เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 13 ก.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า นายศักดิ์ดา หรือดา ภาคภูมิ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 232 หมู่ 7 ต.เขาสามสิบหาบ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เข้าพบ ร.ต.อ.ศราวุธ มาลัย พนักงานสอบสวน (สบ.1) สภ.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เพื่อแจ้งความจับ นางสุวดี หรืออีฟ บุญธรรม อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 209/1 หมู่ 10 ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง สาเหตุเนื่องมาจากหญิงคนดังกล่าวหลอกให้แต่งงานด้วย โดยเรียกเงินสินสอด 4 หมื่นบาท พร้อมสร้อยคอทองคำหนัก 50 สตางค์ และสร้อยข้อมือทองคำหนัก 50 สตางค์ แต่หลังจากฉลองมงคลสมรสเสร็จ เจ้าสาวได้ออกอุบายไปเก็บเสื้อผ้าเพื่อมาอยู่ด้วยก่อนที่จะเชิดสินสอดทองหมั้นหลบหนีไป
นายศักดิ์ดากล่าวว่า ตนคบหากับนางสุวดี หรืออีฟ มานานกว่า 4 เดือน โดยแฟนของเพื่อนเป็นคนแนะนำให้รู้จักจากนั้นก็ได้โทรศัพท์พูดคุยกันเรื่อยมา โดยนางสุวดี เป็นแม่ม่ายลูกติด ซึ่งตนก็ทราบดีแต่ก็ไม่เคยคิดรังเกียจแต่อย่างใด อีกทั้งนางสุวดี เป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาดี และยังเป็นคนพูดจาอ่อนหวานและเอาใจเก่งอีกด้วย สุดท้ายจึงตกลงแต่งงานกันโดยตั้งใจว่าหลังจากเข้าพิธีหมั้นเสร็จก็จะแต่งงานกันเลย ดังนั้นช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นฤกษ์งามยามดี ตนและครอบครัวพร้อมญาติและเพื่อนๆ ได้ยกขันหมากไปสู่ขอแฟนสาว ที่พักอาศัยอยู่กับญาติบริเวณหน้าวัดเขาน้อย หมู่ 1 ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วงฯ หลังเสร็จพิธีได้กลับมาเลี้ยงฉลองที่บ้านของตน
โดยตนได้จ้างโต๊ะจีนมาจำนวน40 โต๊ะเพื่อเลี้ยงฉลองมงคลสมรส โดยมีแขกมาร่วมงานประมาณ 400 คน และหลังจากงานเลี้ยงฉลองแล้วเสร็จ แขกที่มาร่วมงานได้เดินทางกลับไปหมดแล้ว ระหว่างที่พนักงานกำลังเก็บโต๊ะจีนอยู่นั้น นางสุวดี เจ้าสาวได้บอกกับตนว่า ขอตัวเดินทางกลับบ้านพักเพื่อไปเก็บเสื้อผ้ามาอยู่ด้วย ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจแต่อย่างใด จนกระทั่งตกช่วงเย็นนางสุวดี เจ้าสาวก็ยังไม่กลับมา ด้วยความเป็นห่วงตนและญาติจึงได้ออกติดตามหาที่บ้านพักที่อาศัยอยู่ และพบป้ากับลุงของนางสุวดี จึงได้สอบถาม ทราบว่าเธอเก็บเสื้อผ้ามาอยู่กับตนแล้วโดยนำลูกสาววัย 5 ขวบมาด้วย ดังนั้นตนจึงเกิดความเอะใจ จึงได้โทรศัพท์ติดต่อแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากสัญญาณเครื่องโทรศัพท์ถูกปิด จากนั้นจึงไปที่โรงงานแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ทำงานของนางสุวดี เพื่อสอบถามเพื่อนๆ ก็ไม่มีใครพบเช่นกัน
อีกทั้งยังทราบจากเจ้าหน้าที่ของโรงงานดังกล่าวว่า ผู้หญิงที่ตนแต่งงานด้วย เป็นคนเจ้าชู้และหลอกผู้ชายที่ทำงานด้วยกันไปหลายคนแล้ว อีกทั้งยังยืมเงินเพื่อนร่วมงานไปเป็นจำนวนมาก หลังทราบความจริงดังกล่าวตนถึงกับเข่าอ่อน ดังนั้นตนและญาติจึงเดินทางกลับมาที่บ้านและได้ไปดูเงินสินสอดทองหมั้นที่เก็บไว้ในห้องนอนก็พบว่าทรัพย์สินทั้งหมดหายไปจนเกลี้ยงทุกคนจึงรู้ว่าตนถูกหลอกให้แต่งงาน จึงได้ปรึกษาญาติๆ และเห็นพร้อมกันว่าให้ตนไปแจ้งความ ดังนั้นวันนี้ตนกับญาติจึงนำคลิปวีดีโอ รวมทั้งภาพนิ่งที่ถ่ายไว้ในวันงาน มามอบให้กับพนักงานสอบสวน พร้อมทั้งเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับนางสุวดี ดังกล่าว และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวมาดำเนินคดีให้ได้ โดยตนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
นายศักดิ์ดา เจ้าบ่าว กล่าวอีกว่า ก่อนตกลงปลงใจแต่งงานกับนางสุวดี ในครั้งนี้ ตนทราบประวัติของนางสุวดี หรืออีฟ เป็นอย่างดี ถึงแม้เธอจะเคยมีสามีมาแล้วและยังมีลูกด้วยกัน 2 คน แต่ได้เลิกรากันไปนานแล้ว โดยนำลูกมาเลี้ยงฝ่ายละคน แต่เธอก็มาหลอกให้ตนหลงรักจนกระทั่งแต่งงานกันเพื่อหวังสมบัติของตนที่เก็บสะสมมานานหลายปีจนหมดตัว อีกทั้งยังต้องมารับใช้หนี้ค่าโต๊ะจีน ค่าเครื่องเสียงและค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกรวมมูลค่ากว่า 1 แสนบาท ตนอยากได้เงินคืน และไม่อยากให้หนุ่มๆ ตกเป็นเหยื่อของแม่หม้ายสาวจอมแสบรายนี้ ครั้งแรกตนไม่ต้องการบอกผู้สื่อข่าวให้ทราบเพราะกลัวอับอาย แต่สุดท้ายได้ตัดสินใจบอกสื่อมวลชนเพื่อหวังว่าจะช่วยเหลือได้ไม่มากก็น้อย และหากประชาชนได้รับรู้ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของม่ายสาวคนนี้อีกต่อไป
ครั้งนี้พนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียดและได้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน และจะออกหมายเรียกนางสุวดี หรืออีฟ บุญธรรม มาสอบสวนปากคำต่อไป แต่หากไม่มาพบตามที่กำหนด เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะขออนุมัติจากศาลเพื่อออกหมายจับต่อไป