แหล่งข่าววงในเผยว่า ความเป็นมาของคู่มวยเกินฝันไฟต์นี้ มีมูลเหตุมาจาก นายสมชาย เจริญสมบัติ นายกสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนยานนาเวศ เสนอความคิดนี้ กับ พลเอกเชษฐา ฐานะจาโร ประธานสภามวยไทยโลก ซึ่งดำเนินการจัดมวยเฉลิมพระเกียรติเป็นประจำทุกปี โดยนายสมชาย ปรึกษาหารือกับ สมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย และนายณรงค์วัส บัวมาศ โปรโมเตอร์ณรงค์วัส โปรโมชั่น หวังดึง แมนนี่ ปาเกียว ยอดมวยโลกชาวฟิลิปปินส์ มาชกกับ บัวขาว ป.ประมุข ในแบบมวยสากลที่เมืองไทย เป็นรายการใหญ่ซูเปอร์ไฟต์ ราวปลายปีนี้ ซึ่งนายสมชาย เผยว่า ตนพร้อมระดมทุนจากผู้ให้การสนับสนุนหลายฝ่าย เป็นจำนวนเงินมหาศาล ไม่ว่าปาเกียวจะเรียกค่าเหนื่อยเท่าใดก็ตาม พร้อมกันนี้ ได้ประสานงานไปทางฟิลิปปินส์ถึงเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว และจะพาสื่อมวลชนไทยเดินทางไปทำข่าวการเซ็นสัญญาพร้อมวางมัดจำ ที่กรุงมะนิลา ในวันพฤหัสฯที่ 4 ต.ค. เวลา 09.00 น.

 เกี่ยวกับเรื่องนี้แม้จะได้การวิพากษ์วิจารณ์หนาหูว่า แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะบัวขาวนั้นเป็นนักมวยไทย และยังไม่เคยชกมวยสากลอาชีพเลยแม้แต่ไฟต์เดียว ทางด้าน "พ.อ.ดำรงค์ สิมะขจรบุญ เลขาธิการสภามวยโลก แห่งเอเชีย(ABCO) เผยว่า เป็นเรื่องยากที่บัวขาวจะชกกับปาเกียว ที่สำคัญยอดมวยโลกชาวฟิลิปปินส์เอง ก็เพิ่งเซ็นสัญญาชกกับ ฮวน มานูเอล มาร์เกซ คู่ปรับเก่าชาวเม็กซิกันดีกรีแชมป์จูเนียร์เวลเตอร์เวท WBO เป็นการล้างตากันในไฟต์ที่ 4 แล้ว โดยจะชกกันที่เอ็มจีเอ็ม แกรน์ ลาสเวกัส สหรัฐ ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ แต่หากบัวขาวต้องการมีชื่อเข้าอันดับมวยโลกจริง ทาง พล.ต.อ.โกวิท ภักดิภูมิ ประธาน ABCO ซึ่งเป็นรองประธานสภามวยโลก(WBC) อยู่ด้วย ก็พร้อมสนับสนุน โดยชกสากลอาชีพเพียงไฟต์เดียว ก็สามารถมีชื่อเข้าอันดับโลกและไต่เต้าขึ้นติดท็อปเทนได้