GO6TV : (วันที่ 4 ตุลาคม 2555) นายกิตติชัย แข็งขัน พยานปากเอกในคดี6 ศพวัดปทุมวนาราม ได้เสียชีวิตลงแล้วอย่างกระทันหัน โดยไม่ทราบสาเหตุ ผู้ตายโดนยิงเมื่อเหตุการณ์ 19พ.ค. 53 จน ต้องดามหลังด้วยแผ่นไม้และให้น้ำเกลือ แล้วรอดตายมาได้ราวปาฏิหาริย์ และหลังจากนั้น ก็ได้รักษาตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่เคยขาดยา และไม่มีอาการแทรกซ้อน นายกิตติชัย ได้ไปสมัครทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยย่านตลิ่งชัน เริ่มทำงานได้แค่วันเดียว ในวันที่ 1 ตุลาคม 2555 ก็ไปหาหมอที่ศิริราชและเสียชีวิตในวันรุ่งขึ้นทันทีโรงพยาบาลศิริราช มีคำอธิบายสั้นๆว่า “เส้นเลือดอุดตัน”
ภาพเมื่อโดนยิง และต้องเอาไม้กระดานดามหลังชั่วคราวในวัด
เพิ่งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม (วันเดียวกันกับที่เข้าโรงพยาบาล) สถานนีโทรทัศน์ เอเชียอัพเดท ได้เผยแพร่ภาพข่าวสัมภาษณ์นายกิตติศักดิ์ แข็งขัน ในฐานะพยานปากเอกคดีวัดปทุมวนาราม ความยาว 7 นาทีเศษ ดังคลิปต่อไปนี้
อีกทั้ง ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2553 หนังสือพิมพ์มติชนได้เคยสัมภาษณ์นายกิตติชัย แข็งขันไว้เมื่อคราวพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลกลางถึงเหตุการณ์ที่นายกิตติชัย ได้เจอระหว่างทหารเข้าสลายการชุมนุม และโดนยิงในวัด โดยมีรายละเอียดข่าวดังนี้
“ที่ชั้น 9 โรงพยาบาลกลางในห้องพักผู้ป่วยชายมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์กระชับพื้นที่เข้ารักษาตัว 4 ราย ชายวัย 40ปี นายกิตติชัย แข็งขัน ชาวขอนแก่นถูกเข็นไปล้างแผลตั้งแต่บ่ายโมงกลับมาอีกทีตอนบ่าย 4 โมง ด้วยสภาพอิดโรยบอกกับผู้สื่อข่าวว่าเหนื่อยหน้ามืดคุยไม่ไหวแต่ยังแข็งใจตอบคำถาม”
"ผมพูดในสิ่งที่ตัวเองประสบมาเห็นมากับตาถ้าไม่เห็นแบบนี้ก็พูดไม่ได้" คำตอบจากนายนายกิตติชัย ในฐานะชาวบ้านคนหนึ่งไม่ใช่ผู้มาร่วมชุมนุมแต่มาทำงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ช่วยหลานเดินสายไฟฟ้าใน สตช. แต่จะแวะเวียนไปร่วมกินข้าวกับผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงชาวขอนแก่นในฐานะคนบ้านเดียวกันไม่คิดว่าจะถูกยิงปางตายเช่นนี้
นายกิตติชัย นอนซมอยู่บนเตียงคนป่วยโดยมีผ้าพันแผลติดอยู่ที่ด้านหลังเหนือเอวขึ้นมาและบริเวณมือขวา มีสายน้ำเกลือโยงไปที่แขน นอนหายใจเหนื่อยหอบอยู่บนเตียงท่าทางอิดโรยนอนหงายไม่ได้ เล่าถึงนาทีที่ถูกยิงบาดเจ็บว่า ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบ 1 ทุ่ม หลังจากที่ผมออกมาจาก สตช.เพื่อไปหาผู้ชุมนุมชาวขอนแก่นตามปกติเพราะคิดว่าแกนนำได้มอบตัวหมดแล้ว จึงคิดว่าเหตุการณ์น่าจะสงบแล้ว แต่พอไปถึงถูกไล่มาเรื่อยๆจากแยกศาลาแดงมาจนถึงแยกราชประสงค์ การ์ดเสื้อแดงบอกให้วิ่งเข้าไปหลบในวัดจะปลอดภัยที่สุดผู้คนแตกกระจายวิ่งหลบเข้าไปในวัดปทุมฯบ้าง สตช.บ้าง
