กว่าจะเป็น FBI รู้มั้ย..เบื้องหลังต้องเจออะไรบ้าง ?

 

   FBI ย่อมาจาก Federal Bureau of Investigation หรือ สำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในกองราชการของสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งในปีค.ศ.1908 ปัจจุบันเน้นดูแลปัญหาอาชญากรรมระหว่างประเทศ การก่อการร้าย คดียาเสพติด และการฟอกเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา หรือพูดง่ายๆ ก็คือเหมือนเป็นตำรวจส่วนกลางของประเทศนั่นเอง (แต่ไม่มียศ) เพราะปกติแล้ว ในสหรัฐอเมริกามีหลายรัฐหลายเมือง แต่ละรัฐก็มีกฏหมายที่ต่างกัน ตำรวจของรัฐใดก็มีอำนาจจัดการภายในรัฐนั้นๆ เท่านั้น แต่ FBI จัดการได้หมดทุกรัฐทุกที่ ! ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ FBI เป็นผู้หญิงประมาณ 15% นอกนั้นเป็นผู้ชายทั้งหมด

          คดีหลักๆ ที่ FBI ดูแล แบ่งได้เป็น 9 หมวดคือ การก่อการร้าย  การต่อต้านข่าวกรอง  อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ การคอรัปชั่นของราชการ สิทธิพลเมือง อาชญากรรมในองค์กร อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ อาชญากรรมรุนแรง และการโจรกรรมกลุ่ม

           เจ้าหน้าที่หลักของ FBI (ที่เห็นกันในหนังบ่อยๆ ) มีชื่อตำแหน่งภาษาอังกฤษว่า FBI Special Agent หรือเจ้าหน้าที่พิเศษแห่ง FBI ว่ากันว่าหน้าที่หลักๆ ของเจ้าหน้าที่พิเศษแห่ง FBI คือ Challenge the unknown , Solve the impossible แปลได้ว่า ต้องท้าทายกับใครก็ไม่รู้ (ซึ่งก็หมายถึงผู้ก่อการร้ายที่ยังจับตัวไม่ได้) และต้องแก้ปัญหาที่เป็นไปไม่ได้ (ให้เป็นไปได้)  โอ้วววว ... เท่มั้ยล่ะ

คุณสมบัติเบื้องต้นของผู้ที่จะสามารถสมัครเพื่อเป็น FBI SPecial Agent ได้


- สัญชาติอเมริกัน
- อายุระหว่าง 23-37 ปี
- ไม่เคยมีความผิดโทษทางอาญา
- มีใบขับขี่รถยนต์
- จบปริญญาตรี (สาขาใดก็ได้)
- มีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 3 ปี 
- มีความรู้หรือพร้อมที่จะเรียนรู้เนื้อหางานเกี่ยวกับบัญชี IT ภาษา และกฏหมาย
- สุขภาพดี บุคลิกภาพดี
- พร้อมที่จะทำงานที่ไหนก็ได้ในโลกใบนี้

ขั้นตอนการคัดเลือก

ขั้นตอนที่ 1 สมัครออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์

ขั้นตอนที่ 2 ทาง FBI จะคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสม เข้ามาทำการทดสอบเบื้องต้นในเรื่องต่อไปนี้

- Biodata Inventory ทดสอบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การกล้าตัดสินใจ ข้อสอบเป็นชอยส์และให้เลือกตอบชอยส์ A-E

ตัวอย่างข้อสอบในส่วนของ Biodata Inventory

- Logical Reasoning Test ทดสอบความสามารถในการเข้าถึงรายละเอียดต่างๆ และการประเมินข้อมูลเพื่อตัดสินใจ โดยข้อสอบส่วนนี้จะเป็นคำถามเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ ที่มีกฏหมายหรือคดีความเข้าไปเกี่ยวข้อง และให้เลือกตอบชอยส์ A - E ว่าข้อใดถูกต้อง

- Situational Judgment Test ทดสอบความสามารถในการวางแผน การรักษาภาพจน์ การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ความซื่อสัตย์ และการมีศีลธรรม ข้อสอบเป็นเหตุการณ์สมมติที่ให้เราตัดสินใจแก้ปัญหา และมีแนวทางแก้ปัญหาให้คือชอยส์ A-D โดยให้เราประเมินว่า แนวทางแก้ปัญหาชอยส์ A-D แต่ละข้อนั้น ข้อไหนเหมาะสมมากที่สุดด้วยการใส่เลข 1-7 ในชอยส์นั้นๆ โดย 1 คือไม่เหมาะสมที่สุด และ 7 คือเหมาะสมมากที่สุด

