จากกรณีเดลินิวส์นำเสนอข่าว นางรัตนา โรจนวิศาส อายุ 70 ปี ถูกคนร้ายเป็นหญิงไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 64 ปี รูปร่างท้วม ผิวคล้ำ สูงประมาณ 170 ซม. มีลักษณะเด่นตรงจมูกโตเป็นรูปชมพู่และมีกระบนจมูก พูดไทยไม่ชัดเจน ส่วนใหญ่พูดแต่ภาษาจีนเพียงอย่างเดียว ซึ่งเคยรู้จักกันมาเมื่อหลายปีก่อน ทำทีเข้ามาตีสนิทพาไปทำธุรกรรมที่ธนาคารเกียรตินาคิน สาขาเยาวราช ก่อนจะย้อนกลับเข้ามาที่บ้านพักของนางรัตนา ย่านถนนทรงวาด พร้อมทั้งซื้อเต้าฮวยมาฝาก เมื่อนางรัตนากับสามีกินเข้าไปก็เผลอหลับ พอตื่นมาก็พบว่าทรัพย์สินของมีค่าทั้งจี้เพชร สร้อยคอ เงินสดรวมมูลค่ากว่า 6 หมื่นบาทหายไป ซึ่งผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 2 ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า วันนี้ (7 ต.ค.) แหล่งข่าวจากฝ่ายสืบสวน สน.พลับพลาไชย 2 เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้เข้าไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้ง 3 ตัวของธนาคารเกียรตินาคิน สาขาเยาวราช ก็พบว่ากล้องสามารถจับภาพคนร้ายขณะเดินจูงแขนนางรัตนาเข้าไปในธนาคารในเวลา 11.00 น.จากนั้นได้เข้าไปนั่งรอเพื่อทำธุรกรรมในธนาคารด้วยกัน จนกระทั่งนางรัตนาทำธุรกรรมด้านการเงินในธนาคารเสร็จเรียบร้อยในเวลาประมาณ 11.11 น. ทั้งคู่ก็เดินจูงแขนกันออกจากธนาคารไป ซึ่งเมื่อนำภาพจากกล้องจงจรปิดไปให้ผู้เสียหายดูแล้ว เจ้าตัวก็ยืนยันว่าเป็นคนเดียวกับคนร้ายที่ก่อเหตุวางยารูดทรัพย์ไป
แหล่งข่าวจากฝ่ายสืบสวน ระบุอีกว่า ภายใน 2-3 วันนี้ หากผู้เสียหายอาการดีขึ้นเมื่อไรก็จะพาไปทำการสเก็ตช์ภาพคนร้ายอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนขออนุมัติหมายจับคนร้ายตามภาพต่อไป ขณะเดียวกันก็จะนำภาพจากกล้องวงจรปิด รวมทั้งภาพสเก็ตช์ ลงพื้นที่ไปตระเวนให้บรรดาชาวบ้านในละแวกดังกล่าวดูว่ามีใครเคยรู้จักหรือพบเห็นคนร้ายมาก่อนหรือไม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่เชื่อว่า คนร้ายน่าจะตระเวนก่อเหตุอยู่ในย่านสำเพ็ง หรือเยาวราช เพราะใช้ภาษาไทยไม่คล่อง ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาจีนเป็นหลัก นอกจากนี้จะประสานไปยังโรงพักใกล้เคียงเช่น สน.พลับพลาไชย 1 จักรวรรดิ บางรัก ยานนาวา พญาไท ฯลฯ ว่าเคยมีคดีในลักษณะนี้เกิดขึ้นในท้องที่บ้างหรือไม่ เนื่องจากในท้องที่สน.พลับพลาไชย 2 นั้นยังไม่เคยเกิดคดีแบบนี้มาก่อน ทั้งนี้หากมีผู้เสียหายรายใดเคยถูกก่อเหตุในลักษณะนี้ ก็สามารถเข้ามามาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พลับพลาไชย 2 ได้ตลอดเวลา เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้นำมาใช้เป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายต่อไป.