เรื่องขอยกประโยชน์ให้จำเลย โดยถือว่าเป็นการกระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่หากเกิดขึ้นอีกคงต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าว