'คำรณวิทย์'กับอภินิหารเหล็กไหลพ่อปู่ฤาษีพรหมนิมิต
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ธูปกระจ่าง กับ..อภินิหารเหล็กไหลพ่อปู่ฤาษีพรหมนิมิต : สรณะคนดัง เรื่อง/ภาพโดยไตรเทพ ไกรงู
ในยุทธจักรสีกากีชื่อเสียงของพล.ต.ท.คำรณวิทย์ธูปกระจ่างหรือบิ๊กแจ๊สแห่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(บชน.)นั้นไม่ธรรมดาถูกจัดอันดับต้นๆในทำเนียบมือปราบ ตัวจริงคนหนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ฝีมือและผลงานเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคนพิชิตคดีดังๆมานับครั้งไม่ถ้วน
บิ๊กแจ๊สเป็นชาวจ.ปทุมธานีโดยกำเนิดจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ(นรต.)รุ่น๓๐ชีวิตรับราชการเริ่มต้นที่จ.สุพรรณบุรีชีวิตวนเวียนอยู่กับงานสืบสวนจนเชี่ยวชาญเพื่อนร่วมรุ่นที่ดังๆอาทิพล.ต.อ.อัศวินขวัญเมืองที่ปรึกษา(สบ๑๐)คุมงานสืบสวนและรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค๑
ผมเป็นตำรวจที่ศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์เชื่อในบาปบุญและเวรกรรมโดยเฉพาะพระถ้ำเสือกรุวัดเขาดีสลักอ.อู่ทองจ.สุพรรณบุรีมีประสบการณ์กับตัวเองและลูกน้องสมัยย้ายไปรับราชการที่ภาคใต้เผชิญหน้าแนวร่วมโจรใต้และปะทะกันบ่อยครั้งฝ่าดงกระสุนดงระเบิดนับไม่ถ้วนไม่เคยเป็นอะไรแคล้วคลาดปลอดภัยเรื่องบุญวาสนานี่แข่งกันไม่ได้จริงๆนอกจากพระถ้ำเสือแล้วผมอยากได้พระสมเด็จวัดระฆังอยู่ๆท่านก็มาโปรดพระชุดเบญจภาคีก็เพิ่งได้เมื่อปีที่แล้วผมคล้องติดตัวตลอดเวลาเลยนะ
คำพูดของบิ๊กแจ๊สข้างต้นจึงเป็นที่มาของการแขวนเหล็กไหลพ่อปู่พรหมนิมิตฤาษีผู้สร้างพระถ้ำเสือมาตลอดชนิดที่เรียกว่า"ไม่เคยห่างกายเลยสักครั้งเดียว"ส่วนพระองค์อื่นๆแขวนสลับกันตามโอกาสเช่นวันนี้แขวนพระสมเด็จอีกองค์หนึ่งซึ่งที่ผ่านมามีประสบการณ์สุดๆเพราะที่ผ่านมามีผู้ไม่หวังดีจำนวนมากแต่ก็ผ่านทุกปัญหาอุปสรรคมาทุกเรื่องชีวิตการเป็นตำรวจของผมผ่านร้อนผ่านหนาวมามากผมเชื่อว่าบารมีของเหล็กไหลพ่อปู่พรหมนิมิตสามารถคุ้มกะลาหัวผมให้ผ่านทุกเรื่องราวและพบเจอแต่ส่งที่ดีณวันนี้เป็นเครื่องพิสูจน์แล้ว
เมื่อครั้งที่พล.ต.ท.คำรณวิทย์รับตำแหน่งเป็นสารวัตรอยู่ที่จ.สุพรรณบุรีได้เป็นผู้พบกรุพระถ้ำเสือ ที่วัดเขาดีสลักอ.อู่ทองจ.สุพรรณบุรีซึ่งเป็นพระเนื้อดินสร้างในสมัยทวารวดีอายุกว่า๑,๐๐๐ปีมีพุทธคุณครอบคลุมในทุกๆด้านทั้งเมตตาแคล้วคลาดฯลฯเป็นที่นิยมสะสมของบรรดาเซียนพระโดยท่านชอบศึกษาประวัติความเป็นมาของพระรุ่นต่างๆและจะนำพระกรุถ้ำเสือวัดเขาดีสลักติดประจำกายอยู่ตลอดเวลาต่อมาจึงได้ก่อตั้งเป็นชมรมถ้ำเสือเมืองปทุม
อย่างไรก็ตามประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือแม้ว่าสมาคมจะรับออกใบเซอร์พระให้พระชุดเบญจภาคีทุกพิมพ์พระเนื้อดินพระเนื้อผงพระเนื้อชินฯลฯแต่ใช่ว่าจะเสมอไปอย่างกับกรณีของสมาคมก็ไม่เคยออกใบเซอร์พระถ้ำเสือกรุวัดเขาดีสลักถึงกับตั้งชื่อพระถ้ำเสือกรุดังกล่าวใหม่อย่างสนุกปากว่า"พระถ้ำเสือกรุคำรณวิทย์"และ"พระถ้ำเสือกรุผู้การแจ๊ส"
แต่ไม่ทำให้ศรัทธาของบิ๊กแจ๊สที่มีต่อพระกรุดังกล่าวลดลงแม้แต่น้อยในทางตรงกันข้ามกับเพิ่มขึ้นบิ๊กแจ๊สบอกว่าวันนี้มีคนส่วนหนึ่งยังไม่ยอมรับพระวัดถ้ำเสือผมไม่เคยโกรธไม่เคยเกลียดเพราะสิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่ที่ความชอบเป็นเรื่องนานาจิตตังแต่สำหรับผมแล้วเพราะถ้ำเสือมีปาฏิหาริย์ที่มีเรื่องเล่าไม่รู้จบ
