วันนี้ขอนำเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตชนบทของสังคมไทยมาเล่าสู่กันฟังนะคะ
ใครว่าสังคมเมืองมีความเจริญ แต่สำหรับเราเห็นจะขอบอกว่า เหนื่อยจัง (อาจเป็นเพราะอยู่แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้คะ) เพราะอะไรนะหรือ ก็สังคมเมืองมีความเจริญก็จริงแต่คนกลับไม่ค่อยเจริญ สังเกตไหมคะว่าสังคมเมืองอยู่แบบตัวใครตัวมัน แต่สังคมชนบทเดียวไปกินข้าวบ้านนู้นทีบ้านนี้ทีไม่เห็นเป็นไร มีอะไรก็แบ่งปันกันเสมอ ยามเจ็บป่วยแม้จะไกลจากโรงพยาบาลแต่น้ำใจเพื่อนบ้านมีอยู่เสมอไม่ว่าดึกแค่ไหนก็ช่วยเหลือกัน นี้ล่ะหน่าคนบ้านเรา อาจจะลำบากในการติดต่อสื่อสาร การคมนาคม อาจจะมีเทคโนโลยีน้อยหน่อย แต่ไม่เคยแล้งน้ำใจไมตรี
สังคมชนบทในปัจจุบันถูกรุกรานจากนักท่องเที่ยว เพราะต้องการมาสูดอากาศที่บริสุทธิ์ก็มากัน ถึงแม้ว่าชนบทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นแต่ สิ่งแวดล้อมก็เสื่อมโทรมไปไม่น้อยเช่นกัน ถ้าจะพูดไปแล้วสังคมเมืองกำลังขยายตัวสู่สังคมชนบท แต่เดิมวิถีชีวิตของชาวชนบทก็อยู่กันอย่างพอมีพอกิน ทำนา ทำไร่ เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย อาหารการกินก็อุดมสมบูรณ์หาปูหาปลากันพอกิน ชีวิตเหล่านี้ส่งผลต่อวัฒนธรรมการเป็นอยู่ที่ดี มีการไปมาหาสู่ของลูกหลาน สังเกตไหมคะทุกๆปีในช่วงเทศกาล เหล่าคนเมืองกลับบ้าน เพื่อเยี่ยมญาติสังสรรค์กัน ทุกวันนี้สังคมโลกเปลี่ยนแปลงไปทุกวันถึงแม้สังคมชนบทจะเปลี่ยนไปก็คงเล็กน้อย
แต่ก็ อย่าคิดนะคะว่าสังคมเมืองจะไม่มีอะไรดี เห็นจำนวนแรงงานที่เพิ่มขึ้นทุกวันเพราะต่างเข้ามาหางานทำ และ เข้ามาเรียนหนังสือ จบไปจะได้มีงานการทำ มีการคมนาคมที่สะดวก แหล่งบันเทิงที่หลากหลาย แต่ผลกระทบที่ได้รับจากการเข้ามาอยู่สังคมเมือง คือการเจอกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยซึ่งจะเป็นประโยชน์หรือไม่นั้นขึ้นกับทัศนะของผู้ใช้ การเจริญของสังคมก็มีรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาแทรกแซงวัฒนธรรมไทย
ดั้งนั้นสิ่งที่อยากจะฝากไว้คือไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการรู้จักปรับตัวเองให้เข้ากับสภาพแวดล้อมนั้นๆ เรียนรู้ในสิ่งที่ถูกต้องเลือกสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์มาใช้ให้เหมาะสมกับตนเองในการดำเนินชีวิต
ถึงอยู่แสนไกล ไม่สุขสำราญ เหมือนอยู่บ้านเรา
ดื่มด่ำค่ำเช้า สุขทวี ทรัพย์จากพื้นดิน สินจากนที มีสุขเสรี....