เร่งคลี่คดีปริศนาพบปิกอัพ 2 ผัวเมียเจ้าของไร่ในอ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ที่ถูกอุ้มฆ่าเมื่อ 3 ปีก่อนจอดทิ้งในบ้านร้างเมืองนนทบุรี พ่อ-พี่สาวตามเจอแจ้งตร.มาตรวจสอบ เปิดในรถพบบัตรปชช.ของลูกสะใภ้วางทิ้งอยู่พร้อมหมวกสานเปื้อนเลือด และพบรอยคล้ายเลือดอีกหลายจุด พ่อเผยก่อนเกิดเหตุลูกชายมีปัญหากับนายตำรวจระดับ "พ.ต.อ." เจ้าของที่ดินอยู่ติดกันถึงขั้นแจ้งความ แล้วจู่ๆ ลูกชาย-สะใภ้หายไปพร้อมกับรถปิกอัพ จนล่าสุดลูกสาวที่ทำงานอยู่ร.พ.ตำรวจ ได้รับข้อมูลจากคนใกล้ชิดของพ.ต.อ. ว่ารถจอดทิ้งในบ้านร้างหลังนี้ เมื่อมาดูพบว่าเป็นรถของลูกจริงๆ ตร.พบเอกสารค่าไฟและอื่นๆ ระบุชื่อผู้หญิงเป็นเจ้าของบ้าน เร่งเช็กว่าเป็นใครหรือมีสัมพันธ์กับใครบ้าง ก่อนติดตามตัวมาสอบสวน พบเบาะแส 2 ผัวเมียโดนอุ้มฆ่าไปตั้งแต่ 3 ปีก่อน คาดศพถูกฝังใต้ดงไผ่ในที่ดินส่วนบุคคล ใกล้ๆ ไร่สับปะรดของเหยื่อนั่นเอง
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 16 ก.ย. นายสว่าง นุ่มจุ้ย อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 184 หมู่ 6 ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.มนัส นิลกลัด สารวัตรเวรสภ.เมืองนนทบุรี ให้ช่วยไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 125/53 ซอยศิริโชติ กรุงเทพ-นนท์ซอย 1 ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี เนื่อง จากพบรถปิกอัพโตโยต้า รุ่นไทเกอร์ แบบมีแค็บ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บฉ-5960 เพชรบุรี ของนายสามารถ นุ่มจุ้ย ลูกชายที่หายตัวไปพร้อมกับน.ส.อรษา เกิดทรัพย์ ภรรยา ขณะขับรถคันดังกล่าวไปธุระตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2552
หลังรับแจ้งพ.ต.ท.มนัส จึงรายงานผู้บังคับบัญชาพร้อมด้วยพ.ต.ท.ปัณณพัฒน์ เดชโชติพิสิฐ รอง ผกก.สส. นำกำลังไปตรวจสอบ บ้านดังกล่าวเป็นบ้านร้าง ปลูกบนเนื้อที่ประมาณ 80 ตารางวา พบรถตามที่นายสว่าง ระบุ จอดอยู่ในโรงรถฝุ่นจับเขรอะ ล้อถูกถอดออกทั้งหมดหนุนไว้ด้วยก้อนอิฐ ป้ายทะเบียนถูกถอดออกเช่นกัน แต่นายสว่างจำตำหนิได้ยืนยันว่าเป็นรถของลูกชาย เมื่อเข้าไปดูบริเวณกระจกหน้ารถพบป้ายเสียภาษีระบุเป็นรถหมายเลขทะเบียน บฉ-5960 เพชรบุรี จึงติดต่อรถยกลากมาที่โรงพัก
จากนั้นให้ช่างกุญแจมาไขเปิดประตู ภายในพบบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรประกันสังคมของน.ส.อรษา นอกจากนี้พบหมวกสานของชาวสวนเปื้อนเลือดวางอยู่ และพบรอยคล้ายเลือดเป็นดวงๆ หลายจุด จึงให้พฐ.มาเก็บรายละเอียดและรอยดังกล่าวไปตรวจสอบว่าเป็นเลือดของใคร
นายสว่าง ให้การว่าลูกชายและลูกสะใภ้มีไร่สับปะรดในเขตอ.ท่ายาง ช่วงเกิดเหตุเมื่อเดือนมิ.ย. 2552 เดินทางมาหาลูกที่บ้านพบเพียงสำรับกับข้าววางทิ้งอยู่ พยายามติดต่อแต่ก็ติดต่อไม่ได้จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความไว้ที่สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง พร้อมกับออกติดตามหานานหลายปีแต่ก็ไม่พบ โดยก่อนเกิดเหตุลูกชายมีเรื่องกับพ.ต.อ.นายหนึ่ง ซึ่งมีไร่อยู่ติดกัน มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งหลายครั้ง โดยพ.ต.อ.กล่าวหาว่าลูกชายเข้าไปขโมยตัดไม้ในที่ดิน และเคยแจ้งความจับลูกชายขโมยรถของภรรยาด้วย แต่ศาลยกฟ้อง
"หลังจากลูกชายหายไปและเชื่อว่าคงประสบเหตุร้ายแล้ว จึงไปขอพบพ.ต.อ.เพื่อสอบถาม ซึ่งนายตำรวจปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่อง ที่ผ่านมาพยายามตามหาลูกชายกับลูกสะใภ้มาโดยตลอด แต่ก็ไม่พบ จนเมื่อเร็วๆ นี้ลูกสาวคนโตที่ทำงานอยู่ร.พ.ตำรวจ ได้รับแจ้งจากคนใกล้ชิดของพ.ต.อ.นายดังกล่าว ว่ารถของลูกชายจอดอยู่ในบ้านหลังนี้ จึงเดินทางมาตรวจดูพบว่าเป็นรถของลูกชายที่หายไปจริงๆ" นายสว่างกล่าวและว่า ตอนนี้ไม่ได้คาดหวังว่าลูกชายและลูกสะใภ้จะมีชีวิตอยู่ แต่อย่างน้อยขอศพมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาก็ยังดี
ด้านพ.ต.อ.ชาญศิริ สุขรวย ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี กล่าวว่า ช่วงไปนำรถมาจากบ้านดังกล่าวพบใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้าและเอกสารต่างๆ ระบุชื่อ "วิสสา จันทรบัญชร" พักอยู่บ้านเกิดเหตุ ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นใคร หรือเชื่อมโยงถึงใครบ้าง และติดต่อเพื่อมาสอบปากคำว่าเหตุใดรถของนายสามารถ จึงมาจอดอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้
รายงานข่าวแจ้งว่ามีผู้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า 2 ผัวเมียถูกอุ้มฆ่าไปแล้ว คาดว่าศพน่าจะถูกฝังอยู่ใต้ดงไผ่ในที่ดินส่วนบุคคล ที่อยู่ในละแวกเดียวกับกับไร่สับปะรดของนายสามารถนั่นเอง