"ผมมาจากทางศาลาแดงมาเป็นกลุ่มสุดท้ายพอดีกับเวทีสลายหมดแล้ว การ์ดก็ให้วิ่งเข้าไปในวัด พอไปถึงผมก็พักผ่อนนอนเล่นกันอยู่ตั้งนานถึงได้ยินเสียงปืนดังมาอีก จึงเข้าไปหลบใต้ท้องรถ ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบ 1 ทุ่ม เขายืนอยู่บนทางรถไฟฟ้ายิงเข้ามาในวัดต่างคนต่างหลบกัน ผมโดนยิงข้างหลังกับมือ พวกเราไปหลบอยู่ใต้ท้องรถ 5-6 คน
ตอนที่ผมโดนยิงทหารก็ให้ออกมาจากใต้ท้องรถ เขายิงมาจากบนสะพานรถไฟฟ้า ผงกหัวขึ้นไม่ได้เลย พอโดนลูกปืน มันร้องให้ออกมา แต่ไม่มีใครออกไป พอผมโดนยิง ผมบอกว่ายอมแล้วๆมันก็ยิงใส่มืออีก มันโกหกบอกให้ออกมายิง แต่ผมไม่ไหวแล้วเลือดออกเยอะ พอออกมามันบอกให้ผมถอดเสื้อออกแล้วยกมือขึ้น แล้ววิ่งไป ผมก็วิ่งไปหาพยาบาลทำแผลให้ ผมยืนหันหน้าเห็นทหารเขาเล็งมาใส่ผม แต่ตอนนั้นเขาไม่ยิงใส่แล้ว เพราะเห็นว่าผมถูกยิง บอกให้ถอดเสื้อ ยกมือขึ้น ผมก็ยกมือขึ้นสองข้างแล้วก็วิ่งไปเลย" นายกิตติชัยกล่าวและยืนยันอีกครั้งว่า
"ผมเห็นเขายิง ผมยืนยันไม่มีใครหรอกนอกจากทหารใส่ชุดพรางใส่หมวก เขาก็ตะโกนให้ผมออก ผมก็ตะโกนออกแล้วครับ ผมก็บอกยอมแล้วครับเห็นยืนเล็งใส่ผมอยู่ ถ้ามันยิงตอนผมถอดเสื้อคงตายแล้ว แต่มันก็บอกให้ผมวิ่ง ผมก็วิ่งไปหาพยาบาลไปอ่อนแรงตรงนั้น พอทำแผลใกล้เสร็จห้ามเลือดเขาก็ยิงมาใส่หลายนัด โดนฝรั่งที่กำลังถ่ายรูปผมอยู่ จากนั้นผมก็สลบไปเลย"
นายกิตติชัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า "ผมนอนเจ็บอยู่หลายชั่วโมงทหารไม่ให้ออกมา ไม่ให้รถพยาบาลเข้าไปเอาออกมาด้วย ผมสลบอยู่หลายรอบเพราะเสียเลือดมากกว่าจะมาถึงโรงพยาบาล 5 ทุ่มแล้วถูกยิงตั้งแต่ 6 โมงเย็น พยาบาลที่ไปนำตัวผมออกมาจากในวัดต้องหามออกมาใส่รถด้านนอกเพราะไม่ให้เอารถเข้าไปรับ"
นายกิตติชัย กล่าวอีกว่า เพื่อนที่หมอบอยู่ใต้ท้องรถด้วยกันมาเยี่ยมบอกว่า มีคนที่แอบอยู่ใต้ท้องรถด้วยกันถูกยิงเสียชีวิต และยิงมาจากสะพานรถไฟฟ้า มีคนไม่น้อยๆไปหลบในวัดประมาณ 4-5 พันคน บางคนวิ่งไปที่โรงพยาบาลตำรวจบางคนวิ่งเข้าไปหลบในวัดก็นึกว่ารอดแล้วแต่ก็ยังโดนจนได้ในวัดที่คิดว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว
"เสียใจกับผู้ชุมนุมเหมือนกันคงจะเจ็บเหมือนกัน ขนาดผมโดนแค่นี้ยังเจ็บ คนที่ไม่ไหวเขาคงโดนหนักกว่าผม สลบในวัด 2-3 รอบกว่าจะมาถึงนี่" นายกิตติชัยกล่าว
ที่มา : go6tv