นอกจากแขวนพระเครื่องแล้วนายแจ๊สยังบอกด้วยว่าทุกเช้าเย็นและระหว่างการเดินทางจะบริกรรมคาถาฤาษีพ่อปู่พรหมนิมิต โดยส่วนตัวแล้วมีความเชื่อว่าคาถาบทนี้ถือว่ามีพุทธคุณสุดยอดตามที่วงการพระใช้ว่าดีทุกด้านหรือครอบจักวาล นั้นเองการท่องคาถาบทนี้ให้เริ่มต้นด้วยการตั้งนะโม๓จบแล้วตามด้วยคาถาฤาษีพ่อปู่พรหมนิมิต ที่ว่า
ยะมะหังครูอาจารินังสาระนังสะคะโตอิมินาสักกาเรนะครูอาจารินังอภิปูชยามิ
ทุติยัมปิยะมะหังครูอาจารินังสาระนังสะคะโตอิมินาสักกาเรนะครูอาจารินังอภิปูชยามิ
ตะติยัมปิยะมะหังครูอาจารินังสาระนังสะคะโตอิมินาสักกาเรนะครูอาจารินังอภิปูชยามิ
โอมอิมะสมิงสักการะพุทธานังมุนิพรหมนิมิตถูชิตตะวามหาลาโพ
อย่างไรก็ตามด้วยความศรัทธาอันแรงกล้ารองแจ๊สตั้งใจบูรณะวัดเขาดีสลักให้เจริญรุ่งเรืองจึงได้ร่วมกับเพื่อนพ้องหาทุนทรัพย์จัดสร้างรูปหล่อพระถ้ำเสือน้ำหนัก๓๐ตันมูลค่ากว่า๑๕ล้านบาทและสร้างพ่อปู่ฤๅษีพรหมนิมิตแกะสลักจากหินประดิษฐานไว้ในถ้ำละมุดซึ่งเป็นสถานที่พบพระถ้ำเสือเพื่อให้นักท่องเที่ยวและผู้ศรัทธาแวะไปขอพร
มือปราบหมอเทวดา
"หมอแจ๊ส"และสมญา"มือปราบหมอเทวดา"แห่งชมรมถ้ำเสือจ.ปทุมธานีเป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่พล.ต.ท.คำรณวิทย์น้อมรับด้วยความเต็มใจแม้ว่าตำแหน่งนี้จะไม่ได้รับผลตอบแทนเป็นเงินเดือนแต่สิ่งที่ได้คือบุญที่ประเมินค่ามิได้โดยได้เปิดรักษามีผู้ป่วยที่เป็นโรคปวดข้อข้อเหน็บชาภูมิแพ้เบาหวานความดันได้แห่กันมารักษาตัวแล้วได้ผลหายจากการเจ็บปวดทรมาน
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้ศึกษาหาความรู้เรื่องแพทย์แผนไทยมาเมื่อกว่า๓๐ปีก่อนซึ่งขณะนั้นยังเป็นเพียงผู้บังคับกองร้อยที่๒โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานโดยได้มีโอกาสรู้จักกับนายตำรวจรุ่นพี่คนหนึ่งที่ชื่อพต.อ.เฉลิมสังข์ทองอดีตผกก.อก.จ.สุโขทัยหรือพี่เหลิมที่ได้รักษาข้าราชการตำรวจในโรงเรียนนายร้อยด้วยยาสมุนไพรและได้มีโอกาสดูวิธีการรักษาที่แปลกมากโดยผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจะมีอาการดีขึ้นอย่างประหลาดใจทำให้เกิดความสนใจและขอเป็นผู้ช่วยของ"หมอเหลิม"มาตั้งแต่บัดนั้น
เมื่อพล.ต.ท.คำรณวิทย์มีความชำนาญก็เปิดรักษาเองโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นทำให้ผู้ป่วยที่มารอคอยรักษาวันอาทิตย์นับพันคนแต่สามารถรับรักษาได้เพียงวันละ๑๐๐คนเท่านั้นและขณะนี้ยอดจองคิวเพื่อทำการรักษายาวไปถึงพ.ศ.๒๕๕๗ทำให้ต้องเปิดทำการรักษาที่บชน.เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยต้องรอนานเมื่อเสร็จจากภารกิจประจำวันท่านก็จะมารักษาทันที
ทั้งหมอและตำรวจต่างก็เป็นอาชีพที่ให้ความสุขแก่ประชาชนแต่เป็นหมอมีความสุขมากกว่าเป็นตำรวจ นี่เป็นคำยืนยันของพล.ต.ท.คำรณวิทย์พร้อมกับให้เหตุผลว่า
การเป็นหมอเป็นการให้ที่คนรับมีความหวังที่จะหายจากโรคเมื่อหายจากโรคแม้ไม่ได้เงินแต่ได้บุญมากกว่าถือว่าเป็นความสุขที่สุดในชีวิตแล้วสุขยิ่งกว่าได้ยศได้ตำแหน่งเสียอีกส่วนอาชีพตำรวจนั้นเมื่อไรที่ต้องทำคดีความที่มีผู้ต้องหาและผู้เสียหายเมื่อนั้นเราย่อมเป็นที่ถูกใจของอีกฝ่ายหนึ่งแน่การถูกมองว่าเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นเรื่อธรรมดาแต่เราต้องทำให้สังคมยอมรับว่าผู้ทำผิดต้องได้รับโทษตามความผิดที่ทำไว้ส่วนผู้เสียหายต้องรับการชดเชยตามเหตุสมควรที่จะได้รับ