เมื่อกล่าวถึงคำว่า“หน่วยสืบราชการลับ” หลายคนอาจนึกถึง
CIA หรือ KGB ของอดีตสหภาพโซเวียตซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเป็น
FSB แล้ว ลองมาเปรียบเทียบกันดู
(รูป ตราของ KGB)
KGB มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ทิปลิปสถาน
ชานเมืองไปทางตะวันตกของมอสโคว
มีพนักงานรวมทั่วโลก 250,000 คน(ปี 1988)
CIA มีสำนักงานใหญ่อยู่แลงค์ลีย์ รัฐเวอร์จีเนีย มีพนักงาน25,000 คน และประจำการทั่วโลกอีก 5,000 คน
(รูป ตราของ MOSSAD ซึ่งเป็น รูป เทียน7แฉก ของศาสนายิว)
MOSSAD มีสำนักงานตั้งอยู่รวมกับ IDF(Israeldefend force) ของ เทลอาวีฟ มีพนักงานประจำออฟฟิส 1,200 คน ซึ่งคนพวกนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหน่วยงานที่เขาสังกัดอยู่เลยพวกนี้ทำหน้าที่เป็น คนถูพื้น คนเก็บขยะ และพนักงานเอกสาร เมื่อเดินไปถามคนเหล่านั้นว่าเขาทำงานให้ใครเขาก็จะบอกว่าทำงานให้IDF และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือมี เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับจริงๆแค่ 30-35 คน !!! เจ้าหน้าที่ MOSSAD จะทำหน้าที่หลักคือประสานงานกับยิวที่อยู่ในเครือข่าย MOSSAD ที่มีอยู่ทั่วโลก ที่เรียกว่า Katsas ซึ่งคนพวกนี้ทำงานโดยไม่รับค่าตอบแทนใดๆ แทบจะกล่าวได้ว่าที่ใดมียิวที่นั้นก็มี MOSSAD นั้นเอง
พวก MOSSAD เรียนรู้การต่อสู้ระยะประชิดที่ชื่อ Krav maga ซึ่งเป็นการผสมระหว่าง มวยปล้ำ คาราเต้ และหัวใจหลักของ Krav maga คือ การสามารถใช้อาวุธทุกอย่างรอบตัวเป็นอาวุธในการสังหารได้
ผู้อำนวยการของ MOSSAD จะไต่เต้าขึ้นมาจากตำแหน่งงานของตัวเองต่างกับ CIA และ KGB ที่นักการเมืองมีส่วนแต่งตั้งซึ่งต้องผ่านการซักฟอกมากมายกว่าจะได้เป็น ผู้อำนวยการ CIA, KGB
ในงบประมาณแต่ละปีของอิสราเอลไม่มีหน่วยงาน MOSSADปรากฏ งบทุกอย่างเป็นความลับ
เจ้าหน้าที่ MOSSAD ถูกคัดเลือกมาจาก IDF ซึ่งแต่ละคนคือ สุดยอดของสุดยอด ทุกคนสามารถปฏิบัติการได้อย่างอิสระ แม้กระทั่งเจรจากับผู้ก่อการร้ายด้วยตัวเองในนามตัวแทนของประเทศอิสราเอล!! ทุกอย่างไม่จำกัดวิธีการเพียงให้บรรลุเป้าหมาย
(รูป ผู้อำนวยการ MOSSAD อดีตจนปัจจุบัน)
MOSSAD ทำงานของตัวเองอย่างเงียบเชียบต่อเนื่องได้ โดยไม่ต้องรายงานนักการเมือง แต่นักการเมืองมีสิทธิสั่งการMOSSAD ได้ ในบรรดานักการเมืองทั้งหมดจะมีเพียงรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงเท่านั้นที่จะได้เห็น Blacklist คือ รายชื่อผู้ต้องถูกสังหารในฐานะที่เข่นฆ่าคนอิสราเอล ไม่ว่าจะเป็น ผู้นำก่อการร้าย พวกเคยลอบวางระเบิด หรือ แค่มีหลักฐานว่าเคยเกี่ยวข้องกับปฎิบัติการเหล่านี้ แม้กระทั่งนักวิทยาศาสตร์ที่คิดค้นอาวุธให้ชาติศัตรูของอิสราเอล(เมื่อสร้างอาวุธเสร็จ คนอิสราเอลต้องตาย ทำไมจะฆ่าไม่ได้?)
(รูป พวกฮามาส ลั่นคำปฏิญาณว่าจะล้างแค้นแทน มัลมูด อัล เมบฮูล ผู้นำฮามาสที่ถูกลอบสังหารคนล่าสุด )
รายชื่อพวกนี้มีประมาณ 100+ ชื่อในแต่ละปี ที่น่าขำคือ จะมีการพิพากษาโดยไม่มีตัวจำเลยศาลที่พิพาษาอันนี้สูงกว่า ศาลสูงสุดของอิสราเอลอีก โดยทางอิสราเอลจะมีทนายให้ 2 ฝ่าย โต้เถียงกัน โดยชื่อใน Blacklist จะมาจาก คำสั่งศาลพิเศษที่ตัดสินสั่งประหารเรียบร้อยแล้ว Blacklist สามารถถูกจับเป็นมาเพื่อสู้คดีอีกรอบได้ แต่ส่วนใหญ่ MOSSAD มักเลือกสังหารพวก Blacklist นี้ซะมากกว่า
การก่อตั้ง MOSSAD
(รูป สงครามประกาศเอกราชปี 1948 อิสราเอลถูกรุกรานจากกองทัพมุสลิมในทุกๆทาง)
หลังจากสงครามก่อตั้งประเทศอิสราเอลในปี 1948 อิสราเอลชนะทั้งๆที่โลกอิสลามทั้งหมดรุมกินโต๊ะ
ตอนนั้นอิสราเอลประกาศตั้งประเทศก่อนกำหนดการณ์ 1 วันและถล่มพวกกองทัพ มุสลิมที่จ่อรอกินโต๊ะอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้อิสราเอลชนะอย่างหวุดหวิด นี่คือประเทศคู่สงครามของ อิสราเอลในสงครามก่อตั้งประเทศอิสราเอล (ถ้าไปอ่านใน Wikipedia จะน้อยกว่านี้เพราะบางชาติรวมกันมาในนาม arab league)
1.ซีเรีย
2.จอร์แดน
3.เลบานอน
4.อิรัค
5.ซาอุดิอารเบีย
6.อิยิปต์
7.เยเมน
8.ซูดาน
9.ปาเลสไตน์
10.อิหร่าน
11.ลิเบีย
จากจำนวนศัตรูที่มากกว่าถึง 10 เท่า ถ้านับชาติของศัตรูประชากรก็มากกว่า 100เท่าถ้านับขนาดพื้นที่ของชาติศัตรูก็มากกว่านับ1,000 เท่าการแพ้สงครามเพียงครั้งเดียวคือการสิ้นชาติ สิ่งเดียวที่จะช่วยให้อิสราเอลอยู่รวดได้คือ“การข่าว”!!
(รูป เดวิด เบนกูเรียน ผู้นำคนแรกของอิสราเอล)
เดวิด เบนกูเรียน ปธน.คนแรกของอิสราเอลได้ส่งเสริมแนวคิดการตั้ง หน่วยงานสืบราชการลับที่มีขอบข่ายกว้างขวาง ใช้ชื่อว่าMOSSADแปลว่า “สถาบัน”ในปี 1949