เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการขุดค้นหาศพนายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ สองสามีภรรยา ชาว จ.เพชรบุรี ที่หายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำกว่า 3 ปี ว่า พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก จ.เพชรบุรี ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดเพชรบุรี พร้อมรถแม็คโคร มาขุดค้นหาศพเพิ่มเติมภายในไร่สับปะรด ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ นพ.สบ.5 กลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัว รพ.ตำรวจ เลขที่ 225 หมู่ 2 ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จากจุดที่พบศพเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชม. พบโครงกระดูกมนุษย์ สภาพนอนคว่ำหน้า สวมกางเกงขาสั้น เจเจ และมีเชือก1 เส้นอยู่ใกล้ข้อมือ โดยที่หัวกะโหลกมีรูคล้ายถูกกระสุนปืนยิง เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานให้แพทย์ตรวจพิสูจน์
พ.ต.อ.พิชัย เผยว่า วันนี้ทางตำรวจได้ออกหมายจับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ พร้อมภรรยา 2 ข้อหาไว้ก่อน คือร่วมกันลักทรัพย์หรือรับซื้อของโจร และกักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้เสียอิสรภาพ ซึ่งเบื้่องต้นได้รับการประสานมาจากทางผู้ต้องหาว่าจะเข้ามอบตัวที่ บช.ภ.7 ภายในวันนี้
ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้โครงกระดูกโครงแรกที่เจ้าหน้าที่ขุดพบถูกส่งมายังสถาบันฯแล้ว โดยแพทย์ได้ระบุเบื้องต้นว่า เป็นเพศชาย อายุประมาณ 30 ปี มีลักษณะหัวกะโหลกและฟันที่สมบูรณ์มาก ส่วนโครงกระดูกที่ 2 และที่ 3 ยังส่งมาไม่ถึง อย่างไรก็ตามเมื่อโครงกระดูกมาถึงแล้ว แพทย์จะตรวจก่อนว่าเป็นของเพศใด อายุประมาณเท่าไหร่ มีลักษณะของกระดูกอย่างไร มีร่องรอยการถูกทำร้ายหรือไม่ จากนั้นจะส่งเนื้อกระดูกไปสกัดดีเอนเอเก็บไว้เปรียบเทียบกับผู้ต้องสงสัย ซึ่งล่าสุดแพทย์นิติเวชได้เก็บดีเอนเอพ่อของนายสามารถ แม่ของน.ส.อรษา และลูกสาวของผู้สูญหายไว้เรียบร้อยแล้ว หลักจากนี้ จะมีการประสานกับครอบครัวผู้สูญหายอีกครั้งหนึ่ง เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการรักษากระดูกต่าง ๆ หากตรงกับโครงกระดูกต้องสงสัยก็อาจทำให้เชื่อได้ว่าเป็นผู้สูญหายจริง รวมถึงหากมีภาพเอ็กซเรย์ฟัน เก็บไว้สามารถนำมาให้แพทย์ใช้เป็นหลักฐานได้ด้วย แต่ทั้งนี้ปัจจุบันคนไทยไม่นิยมเอ็กซเรย์ฟันเก็บไว้หากไม่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพฟัน
ส่วน ภาพเชิงซ้อนสามารถตรวจพิสูจน์บุคคลได้เช่นกัน โดยเฉพาะโครงกระดูกที่ 1 มีความสมบูรณ์ของหัวกะโหลกมาก หากนำรูปถ่ายของผู้ต้องสงสัยมาดำเนินการก็จะสามารถเห็นผลได้ โดยเฉพาะภาพที่ยิ้มเห็นฟัน
ด้าน พล.ต.ท.นพ.จงเจตน์ อาวเจนพงศ์ แพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ กล่าวว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ลาพักร้อนจนถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่รับราชการเนื่องจากได้ขอเออรี่รีไทร์ ตั้งแต่วันที่มีการนำเสนอข่าวว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว อย่างไรก็ตามหากมีการแจ้งข้อหากับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ แล้ว ทางรพ.ตำรวจ ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงไว้ก่อน และจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป
วันเดียวกัน พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุขแสวง รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ.สมเกียรติ แสวงสุข ผกก.สส.ภ.จว.เพชรบุรี นำหมายศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 431/2555 เข้าตรวจค้นคลินิกพัฒนแพทย์ เลขที่ 335 ซอยเพชรเกษม 31 แขวงบางว้า เขตภาษีเจริญ โดยมีนายเอก เลาหวัฒนะ ลูกชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เป็นผู้นำค้น พบบริเวณชั้น 5 ภายในห้องเก็บของมีอาวุธปืนยาวแบบสไนเปอร์ติดลำกล้องขนาด 7.65 ม.ม. เก็บอยู่ในกระเป๋าหนังใส่ปืนอย่างดี นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนขนาด .38 จำนวน 500 ปลอก และปลอกกระสุนขนาด 7.65 ม.ม. อีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายเอกให้การว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่ได้อาศัยอยู่ที่คลินิกเป็นประจำ แต่จะมาค้างแบบชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งทุกวันนี้ยังไม่สามารถติดต่อกับพ่อได้เหมือนกัน และครอบครัวก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันด้วย จึงทำให้ไม่ทราบความเคลื่อนไหวของพ่อ
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีฯ กล่าวว่า ทางดีเอสไอ ส่ง พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ และนายธงชัย สมบัติจิราภรณ์ ผอ.ส่วนรับเรื่องราวร้องทุกข์ ลงพื้นที่ร่วมติดตามคดีดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่ได้รับไว้เป็นคดีพิเศษ เพียงแค่ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปร่วมทำงานกับตำรวจตามที่ญาติผู้เสียหายร้องขอ เนื่องจากคดีมีความเกี่ยวพันกับข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ญาติจึงเกรงว่าตำรวจอาจทำงานไม่เต็มที่ อย่างไรก็ตามจุดสำคัญที่อาจรับเป็นคดีพิเศษได้คือ ผู้ต้องสงสัยเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แต่ทั้งนี้ต้องดูที่ความประสงค์ของญาติผู้เสียหายว่าต้องการให้ดีเอสไอเข้าไปดำเนินการก็ต้องร้องเข้ามาอย่างเป็นทางการ หากตำรวจสอบสวนคดีเดินหน้าได้ไม่มีปัญหาก็คงต้องให้ตำรวจรับผิดชอบต่อไป
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงาน พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว ที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.บึกเตียน อ.ท่ายาง ก่อนจะนำตัวไปสอบสวนที่ บช.ภ.7 จ.นครปฐม