ฆ่าหั่นผัว-ยัดถุง เมียคลั่ง อ้างตัวเป็นเทพเจ้า

สยองกลางกรุงเมียร่างทรงคลั่งฆ่าหั่นศพผัวดีไซเนอร์ที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ คาห้องพักในอพาร์ตเมนต์ แยกหัว-ข้อมือ-ข้อเท้าโยนลงคลองบางกอกน้อย ส่วนลำตัวยัดใส่กระเป๋าเดินทางแล้วเรียก รปภ.มาลากออกไป อ้างเป็นของเก่าให้นำไปแจกจ่าย แต่ระหว่างยกออกมารปภ.รู้สึกหนักผิดปกติ เลยเปิดออกดูถึงผงะเจอศพคนอยู่ข้างใน ตร.บุกห้องพบร่างทรงนั่งนิ่งไม่ได้หนีไปไหน ภายในห้องพบอุปกรณ์เสพยาและเขียนยันต์ไว้ทั่ว ก่อนออกไปงมหาส่วนศีรษะจนเจอจมอยู่ในคลอง เผยอยู่ด้วยกันมาถึง 9 ปี แต่ 2 ปีหลังฝ่ายชายป่วยเป็นอัมพฤกษ์ จนถูกเมียทารุณกรรมหลายครั้ง กระทั่งมาก่อเหตุฆ่าหั่นศพ ผู้ต้องหาตอนแรกยังให้การวกวน จนให้สงบสติอารมณ์สักพักยอมรับเสพยาบ้าวันละ 10 กว่าเม็ด อ้างอีกลงมือฆ่าเองเพราะเป็นร่างทรงพระพุทธเจ้าลงมาปราบมารเฒ่าโลหิต ตร.ส่งตรวจสภาพจิต เบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าคนตาย



คดีโหดเมียร่างทรงฆ่าหั่นศพผัว เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 ต.ค. พ.ต.ต.พรชัย ศรีมูล สารวัตรเวรสน.บางขุนนนท์ รับแจ้งเหตุพบศพถูกฆ่าหั่นยัดถุงทิ้งอยู่ในธิติวงศ์อพาร์ตเมนต์ เลขที่ 116/12 ซอยบางขุนนนท์ 12 แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาพร้อมด้วยพล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. พ.ต.อ.เมธี รักษ์พันธ์ ผกก.สน.บก.น.7 พ.ต.อ.สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล ผกก.สน.บางขุนนนท์ แพทย์นิติเวช ร.พ.ศิริราช และมูลนิธิร่วมกตัญญู รุดไปตรวจสอบ



บริเวณหน้าลิฟต์ชั้น 2 พบกระเป๋าเดินทางสีดำขนาดใหญ่วางอยู่ ภายในมีถุงพลาสติกขนาดใหญ่แบบมีซิปสีดำลายการ์ตูนอีกชั้น โดยพบร่างมนุษย์ถูกห่อด้วยผ้าห่มสีชมพูลายการ์ตูน ลักษณะไม่มีศีรษะ ข้อมือ 2 ข้าง และข้อเท้าขวาถูกหั่นออก ข้อเท้าซ้ายถูกเฉือนเกือบขาด สวมเสื้อยืดสีน้ำตาล นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ตามร่างกายยังพบบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคมอีกหลายแผล เบื้องต้นทราบชื่อคือนายประสิทธิ์ ศรีสมบุญญานนท์ อายุ 47 ปี อาชีพดีไซเนอร์ พักอยู่ห้องเลขที่ 714 ชั้น 7



เจ้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจสอบที่ห้องพักพบน.ส.พรสุรีย์ ดีแผ่ว อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 151 หมู่ที่ 1 ต.บ่อโพธิ์ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ภรรยานายประสิทธิ์ อยู่ในห้องพัก สวมชุดเสื้อกระโปรงลายดอกสีแดง ภายในใส่เสื้อสีฟ้า ทำผมเป็นจุกอยู่ด้านบน ใส่ต่างหูเงินและแหวนอีกหลายวง นั่งพนมมืออยู่ในห้อง ภายในห้องพบอุปกรณ์การเสพยาเสพติด 1 ชุด คราบเลือดติดที่ผนังหัวเตียง นอกจากนี้ที่บานประตู-หน้าต่าง ทุกบานเขียนยันต์อักขระ มีเทียนไขขนาดใหญ่ที่ไว้ใช้บูชาเทพเจ้า ชุดถือศีลสีขาวกองอยู่กับพื้น 1 ชุด สมุด 1 เล่ม ภายในเขียนยันต์ลวดลายต่างๆ นอกจากนี้ยังพบสุนัขที่เลี้ยงไว้ในห้อง 2 ตัว แต่ไม่พบชิ้นส่วนมนุษย์อื่นๆ ที่หายไป



ตำรวจพยายามสอบถามไม่พูดอะไร หรือเวลาพูดก็วกไปวนมาจับใจความไม่ได้ จึงควบคุมตัวไปที่กก.สส.น.7 เบื้องต้นตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วงลักษณะเสพยามาก่อน



