เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรณีมีภาพอนาจารของบุคคลซึ่งสงสัยกันว่าเป็นเจ้าอาวาสสำนักปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครเชียงราย ทางแคมฟร็อกเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต โดยมีผู้ร้องไปยังสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติจนทางสำนักพระพุทธศาสนา จ.เชียงราย และเจ้าคณะตำบลรอบเวียง อ.เมือง ต้องถูกสอบสวนกรณีดังกล่าวนั้น ล่าสุดคณะผู้ตรวจสอบฝ่ายฆราวาสตรวจดูภาพในแคมฟร็อกแล้ว พบมีชายที่สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองจำนวน 3 คลิป ภาพสอดคล้องกับที่มีการร้องเรียนทำให้เจ้าคณะตำบลเชิญพระชัย วิสารโท เจ้าสำนักหรือเจ้าอาวาสสำนักปฏิบัติธรรมพรหมาพัฒนาราม ชุมชนสันหนอง ม.3 ต.รอบเวียง ให้ไปสอบสวนว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในแคมฟร็อกดังกล่าวหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดปรากฎว่าทางพระชัยได้ขนข้าวของภายในกุฏิไม้สองชั้น ออกไปจากสำนักปฏิบัติธรรมแล้ว โดยนายโสไกร ใจมั่น นักวิชาการสำนักพระพุทธศาสนา จ.เชียงราย เข้าไปตรวจสอบพบว่ามีการขนข้าวของไปเกือบหมด ทิ้งไว้เพียงเอกสาร ตู้เย็น ทั้งพบว่ามีไวเรสอินเตอร์เน็ตและมีการต่อสายอินเตอร์เน็ตเข้าไปในห้องด้วย
ขณะที่ทางสำนักปฏิบัติธรรมซึ่งมีพระสงฆ์อยู่แค่ 2 รูป และหลังเกิดเหตุพระชัยได้ขนข้าวของหนีไปทำให้เหลือเพียง 1 รูป และสามเณรอีก 2-3 รูปจำพรรษาอยู่ โดยระบุว่าพระชัยออกจากวัดไปแล้ว โดยไม่แจ้งว่าไปที่ใด และน่าจะขนข้าวของออกไปในเวลากลางคืน เพราะช่วงกลางวันไม่มีใครเห็นการขนย้ายดังกล่าว แต่สำนักปฏิบัติธรรมยังไม่มีการรื้อหรือให้พระรูปอื่นเข้าไปอยู่ที่กุฏิแต่อย่างใด เพียงแต่ปิดเอาไว้ก่อนเท่านั้น
นายโสไกร กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องแล้วมีการดำเนินการตามขั้นตอนจนถึงเจ้าคณะตำบลทำการสอบสวน แต่ปรากฎว่าพระชัยได้หลบหนีไปแล้ว ทำให้ทางคณะสงฆ์ไม่สามารถสอบได้ จึงทำหนังสือจากเจ้าคณะตำบลไปยังสำนักพระพุทธศาสนา เพื่อแจ้งให้ทุกวัดได้รับทราบว่าพระชัยกำลังถูกสอบสวน และไม่ควรรับเอาไว้ในวัดจนกว่าจะกลับมาเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบต่อไป ส่วนการหลบหนีไม่ทราบว่าไปที่ไหน
ด้านนายคำ ใจวัง อายุ 75 ปี มัคนายกสำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าว กล่าวว่า เจ้าอาวาสโทรศัพท์แจ้งกลับมาว่าไม่สามารถอยู่ที่สำนักต่อไปได้ และคงไม่กลับมาอีกแล้ว เพราะหลังเกิดเหตุทราบว่าถ้ามีการการกระทำดังกล่าวก็ถือว่าเข้าข่ายอาบัติสังฆาทิเสส เป็นการอาบัติระดับกลางไม่ถึงขั้นจับสึก แต่ทราบมาว่าทางคณะสงฆ์จะให้สึกทันที จึงไม่สามารถอยู่ได้เพราะอับอาย กระนั้นในส่วนของชาวบ้านเองก็อยากจะทราบความจริงเช่นกันว่าเป็นเช่นไร ส่วนหลักฐานชาวบ้านก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน จึงรู้สึกเสียใจมากที่มีเรื่องดังกล่าว หลายคนไม่เชื่อว่าเจ้าอาวาสมีพฤติกรรมดังกล่าว อาจเกิดจากการใส่ร้ายป้ายสีกันก็ได้ นอกจากนี้ปัญหานี้สร้างความเสียหายอย่างหนัก เพราะทางวัดกำลังมีประเพณีถวายสลากภัตซึ่งเป็นประเพณีของล้านนาในวันที่ 30 ก.ย.นี้ด้วย.