หลังจากที่ คณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตบอล “เอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2” ที่มีนายวิมล กาญจนะ เป็นประธานได้ประชุมลงโทษ ประสาร พันธ์สำลี ผู้เล่นระยอง ยูไนเต็ด ซึ่งก่อเหตุวิ่งไล่ทำร้ายผู้ตัดสิน ระหว่างการแข่งขันนัดสุดท้าย ของโซน กรุงเทพฯ และปริมณฑล ระหว่าง ระยอง ยูไนเต็ด ที่เปิดบ้านเสมอกับ อาร์แบค บีอีซี เทโรศาสน 1-1 โดยมีมติลงโทษห้าม ประสาร ยุ่งเกี่ยวกับวงการฟุตบอลอาชีพของไทยตลอดชีวิต พร้อมกับปรับเงิน 60,000 บาทนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ก.ย. “ประสาร” ได้ออกมาเปิดใจว่า โทษที่ได้รับถือว่าหนักเลยทีเดียว ซึ่งตอนแรกไม่คิดว่าจะโดนลงโทษหนักขนาดนี้ แต่พอทราบข่าวต้องบอกว่า “ช็อค” เลยทีเดียว เรียกว่าทำอะไรไม่ถูก ได้แต่โทรศัพท์ไปปรึกษากับผู้บริหารของสโมสรระยอง ยูไนเต็ด ซึ่งก็ได้บอกแต่เพียงว่า จะทำเรื่องขออุทธรณ์ลดโทษให้
ผมยอมรับว่าที่ทำไปแบบนั้น เพราะอารมณ์ชั่ววูบ ซึ่งพอดูจากเทปที่บันทึกไว้ มันอาจจะดูรุนแรงเกินไป เพราะผมวิ่งตาม ผู้ตัดสิน แต่ผมก็ไม่ได้มีการลงไม้ลงมืออะไรเลยทำร้ายอะไรเลย ตอนแรกผมอยากจะเข้าไปถามผู้ตัดสินว่า ทำไมผู้เล่น อาร์แบค บีอีซี เทโรศาสน จงใจเข้าไปชาร์จ อดิเรก มณีเขียว ผู้รักษาประตูของระยองยูไนเต็ด แต่ทำไมไม่แจกใบแดงหรือลงโทษอะไรบ้าง แต่พอ ผู้ตัดสิน วิ่งหนีผมเลยวิ่งตาม แต่ไม่ได้มีอาวุธ หรือเข้าไปทำร้ายอะไร ซึ่งหลังจากนั้นผมก็เดินเข้าไปในห้องแต่งตัว หลังจากรู้ว่าได้ทำอะไรลงไป” แข้งระยอง อธิบาย
ประสาร ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ต้องกราบขอโทษแฟนบอลของระยอง ยูไนเต็ด, อาร์แบค บีอีซี เทโรศาสน, แฟนบอลชาวไทย, ผู้ตัดสิน, ผู้บริหารของ 2 สโมสร, คณะกรรมการจัดการแข่งขัน ที่ได้กระทำสิ่งที่โง่เขลาลงไปและทำให้วงการฟุตบอลไทยมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี ซึ่งตอนนี้รู้สึกสำนักผิดแล้ว เรื่องนี้ขอรับผิดทั้งหมด หากมีโอกาสได้เล่นฟุตบอลอาชีพอีกครั้ง จะไม่มีทางประพฤติตัวแบบนี้อีกอย่างเด็ดขาด และขอเตือนเพื่อนๆนักเตะรุ่นน้องทั้งหลายให้รู้จักควบคุมอารมณ์ให้ดี รวมทั้งอยากจะกราบขอร้องคณะกรรมการจัดการแข่งขัน, ผู้บริหารสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ช่วยพิจารณาลดโทษให้ด้วย เพราะยังอยากจะเล่นฟุตบอลอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัวต่อไป
ขณะที่นายวิมล กล่าวว่า การเป็นนักฟุตบอลอาชีพควรมีจิตสำนึกที่ดี ต้องมีสปิริต เล่นด้วยความเป็นมืออาชีพ ไม่ใช่เป็นนักเลง ถึงจะมองว่ากรรมการผิดพลาดหรือคิดว่าตัดสินไม่เป็นกลาง ก็ห้ามไปลงกับ ผู้ตัดสิน เพราะสมาคมฟุตบอลฯ และฝ่ายจัดการแข่งขัน มีกระบวนการพิจารณาลงโทษ ผู้ตัดสิน ที่ทำหน้าที่บกพร่องอยู่แล้ว ซึ่งกรณีแบบนี้ทั่วโลกคงไม่มีใครทำกัน ส่วนกรณีที่สโมสรระยอง ยูไนเต็ด จะทำหนังสืออุทธรณ์มานั้น ก็ขอยืนยันว่า หากยังนั่งเป็นประธานจัดการแข่งขันอยู่ จะไม่มีการหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณา จนกว่าเวลาจะผ่านไป 3 ปี..