สอบปากคำ รปภ.ซึ่งเป็นคนแรกที่พบศพให้การว่า ในช่วงสายน.ส.พรสุรีย์ เรียกให้ไปช่วยยกกระเป๋าดังกล่าวจากหน้าห้องพักบอกว่าเป็นข้าวของ และเสื้อผ้าเก่าๆ นำไปแจกจ่ายคนอื่นเพราะกำลังจะย้ายออก จึงลากมาที่ลิฟต์กดลงมาที่ชั้น 2 แต่กระเป๋าหนักมากจึงตัดสินใจเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบของบางส่วนออกมา เจอกระเป๋าอีกใบภายในเมื่อรูดซิปออกต้องผงะเพราะเจอศพอยู่ภายใน จึงรีบแจ้งผู้จัดการก่อนแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ



ตำรวจออกสอบปากคำพยานแวด ล้อมอื่นๆ กระทั่งพบว่า เมื่อช่วงเช้ามีคนเห็นน.ส.พรสุรีย์ นำถุงพลาสติกขนาดใหญ่มาโยนทิ้งคลองบางกอกน้อย ด้านหลังอพาร์ตเมนต์ คาดว่าจะเป็นอวัยวะส่วนที่เหลือที่ขาดหายไป จึงประสานชุดประดาน้ำออกค้นหากระทั่งพบถุงพลาสติกแบบมีซิป สีขาวลายการ์ตูน ภายในพบศีรษะของนายประสิทธิ์ ห่อด้วยผ้าขนหนูสีเหลือง สภาพใบหน้าถูกฟันจนเละ แต่ยังไม่พบชิ้นส่วนที่เหลือคือ ข้อมือทั้ง 2 ข้าง และข้อเท้าขวา



พนักงานและผู้เช่าในอพาร์ตเมนต์ให้การว่า นายประสิทธิ์และน.ส.พรสุรีย์ มาพักอยู่ประมาณ 9 ปีแล้ว โดยผู้ชายมีอาชีพเป็นดีไซเนอร์ และยังมีอพาร์ตเมนต์ให้เช่าแถวท่าพระด้วย ส่วนฝ่ายหญิงไม่ทราบว่ามีอาชีพอะไร แต่ทราบว่ามีฐานะดี มักจะจ้างคนไปหาซื้อของหรือเบียร์มาดื่มกินเป็นประจำ จนเมื่อประมาณ 2 ปีก่อนนายประสิทธิ์ ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ จะอยู่แต่ในห้อง แต่น.ส.พรสุรีย์ ยังจ้างให้คนไปซื้อเบียร์มาดื่มเหมือนเดิม จนเมื่อปีที่แล้วได้รับการร้องเรียนจากข้างห้องว่า ทั้งคู่มีปากเสียงกันบ่อยครั้งจนต้องตักเตือน หลายหน



พยานระบุอีกว่าน.ส.พรสุรีย์ เหมือนคนมีอารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย และชอบทรมานนายประสิทธิ์ บางครั้งก็ลากออกมาทิ้งอยู่ด้านนอกเนื้อตัวมอมแมม แล้วนำข้าวมาให้กิน หรือบางทีเมื่อทะเลาะกัน น.ส.พรสุรีย์ จะลากนายประสิทธิ์มาไว้บริเวณที่ทิ้งขยะข้ามคืนก่อนจะมาพากลับเข้าห้อง



กระทั่งเมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา น.ส. พรสุรีย์ นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างออกไปหาซื้อถุงที่ใส่ศพกลับมา และแจ้งขอย้ายออก จนถึงช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ น.ส.พรสุรีย์ แต่งหน้าทาปากแดงเข้ม ใส่สร้อยไข่มุกเต็มคอ เกล้าผมมวยและติดดอกไม้ช่อใหญ่สีแดง เดินถือถุงพลาสติกขนาดใหญ่แบบมีซิปจำสีไม่ได้ ออกไปทางด้านหลังริมคลองบางกอกน้อยและเดินตัวเปล่ากลับเข้าที่พัก ก่อนเรียกรปภ.ไปขนกระเป๋าเดินทางออกจากห้อง กระทั่งรปภ.เห็นว่าภายในกระเป๋าเป็นศพ



ช่วงเย็นวันเดียวกันตำรวจพยายามสอบปากคำน.ส.พรสุรีย์ อีกรอบ เพราะหลังถูกจับกุมน.ส.พรสุรีย์ เอาแต่นิ่งเงียบพูดจาวกวนและนั่งพนมมือทำปากเหมือนบริกรรมคาถาเกือบตลอดเวลา ซึ่งพอจะให้การได้บ้างโดยอ้างตัวเองเป็นร่างทรงเทพอานนท์ โดยรับว่าเสพยาบ้าเป็นประจำวันละไม่ต่ำกว่า 10 เม็ด สักพักก็บอกว่าเป็นร่างทรงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลงมาปราบมาร เมื่อถามว่ารู้หรือไม่ว่าลงมือฆ่าสามีตัวเอง น.ส.พรสุรีย์ มองหน้านิ่งก่อนตอบชัดถ้อยชัดคำว่า "รู้และได้ฆ่ามารเฒ่าโลหิต และมาจับเราได้ไง เราเป็นเจ้าแห่งศาสตร์ใครกล้ามาจับเรา พ่อกับแม่ให้ฆ่ามัน"



เบื้องต้นตำรวจคาดว่าน.ส.พรสุรีย์ ที่เสพยาบ้าอย่างหนักจนมีอาการประสาทหลอน ลงมือฆ่านายประสิทธิ์ ที่เป็นอัมพฤกษ์ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา และปิดบังซ่อนเร้นทำลายศพ ส่งตัวไปตรวจสภาพจิตที่ร.พ.นิติจิตเวช เพื่อรอผลว่าจะเป็นเช่นไร ก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...