จากเหตุการณ์ทำลายการท่องเที่ยวของประเทศอย่างร้ายแรง กรณีแหม่มสาวชาวอิสราเอล อายุ 23 ปี ถูกฉุดไปทำร้ายแล้วบังคับข่มขืนขณะท่องเที่ยวฟูลมูนปาร์ตี้เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แหม่มสาวผู้เสียหายที่รักษาตัวอยู่ร.พ.บนเกาะสมุย ได้เดินทางกลับประเทศอิสราเอลแล้ว เมื่อคืนวันที่ 1 ต.ค. หลังจากแจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้สัมภาษณ์ผ่านตัวแทนสถานทูตอิสราเอลก่อนขึ้นเครื่องบินว่ารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากให้จับตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว และยืนยันจะไม่มาเที่ยวเกาะพะงันอีกแล้ว

 ขณะที่ตำรวจสภ.เกาะพะงันออกตรวจสอบรีสอร์ตบริเวณหาดริ้น ตามที่ผู้เสียหายให้การไว้ว่าจุดเกิดเหตุอยู่ติดกับแท็งก์เก็บน้ำของรีสอร์ต เบื้องต้นพบว่าที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งมีผ้าคาดผมลายดำขาวตกอยู่ และมีสีสะท้อนแสงที่ใช้เพนต์ตัวเปื้อนที่ผ้า และพบโบติดผมสีดำ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของรีสอร์ตต่างๆ บริเวณหาดริ้น ยังไม่ปรากฏตัวของผู้เสียหายและตัวคนร้ายในกล้องวงจรปิด โดยบางจุดติดตั้งกล้องวงจรปิดแต่ใช้งานไม่ได้

 ขณะที่พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช ผบช.ภาค 8 สั่งการติดตามความคืบหน้าคดีนี้อย่างใกล้ชิด โดยกำชับให้ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากกระทบต่อการท่องเที่ยว เพื่อสร้างความมั่นใจของนักท่องเที่ยวกลับคืนมา โดยส่งชุดสืบสวนจังหวัดร่วมคลี่คลายคดีกับตำรวจท้องที่

 ล่าสุดเจ้าของทอมมี่รีสอร์ตบนหาดริ้น แจ้งเบาะแสผู้ต้องสงสัยให้ตำรวจทราบว่า นายโบ อายุประมาณ 28-30 ปี คนงานพม่าของรีสอร์ต มีพฤติการณ์น่าสงสัยเพราะเพิ่งทำงานได้ไม่กี่วัน แต่กำลังเก็บเสื้อผ้าเตรียมตัวเดินทางออกนอกเกาะพะงัน โดยอ้างกับเจ้าของว่าจะกลับพม่าเพื่อไปงานศพบิดาผ่านทางอ.แม่สอด จ.ตาก เจ้าหน้าที่จึงรุดเข้าควบคุมตัวและเข้าค้นห้องพักคนงาน พบเสื้อยืดคอกลมสีดำมีคราบเลือดติดอยู่ และตรวจร่างกายนายโบเบื้องต้นพบรอยขีดขวนหลายแห่ง จึงส่งตัวไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่ร.พ.เกาะพะงัน ก่อนนำไปสอบปากคำที่โรงพัก

 จากการสอบสวนนายโบให้การว่า เพิ่งมาทำงานที่ทอมมี่รีสอร์ต ม.6 ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน ได้เพียง 3 วัน คืนเกิดเหตุเวลา 02.00 น. ของวันที่ 1 ต.ค. พบเห็นแหม่มสาวอยู่ในอาการมึนเมากำลังเดินคนเดียว จึงลากตัวเข้าไปข้างกำแพงในที่ลับตาคน พยายามปลุกปล้ำข่มขืน แต่แหม่มสาวดิ้นต่อสู้ จึงชกท้องเหยื่อสาวจนหมดแรงต่อสู้ จากนั้นลงมือข่มขืนแต่ไม่สำเร็จความใคร่ เพราะผู้เสียหายต่อสู้และตะโกนร้องให้คนช่วย เลยกัดปากจนเป็นแผลฉกรรจ์ ก่อนวิ่งหลบหนี

 นายโบให้การต่อว่า หลังเกิดเหตุทราบจากเพื่อนชาวพม่าว่ามีตำรวจออกสืบหาตัวคนร้ายที่ข่มขืนแหม่มสาว ทำให้เกิดความกลัวจึงเก็บเสื้อผ้าเพื่อหลบหนีออกจากเกาะพะงัน โดยอ้างกับเจ้าของรีสอร์ตว่าจะเดินทางกลับไปงานศพญาติที่ประเทศพม่าผ่านทางอ.แม่สอด จ.ตาก แต่มาถูกตำรวจจับกุมได้เสียก่อน

 ภายหลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย ข้อหาข่มขืนและทำร้ายผู้เสียหาย คุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อไป