เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ ทนายความกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง และแนวร่วม พธม. เข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เพื่อสอบถามถึงคดีที่นางดารุณี กฤตบุญญาลัย ไฮโซนักธุรกิจชื่อดัง และแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แจ้งความให้ดำเนินคดีกับอดีตครูสาวโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง อายุ 31 ปี ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาให้มาพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวันเดียวกันนี้ ซึ่งมีกลุ่มประชาชนในนามผู้สนับสนุนอดีตครู ประมาณ 200 คน มาชุมนุมกันที่หน้าสำนักงาน กก.1 บก.ป.
ทั้งนี้นายสุวัฒน์ นายเอกยุทธ พร้อมตัวแทนกลุ่มประชาชน 3 คน ได้เข้าพูดคุยกับ พ.ต.อ.ประสพโชค และพนักงานสอบสวน ภายในห้องรับเรื่องราวร้องทุกข์ กก.1 บก.ป. จากนั้นทั้งหมดได้ออกมาชี้แจงกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ด้านหน้าอาคาร
นายสุวัฒน์ กล่าวว่า คดีที่เกิดขึ้นส่วนตัวแล้วเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีความผิด เพราะอาจารย์คนนี้ไปถามนางดารุณี ว่าไปต่อว่าทำไม เป็นการถามคำถามที่ไม่ยืนยันข้อเท็จจริง ดังนั้นนางดารุณี จะตอบว่าด่าหรือไม่ด่าเพราะอะไร แต่ลำพังคำถามเพียงแค่นี้ไม่เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท
“ทราบจากสื่อว่านางดารุณี ต่อว่าอาจารย์ท่านนี้ว่าบ้า คำว่าบ้า เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า มีความผิดตามกฎหมายอาญา ประเด็นต่อไปเมื่อมีการพูดคุยอะไรกันซึ่งเราก็ไม่ทราบ แต่หากเป็นการต่อว่ากันไปมา ถือเป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า เป็นคดีที่ บก.ป.ไม่ควรจะรับไว้ เพราะรูปคดีลักษณะนี้ตำรวจท้องที่ทำได้ จึงเห็นว่า บก.ป.ไม่ควรทำคดีต่อไป”
ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า พนักงานสอบสวนจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยได้นัดหมายผู้ถูกกล่าวหาให้มาพบพนักงานสอบสวนอีกครั้งในวันที่ 29 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น. โดยนายสุวัฒน์ จะเป็นทนายความให้กับผู้ถูกกล่าวหา ส่วนจะส่งคดีไปให้ตำรวจท้องที่ดำเนินการต่อหรือไม่นั้นคงจะให้ทางผู้บังคับบัญชาพิจารณาอีกครั้ง แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่าพนักงานสอบสวน บก.ป. สามารถดำเนินการได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังตัวแทนกลุ่มประชาชนที่มาชุมนุมได้ชี้แจงให้พรรคพวกรับทราบกรณีดังกล่าวแล้ว ก็ได้แยกย้ายกันเดินทางกลับ แต่ระหว่างกำลังจะเดินออกทางประตูเข้าออกริมถนนพหลโยธิน ได้พบกับกลุ่มคนเสื้อแดงปทุมธานีจำนวนหนึ่ง ที่นำรถเครื่องขยายเสียง 2 คัน มาจอดอยู่ในละแวกดังกล่าว ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น ก่อนเหตุการณ์จะบานปลาย มีการใช้ของแข็งที่หยิบฉวยได้ทั้งขวดน้ำและก้อนหิน ขว้างใส่กันไปมา จนทางตำรวจ บก.ป.ต้องรีบระดมกำลังนำโล่พลาสติกเข้ามาช่วยระงับเหตุ และแยกคนทั้งสองกลุ่มออกจากกัน โดยให้กลุ่มคนเสื้อแดงเข้าไปอยู่ภายในรั้ว บก.ปคบ. และถอยเข้ามาด้านในบริเวณ บก.ป.
ทั้งนี้ระหว่างเกิดเหตุชุลมุนขึ้น น.ส.วิศรแดง ไตรสุวรรณ อายุ 35 ปี ชาว อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ถูกก้อนหินขว้างใส่ที่หางคิ้วซ้ายแตกเลือดไหลเป็นทาง จึงได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ป.ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ทำร้ายร่างกายตนเอง
ส่วนทางด้านหน้าประตูรั้ว บก.ปคบ.และ บก.ป. ตำรวจคอมมานโด ได้ร้องขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่มหยุดการยั่วยุกันไปมา แต่ก็ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาพร้อมกับนายสุวัฒน์ ยังยืนกันอยู่และต้องการจะเข้ามาในบริเวณ บก.ป. เนื่องจากทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมเพื่อนที่เดินทางมาร่วมชุมนุมคนหนึ่งทราบชื่อภายหลังคือนายธัชชัย สุธีโสภณ อายุ 48 ปี ไปสอบสวนเนื่องจากต้องสงสัยว่าพกพาอาวุธมาด้วย แต่เมื่อตรวจค้นร่างกายแล้วไม่พบ ประกอบกับนายธัชชัย ได้รับบาดเจ็บถูกของแข็งตีที่ด้านหลังศีรษะมีเลือดออก เจ้าหน้าที่จึงรีบปฐมพยาบาลให้ ซึ่งระหว่างนั้นมีกลุ่มคนเสื้อแดงอีกจำนวนหนึ่งเดินทางเข้ามาภายในบริเวณ บก.ป.และเห็นนายธัชชัย จึงตรงเข้าชี้หน้า ท้าทาย จนตำรวจต้องรีบนำตัวนายธัชชัย ไปนั่งพักภายในสำนักงาน เพื่อไม่ให้เผชิญหน้ากันอีก
ต่อมามีกลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนอดีตอาจารย์ อีกจำนวนหนึ่งมารวมตัวกันอยู่ที่หน้าประตู บก.ป. พร้อมๆกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ทยอยเดินทางมารวมตัวกันที่หน้าอาคารรสา ถนนพหลโยธิน ซอย 19 ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม บก.ป.มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สถานการณ์เริ่มตึงเครียดมากขึ้น ทางรอง ผบก.ป. จึงประสานขอกำลังสนับสนุนจาก กองบัญชาการตำรวจนครบาล และหน่วยปราบจราจล (ปจ.)จำนวน 3 คันรถบัส มาควบคุมสถานการณ์ ก่อนจะมีการประสานแกนนำกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตอาจารย์ ว่าจะจัดรถตู้มารับผู้ชุมนุมให้เดินทางออกจากพื้นที่ แต่การขนย้ายทำได้ล่าช้าเนื่องจากการจราจรทั้งฝั่งขาเข้าและออกของถนนพหลโยธิน ติดขัดเป็นอย่างมาก