กรณีน.ส. เชอร์รี่ (นามสมมุติ) อายุ 23 ปี นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ถูกคนร้ายทำร้ายร่างกายและพยายามขืนใจขณะกลับที่พักโรงแรมกรีนเบย์ รีสอร์ท บนหาดริ้น หมู่ 6 ต.บ้านใต้ อ. เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี หลังกลับจากเที่ยวงานฟูลมูนปาร์ตี้บนเกาะพะงัน เมื่อวันที่ 1 ต.ค. โชคดีมีนักท่องเที่ยวมาเห็นและพาส่งรักษาที่รพ.เกาะสมุย ล่าสุดวันเดียวกันน.ส.เชอรี่ รีบเดินทางกลับประเทศทันที เนื่องจากไม่พอใจกับมาตรการรักษาความปลอดภัยของประเทศไทย โดยแหม่มสาวได้พูดผ่านตัวแทนสถานทูตอิสราเอลว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากให้จับตัวคนร้ายได้โดยเร็ว และจะไม่มาเที่ยวเกาะพะงันอีกเนื่องจากไม่ประทับใจนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 ต.ค. พ.ต.อ.วิทยา วังส์ด่าน ผกก.สภ.เกาะพะงัน ได้รับแจ้งจากนายจเร ภิญโญศิริกุล อายุ 45 ปีเจ้าของทอมมี่รีสอร์ท ที่อยู่ห่างจุดเกิดเหตุราว 100 เมตร ว่าพบผู้ต้องสงสัยเป็นชาวพม่าเพิ่งมาเป็นคนงานของรีสอร์ทได้ 2 สัปดาห์ กำลังจะขอลาไปงานศพพ่อที่ประเทศบ้านเกิด จึงนำกำลังไปตรวจค้น โดยที่บังกะโลเป็นห้องพักคนงานพบนายโบว์ อายุ 25 ปี สัญชาติพม่า เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ถึงกับหน้าซีดเผือด ปฎิเสธลั่นว่าไม่ใช่ผู้ต้องหา แต่ตำรวจค้นพบเสื้อยืดคอกลมสีดำมีคราบเลือดติดอยู่ ตรวจตามร่างกายพบรอยขีดข่วนหลายจุด จึงควบคุมตัวไปตรวจร่างกายที่รพ.เกาะพะงัน รอผลตรวจสอบที่ชัดเจนเร็วๆนี้เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี

จากนั้นนำตัวไปเค้นสอบ ในที่สุดผู้ต้องหาก็รับสารภาพว่าได้ทำร้ายร่างกายและพยายามจะข่มขืนแหม่มสาวจริง เนื่องจากเห็นเหยื่อแต่งกายวาบหวิว และท่าทางมึนเมาเดินผ่านบังกะโลที่พัก ทำให้เกิดอารมณ์ จึงกระชากตัวเข้ามาใกล้แท๊งน้ำของรีสอร์ทและหวังเผด็จศึก แต่มีคนมาเห็นเสียก่อนจึงหลบหนีไป ตำรวจจึงควบคุมตัวไว้ที่สภ.เกาะพะงัน ขณะที่พ.ต.อ.วิทยา ปฎิเสธให้สัมภาษณ์และไม่ให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพการควบคุมตัว โดยระบุว่าต้องรอขออนุมัติหมายศาลจังหวัดเกาะสมุยจับกุมผู้ต้องสงสัยก่อน มั่นใจในพยานหลักฐานทั้งหมดโดยคาดว่าวันที่ 3 ต.ค.นี้ ตำรวจจะนำหมายศาลจับกุมมาแสดงกับผู้ต้องหาพร้อมอายัดตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวกลับคืนมา

ด้านนายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ได้สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งติดตามคดีล่าสุดทราบว่าจับคนงานพม่าที่ก่อเหตุได้ และสารภาพความผิดทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการบนเกาะพะงันแจ้งว่า เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพราะคนไทยที่อยู่บนเกาะพะงันคงไม่ทุบหม้อข้าวตัวเอง แต่หลังจากนี้ผู้ประกอบการจะเข้มงวดดูแลนักท่องเที่ยวมากขึ้น

เบื้องต้นจะจัดหาห้องสุขาเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวก เพราะทราบว่าผู้เสียหายแอบปัสสาวะในมุมมืดจนถูกทำร้าย ในส่วนของกระทรวงฯได้สั่งการให้กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวบนเกาะพะงันใกล้ชิดขึ้น ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีก และเร็วๆนี้จะเดินทางไปพบผู้ประกอบการบนเกาะพะงัน เพื่อหาแนวทางป้องกันปัญหาระยะยาวด้วย เพราะเกาะพะงันจัดงานฟูลมูนปาร์ตี้เดือนละ 1 ครั้ง แต่ละครั้งมีนักท่องเที่ยวร่วมงานถึง 20,000 คน