ขอบคุณข้อมูลจาก ทีวีไทย / ภาพ MThai News
นายธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล หน่วยศึกษาพิบัติภัยและข้อสนเทศเชิงพื้นที่ ภาควิชา
ธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงสถานการณ์
วิกฤติน้ำในประเทศไทยปี 2555 ว่า ปีนี้พื้นที่กรุงเทพมหานครยังน่าเป็นห่วง
เนื่องจากมีร่องมรสุมและพายุพาดผ่านประเทศไทย นานผิดปกติโดยยังไม่สามารถ
หาสาเหตุได้ ซึ่งตามปกติแล้วร่องมรสุมจะอยู่ประมาณ 4-7 วัน แต่ปีนี้อยู่มาเกือบ 1
เดือนแล้ว ซึ่งร่องมรสุมที่พาดผ่านนานก็จะทำให้ฝนตกหนัก จึงถือว่า
กรุงเทพมหานคร มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดน้ำท่วมที่มาจากน้ำฝน
สำหรับปีนี้คาดว่าจะมีพายุเข้ามาในช่วงเดือนตุลาคม เหมือนปี 2533 ,2539 และ 2549 ที่
ทำให้น้ำท่วมภาคกลางซึ่งมีโอกาสสูงมาก และประมาณวันที่ 29 กันยายน ถึง 2 ตุลาคมนี้
คาดว่า จะมีฝนตกหนักซึ่งต้องจับตามองว่ากรุงเทพมหานคร จะรับมืออย่างไร ขณะที่
ปัจจุบันกรุงเทพมหานคร กับรัฐบาลยังไม่บูรณาการแผนงานร่วมกัน
ส่วนข้อแนะนำนั้นขณะนี้มีวิธีเดียวคือพร่องน้ำในคลอง เพราะการขุดลอกคูคลองอาจ
ไม่ทันการ พร้อมทั้งต้องหารือกับรัฐบาลว่า จะต้องไม่ปล่อยน้ำเหนือผ่านเข้ามา นอกจาก
นั้น การที่รัฐบาลทุ่มงบประมาณสร้างพนังกั้นน้ำให้สูงขึ้น อาจจะยิ่งทำให้กรุงเทพมหานคร
มีความเสี่ยงมากขึ้น หากฝนตกหนักเป็นเวลานาน และเขื่อนก็เริ่มปล่อยน้ำลงมา ซึ่งอาจ
เกิดปัญหาเหมือนกับเมืองนิวออร์ลีนส์ ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเมื่อเกิดพายุกำแพงก็จะกลาย
เป็นอ่างเก็บน้ำ
สำหรับน้ำท่วมภาคกลางนั้นมีหลายปัจจัยไม่ใช่เฉพาะน้ำเหนือเท่านั้น ซึ่งปีนี้น่าห่วงเรื่อง
ร่องมรสุมที่อยู่นานผิดปกติ อีกทั้งน้ำเหนือก็คาดว่าจะมาถึงกรุงเทพมหานคร ประมาณ
เดือนตลุาคมนี้เช่นกัน และช่วงนั้นก็อาจจะมีน้ำทะเลหนุนด้วยซึ่งถ้า 3 น้ำมาเจอกัน
กรุงเทพฯ ก็อาจต้องเจอปัญหาใหญ่
ส่วนในระยะยาวกรุงเทพมหานครจะต้องปรับท่อระบายน้ำให้ใหญ่ขึ้นจากที่ระบายได้ 60
มิลลิเมตรต่อชั่วโมงเป็น 100 มิลลิเมตรต่อชั่วโมงและขุดลอกคูคลองให้ลึกขึ้น ขณะที่
แนวคิดที่จะก่อสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นนั้นคิดว่าเขื่อนไม่ใช่มาตรการเบ็ดเสร็จที่ให้แก้
ปัญหาทั้งหมด แต่จะต้องมีการบริหารจัดการน้ำที่ดีหากบริหารจัดการไม่ดีเขื่อนอาจจะ
กลายเป็นปัญหา รัฐบาลต้องให้คำตอบเรื่องความคุ้มค่าให้ได้