ตัวอย่างข้อสอบในส่วนของ Situational Judgment Test

 


ขั้นตอนที่ 3 ผู้ที่ทดสอบในขั้นตอนที่ 2 ผ่าน จะต้องทำการทดสอบในหัวข้อต่อไปนี้

- Structured Interview คือการสอบสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่พิเศษ FBI 3 คนซึ่งผ่านการเทรนในการคัดเลือกเจ้าหน้าที่มาเป็นอย่างดี โดยเจ้าหน้าที่ที่สอบสัมภาษณ์นี้จะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผู้เข้าสอบสัมภาษณ์เลยยกเว้นชื่อ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง กับ 13 คำถามมาตรฐาน

- Written Exercise คือการสอบข้อเขียน โดยทางเจ้าหน้าที่จะมอบหลักฐานสำคัญของคดีจำลองหนึ่ง และให้ผู้เข้าสอบ เขียนรายงานหรืออธิบายเกี่ยวกับหลักฐานนั้นภายในเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง

ขั้นตอนที่ 4 ผู้ที่ผ่านการทดสอบจะได้รับจดหมายนัดให้ทดสอบสมรรถภาพร่างกายตามนี้ ซิทอัพ 1 นาที  วิ่งระยะสั้น 300 เมตร  วิดพื้น (ไม่จำกัดเวลา นับครั้งเท่าที่ทำได้) และวิ่งระยะไกล 1.5 ไมล์

ขั้นตอนที่ 5 ทาง FBI จะทำการสอบสวนประวัติของผู้ที่ผ่านการทดสอบอย่างละเอียด โดยเฉพาะประวัติด้านอาชญากรรมและยาเสพติด 

ขั้นตอนที่ 6 ผู้ที่ผ่านการทดสอบและตรวจสอบประวัติ จะต้องเข้าตรวจสุขภาพ โดยเฉพาะการมองเห็นและการได้ยิน

ขั้นตอนที่ 7 ผู้ที่ผ่านการทดสอบทั้ง 6 ขั้นตอนด้านบน จะถูกจัดสรรไปตามแผนกต่างๆ ของ FBI ตามความเหมาะสม ได้แก่

- Intelligence สอบสวนคดีหรือเรื่องที่ขัดแย้งต่อผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกา  และสรรหาและรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อส่งให้แก่ FBI แผนกอื่นๆ เหมือนเป็นหัวกะทิเน้นป้อนข้อมูลนั่นเอง
- Counterintelligence แผนกนี้จะคอยดูแลความปลอดภัยให้ประเทศ คือดูว่ามีประเทศไหนจะแทรกแซงสหรัฐเมริกาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นทางอาวุธ ทางสงคราม หรือการขยายอำนาจอิทธิพล 
- Counterterrorism แผนกนี้อาจต้องโลดโผนนิดนึง คือเกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายนั่นเอง ต้องร่วมกันหาตัวผู้ก่อการร้ายที่มีรายชื่อในบัญชีของ FBI และป้องกันการก่อร้ายที่อาจเกิดขึ้น
- Criminal Investigative จะคล้ายๆ แผนกแรก แต่จะเน้นสอบสวนคดีที่ร้ายแรง คดีเกี่ยวกับธุรกิจการเงิน คดีขององค์กร คดียักยอกทรัพย์ คดียาเสพติด
- Cyber ชื่อแผนกก็บอกอยู่แล้วว่าไซเบอร์ แผนกนี้จะคอยดูแลคดีที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ คือใครมาแฮ็กข้อมูลทางราชการล่ะก็ ฝ่ายนี้จะเป็นคนจัดการ

         โดยจะต้องเข้ารับการฝึกอย่างเข้มงวดเป็นเวลา 21 สัปดาห์ ที่วิทยาลัยสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FBI National Academy จากนั้นถึงจะได้เข้าทำงานเป็น FBI Special Agent หรือเจ้าหน้าที่พิเศษแห่ง FBI สำหรับเงินเดือนนั้นก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุงาน โดยรายได้ต่อปีจะอยู่ที่ $41,064 - $133,969 ค่ะ (คูณ 30 เข้าไปนะ)


        

 

Credit: http://www.dek-d.com/content/studyabroad/27126/
6 ต.ค. 55 เวลา 20:08 9,397 6 160
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...