เมื่อเวลา 04.00 น.วันนี้(15 ก.ย.) พ.ต.ท.มงคล นันทจิตร พงส.(สบ3) สน.ทุ่งมหาเมฆ รับแจ้งเหตุรถแท็กซี่ชนหญิงชาวต่างชาติเสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บสาหัส 1 ราย เหตุเกิดหน้าปั๊มน้ำมันเชลล์ ปากซอยสวนพลู หรือปากซอยสาทร 3 ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม.ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่ป่อเต็กตึ๊งพบศพ น.ส.โจอันน่า เฮเลน แม็คคิดดี้ อายุ 29 ปี สัญชาติอังกฤษ สวมเสื้อยึดแขนกุดสีเทา กางเกงขาสั้น นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตมีบาดแผลแขนและขาทั้งสองข้างหัก กะโหลกศีรษะ และกรามแตกเลือดนองเต็มพื้นกลางถนนดังกล่าว
ส่วนผู้บาดเจ็บอีกรายชื่อ น.ส.ลอเร็น โตเบียเซ็น ฮิวส์ อายุ 26 ปี ชาวสก็อตแลนด์ ได้รับบาดเจ็บกระดูกเชิงกรานหัก และมีร่องรอยเป็นแผลถลอกตามร่างกาย จึงนำส่งโรงพยาบาล นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังพบกระเป๋าเงินสุภาพสตรีสีดำ 1 ใบและกระเป๋าสะพายข้างสุภาพสตรี 1 ใบ ตกอยู่จึงเก็บไปตรวจสอบ
นอกจากนี้บริเวณที่เกิดเหตุพบ เศษกระจกรถและเศษกันชนรถยนต์สีชมพูตกอยู่ใกล้ศพผู้ตาย ส่วนรถคู่กรณีได้ขับหลบหนีไปหลังเกิดเหตุ ทราบว่าเป็นรถแท็กซี่สีชมพู ทะเบียน ทศ 8629 กรุงเทพมหานคร เนื่องจากมีพลเมืองดีโทรศัพท์แจ้ง รายการวิทยุ จส.100 และ สวพ.91
ต่อมาเวลา 06.30 น. นายรุ้งฤทัย โพธิ์ศรี โชเฟอร์รถแท็กซี่ อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 19 หมู่ 5 ต.หนองคู อ.เมืองยโสธร จ.ยโสธร พร้อมรถแท็กซี่สีชมพู ทะเบียน ทศ 8629 กรุงเทพมหานคร ที่มีร่องรอยการชนจนกระจกหน้าด้านขวาฝั่งคนขับแตกเป็นดวงขนาดใหญ่ ฝากระโปรงรถด้านขวาบุบและไฟรถหน้าขวาแตก เข้ามอบตัวต่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้การว่า เป็นผู้ขับรถชนหญิงสาวชาวต่างชาติทั้ง 2 ราย จากนั้นขับรถหลบหนีไป ในขณะนั้นได้ขับรถความเร็วประมาณ 70-80 กม./ชม. กระทั่งมาถึงช่วงเกิดเหตุมาเห็นหญิงสาว 2 คน กำลังเดินข้ามถนนตัดหน้ารถ พยายามเหยียบเบรกรถแต่ไม่ทัน เพราะกระชั้นชิดมาก จึงตัดสินใจหักพวงมาลัยรถออกทางซ้ายเพื่อหลบแต่ไม่พ้นทำให้รถชนผู้หญิงจนกระเด็น จากนั้นรถไปจอดหยุดห่างจากจุดชนประมาณ 50 เมตร ส่วนผู้โดยสารชายที่รับมาด้วยได้ขอลงจากรถ พร้อมโบกรถแท็กซี่คันใหม่ไปทันที วินาทีนั้นตนตกใจมากคิดอะไรไม่ออก ไม่เคยขับรถชนคนมาก่อน จึงตัดสินใจขับรถหลบหนีไปเรื่อยๆ จนไปหยุดรถทำใจริมถนนดาวคะนอง พร้อมโทรศัพท์ไปหาภรรยาที่ต่างจังหวัด ซึ่งภรรยาบอกให้เข้ามอบตัวกับตำรวจดีกว่า ก่อนตัดสินใจขับรถมามอบตัวตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ ดังกล่าว
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อห้า ขับประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส