ค้นบ้าน-ไร่ พ.ต.อ. ตะลึงพบโครงกระดูก คาดอาจเป็น
2 สามีภรรยาที่ถูกอุ้ม
ผบช.ภ.7 นำทีมค้นบ้านและไร่ "พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์" ตะลึงพบโครงกระดูกมนุษย์ยึดถุงปุ๋ยฝังดินไว้ เชื่อเป็นศพสองผัวเมียที่หายตัวไปปริศนา แถมยังพบอาวุธปืนยาว-สั้นถึง 50 กระบอก
เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (20 ก.ย.) พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.จุตติ ธรรมโนวานิช รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.วิรัช วัชรขจร ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี และ พ.ต.อ.พิชัย ปกป้อง ผกก.สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายสืบ ภ.จว.เพชรบุรี สภ.ท่าไม้รวก และ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค7 นำหมายค้นศาลจังหวัดเพชรบุรี เลขที่ 664/555 วันที่ 20 ก.ย. 2555 เข้าตรวจค้นบริเวณไร่และบริเวณบ้านพักของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อายุรกรรมแพทย์ รพ.ตำรวจ อยู่บ้านเลขที่ 65 และเลขที่ 225 หมู่ 2 ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เพื่อตรวจหาซากศพ นายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ สองสามีภรรยาที่หายตัวไปอย่างลึกลับ โดยนายสว่าง นุ่มจุ้ย บิดาของนายสามารถ ปักใจเชื่อว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ มีส่วนรู้เห็นการหายตัวไปของลูกชายและลูกสะใภ้
เบื้องต้นที่บ้านพักของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่มีคนอยู่ บริเวณบ้านถูกต่อเติมและเลี้ยงสัตว์ประกอบด้วย วัว หมูป่า กวาง และม้า นับสิบตัว ต่อมานายแก้ว คนดูแลบ้าน เดินทางมารับหมายค้นโดยระบุว่าเป็นผู้ดูแลบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งมีผู้ใหญ่บ้านและปลัด อบต.กลัดหลวง เป็นพยาน จากนั้นตำรวจได้เข้าตรวจภายในบ้าน โดยขอร้องสื่อมวลชนรอด้านนอก จากการตรวจค้นภายในบ้านที่ตู้เก็บของ พบอาวุธยาวหลายขนาดอาทิ ปืนไรเฟิล ปืนลูกซอง จำนวน 30 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก นอกจากนี้ที่รถตู้ข้างบ้านยังพบอาวุธปืนพกสั้น จำนวน 12 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน จึงตรวจสอบและเก็บไว้เป็นหลักฐาน
หลังจากนั้นตำรวจได้ประสานรถแบคโฮขุดดินเคลื่อนย้ายไปที่บริเวณไร่ อยู่ห่างจากตัวบ้านประมาณ 800 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่พยานระบุว่าศพสองผัวเมียน่าจะถูกฝัง โดยบริเวณดังกล่าวอยู่ใกล้กับกอไผ่ขนาดใหญ่ และติดกับคลองส่งน้ำขนาดเล็ก เจ้าหน้าที่ใช้เวลาขุดประมาณ 5 นาที ลึกประมาณ 2 เมตร จึงพบถุงปุ๋ยจำนวน 2 ถุง ซึ่งขณะที่พบนั้นชาวบ้านที่มามุงกว่ากว่าครึ่งร้อยต่างส่งเสียงฮือฮา และเดากันต่าง ๆ นานาว่าเป็นศพของใคร
ต่อมาเจ้าหน้าที่วิทยาการตำรวจ เขต 16 เพชรบุรี เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมสถาน จ.เพชรบุรี และแพทย์ รพ.ท่ายาง ร่วมกันตรวจสอบถุงปุ๋ยทั้ง 2 ถุง พบในถุงแรกมีกะโหลกมนุษย์สภาพเก่าและซี่โครงท่อนบนจำนวนหนึ่ง ส่วนถุงปุ๋ยใบที่ 2 เป็นโครงกระดูกท่อนล่าง และเสื้อผ้าสภาพเก่าดำ เบื้องต้นแพทย์ยังไม่สามารถระบุเพศของร่างที่พบได้ แต่นายสว่าง บิดาของนายสามารถที่หายตัวไป เชื่อว่าโครงกระดูกที่พบน่าจะเป็นลูกชายของตน
พ.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 กล่าวว่า ซากศพที่พบยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นนายสว่าง นุ่มจุ้ย หรือ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ ที่หายตัวไป เพราะไม่มีหลักฐานบ่งชี้ชัด เนื่องจากศพที่พบคาดว่าเสียชีวิตมานาน ซึ่งตำรวจจะนำกระดูกทั้งหมดส่งสถาบันนิติเวชตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอเปรียบเทียบว่าเป็นศพใคร และหาสาเหตุการเสียชีวิตและต้องมีการสืบสวนสอบสวนเพิ่ม เบื้องต้นยังไม่สามารถเผยถึงรายละเอียดทั้งหมดได้
“ผมได้สั่งให้พล.ต.ต.จุตติ ธรรมโนวานิช รอง ผบช.ภ.7ออกหมายเรียกตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหวัฒนะ เจ้าของบ้านมาสอบสวนในวันที่ 21 ก.ย.นี้ รวมทั้งอาวุธปืนจำนวนมากที่พบในบ้านและในรถตู้ ทางเจ้าของบ้านจะต้องนำหลักฐานการได้มาและครอบครองอาวุธปืนมาแสดง หากไม่มีหลักฐานมาแสดงก็จะมีความผิดตามกฏหมายแน่นอน เบื้องต้นทราบว่าเขายังไม่ได้หลบหนีไปไหน
ด้าน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีการหายตัวไปของนายสามารถ และ น.ส.อรษา สองสามีภรรยา อย่างปริศนาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 52 ว่า สำหรับโครงกระดูกที่พบในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นศพของนายสามารถ หรือ น.ส.อรษาหรือไม่ ฉะนั้นต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำการการตรวจสอบอย่างละเอียดเสียก่อน โดยได้สั่งให้นำรถแบคโฮขุดค้นหาต่อไป เพราะเชื่อว่ายังมีอีก 1 ศพซุกซ่อนในไร่ดังกล่าว ขณะที่จากการตรวจสอบภายในบ้านร้างที่ จ.นนทบุรี ที่พบรถของ 2 สามีภรรยาไปจอดทิ้งไว้นั้น พบอาวุธปืนจำนวนกว่า 20 กระบอกซุกซ่อนอยู่ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดไว้ เพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไปแล้ว
“ทราบว่าขณะนี้ทาง บช.ภ.7 ได้มีการประสานเรียกตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ มาสอบสวนแล้ว แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างลาพักร้อน แต่หากหลักฐานชี้ชัดไปที่ พ.ต.อ นพ.สุพัฒน์ ก็จะดำเนินคดีทันที โดยที่ไม่ต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบอีก” ผบ.ตร.ระบุ