เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 ต.ค. ร.ต.ท.ศิริโชค กังวาลวานิช ร้อยเวร สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุเรือสปีดโบ๊ทรับ-ส่งนักท่องเที่ยวประสบอุบัติเหตุจมลง มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติลอยคอ รอคอยความช่วยเหลืออยู่ในทะเล ห่างจากสะพานท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย พัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ประมาณ 200 เมตร จึงพร้อมด้วยพ.ต.อ.ธรรมนูญ มั่นคง ผกก. พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ สระทอง ออย รอง ผกก.ป. นายปกรณ์ สุคนธชาติ ปลัดเมืองพัทยา นายสนิท บุญมาฉาย ประธานคณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองพัทยา และนายภูมิพิพัฒน์ กมลนาถ เลขานุการนายกเมืองพัทยา พร้อมกับประสานไปยังหน่วยกู้ภัยทางทะเลเมืองพัทยา และชุดปฏิบัติการทางน้ำ มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน รีบรุดนำเรือยางไปช่วยเหลือ

ในที่เกิดเหตุพบเรือสปีดโบ๊ทชื่อ ส.ซีเวิลด์ 17 ขนาด 24 ที่นั่ง สภาพท้องเรือแตก น้ำทะลักเข้าเรือและกำลังจะจม โดยมีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี 22 คน ไกด์ชาวไทย 1 คน และคนขับเรือ 1 คน ลอยคอกระจัดกระจายอยู่ใกล้ๆ เจ้าหน้าที่จึงรีบช่วยเหลือทั้งหมดนำขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย โดยมีหญิงนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีมีอาการสำลักน้ำบาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน จึงนำตัวส่งรพ.พัทยาเมโมเรียล

จากการสอบปากคำ น.ส.ภัคภร สุนทรมัจฉะ อายุ 30 ปี ไกด์สาวชาวไทย ให้การว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้พานักท่องเที่ยวชาวเกาหลี 22 คน เดินทางไปท่องเที่ยวที่เกาะล้าน กระทั่งขากลับได้เช่าเหมาลำเรือสปีดโบ๊ทลำดังกล่าว พาทุกคนมาขึ้นฝั่งที่ท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย แต่ระหว่างทางได้สังเกตพบว่านายท้ายเรือขับเรือด้วยความเร็วสูง ประกอบกับคลื่นทะเลมีความสูง ทำให้เรือกระแทกกับคลื่นตลอดเวลา เมื่อวิ่งใกล้จะถึงท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮายอีกประมาณ 200 เมตร ปรากฏว่ามีน้ำทะเลไหลทะลักเข้ามาในเรือเป็นจำนวนมาก สร้างความตื่นตระหนกให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพียง 3 นาทีเรือได้อับปางจมลง ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต้องลอยคอกลางทะเล ต่อมามีหน่วยกู้ภัยทางน้ำเมืองพัทยา รีบเข้ามาช่วยเหลือจนปลอดภัย ซึ่งนับว่าโชคดีที่ทุกคนสวมเสื้อชูชีพ จึงไม่มีใครเป็นอะไรมากนัก มีเพียงทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นกล้องถ่ายรูป กล้องวีดีโอ รวมทั้งกระเป๋าสตางค์ ที่เปียกน้ำได้รับความเสียหายทั้งหมด

ทั้งนี้จากการตรวจสอบเรือสปีดโบ๊ค ในเบื้องต้นพบว่าบริเวณใต้ท้องเรือมีรอยแตกยาวประมาณ 1 ฟุต คาดว่าเกิดจากการกระแทกกับคลื่นทะเลอย่างแรง เป็นผลให้น้ำทะเลทะลักเข้ามาจนเรืออับปางลง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายชูศักดิ์ ประสานแก้ว อายุ 46 ปี คนขับเรือ ไปตรวจสอบใบอนุญาตขับขี่เรือและสอบปากคำถึงสาเหตุอย่างละเอียด ก่อนนำเรือลำดังกล่าวมาตรวจสภาพ หากพบว่ามีข้อบกพร่องหรือไม่ได้มาตรฐาน จะดำเนินการเอาผิดกับผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของเรือด้วย