ญาติขอพิสูจน์ในชั้นศาล แบ่งทรัพย์สิน ภาวนา ชนะจิต

 

สามี ภาวนา ชนะจิต ลั่น ไม่มีสาเหตุอะไรที่ต้องทำร้ายภรรยา บอกอยู่กินกันมา 10 ปี สร้างทรัพย์สินมาด้วยกัน ทำไมต้องกล่าวหาว่าเป็นแมงดา ด้านตำรวจเก็บหลักฐานเพิ่ม สั่งสูบน้ำจากบ่อ ในเบื้องต้นยังระบุว่าเป็นอุบัติเหตุ

            วานนี้ (11 กันยายน) ความคืบหน้าล่าสุดจากกรณีที่ ภาวนา ชนะจิต หรือนางสาวอรัญญาภรณ์ เหล่าแสงทอง อดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้เสียชีวิตปริศนาที่บ่อน้ำในบ้านพัก เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา โดยผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านพักดังกล่าว และได้สัมภาษณ์ นายณัฐพงษ์ หลวงศิริกุล สามีนอกสมรสของผู้ตาย เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

            ทั้งนี้ นายณัฐพงษ์ ได้กล่าวว่า ตนขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของภรรยา และไม่ได้อยู่กับภรรยาในช่วงเกิดเหตุ ส่วนในวันนั้นตนกลับบ้านมาเวลาประมาณ 23.00 น. ตนก็เห็นญาติของภรรยามาเต็มบ้านไปหมด และเห็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิหลายคนอยู่ด้วย ตอนนั้นตนรู้สึกงงมาก และยังไม่ทราบว่าภรรยาเสียชีวิต แต่พอเดินเข้าไปน้องสาวของภรรยาก็ด่าตน ว่าตนเป็นแมงดาเกาะผู้หญิงกิน ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะที่บ้านตนก็มีเงินมีทรัพย์สมบัติเหมือนกัน แล้วทางบ้านภรรยาก็มีขอหยิบยืมเป็นแสน ๆ หลายครั้ง นอกจากนี้ ญาติของภรรยายังเอาโซ่มาล็อคกุญแจบ้านเอาไว้ไม่ให้ตนเข้า ทั้ง ๆ ที่ตนอาศัยอยู่กับภรรยามาหลายปี ตนไม่เข้าใจว่าเขามีอำนาจอะไรที่มาทำตัวแบบนี้ ทั้งยังเอากระเป๋าที่มีเงินสดอยู่ 2 แสน สร้อยคอทองคำ พระเลี่ยมทอง และโฉนดที่ดินหลายแปลงไป พอตนขอคืนก็ไม่ยอมให้คืน ตนจึงต้องเอาปืนแก๊ปมาขู่ยิง

            สามีผู้ตาย ยังกล่าวต่อว่า กระเป๋าทรัพย์สินที่ญาติของภรรยาหยิบไปนั้น ตนขอให้นำมาคืน ไม่เช่นนั้นตนจะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนเรื่องมรดก เนื่องจากตนและภรรยาไม่มีลูกด้วยกัน แต่ไปรับลูกของน้องสาวภรรยามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ดังนั้นสมบัติของภรรยา ตนก็มีส่วนช่วยกันสร้างมาตลอด ก็ต้องแบ่งกันไปตามสมควร ไม่ใช่ลูกบุญธรรมจะได้ไปทั้งหมด
             
            นอกจากนี้ นายณัฐพงษ์ ยังเปิดเผยว่า ตนอยู่กินกับภรรยามากว่า 10 ปีแล้ว และตนก็รักเขามาก แต่เมื่อเขาเสียชีวิตทำไมต้องโยนบาปมาให้ตน ทำไมต้องสงสัยว่าตนเป็นฆาตกรส่วนด้านตำรวจก็พาตนไปที่นั่นที่นี่ หาพยานและหลักฐานเพื่อจับผิดตน ทั้งนี้ตนขอถามหน่อยว่า ตนมีเหตุผลอะไรที่ต้องไปทำร้ายภรรยาที่ตนรัก ตนรู้จักกับเขาตั้งแต่อยู่บ้านเดิมย่านตลาดพลู พอภรรยาคนเก่าของตนเสียเมื่อปี 2541 ตนก็ได้มาใช้ชีวิตอยู่กับภาวนาที่บ้านหลังนี้

            นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า ที่ดินที่เขาใหญ่ ซึ่งญาติของภรรยาอ้างว่าภรรยาได้ขายไปมูลค่า 100 ล้านบาทนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะจริง ๆ แล้วมีที่ดินแค่ 3 ไร่ 20 ตารางวา และขายไปได้แค่ 20 ล้านบาท ส่วนเงินเมื่อได้มาตนก็เอาเข้าธนาคารในชื่อของภรรยาตลอด

            ขณะที่ พล.ต.ท.พีระพงศ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมผู้เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ หาหลักฐานเพิ่มเติม บริเวณบ่อน้ำที่เกิดเหตุ พร้อมกับระบุว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นและจากรายงานของศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 ในใต้น้ำบริเวณที่ผู้เสียชีวิตตกลงไป มีแท่งคอนกรีตใหญ่ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนตกน้ำแล้วไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ทั้งนี้ได้สั่งการให้สูบน้ำออกจากบ่อ เพื่อดูด้านล่างมีอะไรผิดสังเกตหรือไม่

            ส่วนทางด้าน พ.ต.ท.ภิญโญ มุสิกสาร พนักงานสอบสวน สภ.นครชัยศรี เปิดเผยว่า หลังจากการตรวจพิสูจน์ศพในเบื้องต้น ไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือบาดแผลใด ๆ ตามร่างกายของผู้ตาย ส่วนที่เห็นเลือดออกบริเวณข้างจมูกนั้น เป็นเพราะว่าต่อมน้ำเหลืองดันออกมาจากภายใน ไม่ใช่บาดแผลแต่อย่างใด สำหรับตะกร้าที่พบในมือผู้ตายนั้น คาดว่าผู้ตายถือติดมือไปยังที่เกิดเหตุ อาจจะใส่อาหารสุนัข หรืออาหารปลา แต่เผอิญว่าพลัดตกลงไปในบ่อน้ำเสียก่อน อย่างไรก็ตาม ก็คงต้องรอผลการผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งก่อน

            อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นญาติได้นำศพ ภาวนา ชนะจิต ไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดมกุฏกษัตริยาราม โดยมีพิธีรดน้ำศพ ซึ่งมีญาติและดารารุ่นเก่าไปร่วมงานเป็นจำนวนมาก

           แต่ทว่าดูเหมือนคดีนี้จะยืดเยื้อเข้าไปอีก เมื่อ นายไวพจน์ เหล่าแสงทอง น้องชายของภาวนา ชนะจิต ยืนยันว่า การเสียชีวิตของพี่สาวมีเงื่อนงำอย่างน่าสงสัย สำหรับทรัพย์สมบัติของพี่สาวซึ่งมีจำนวนมากนั้น หลังจากเสร็จสิ้นงานศพ ทางญาติเห็นว่าทรัพย์สมบัติเป็นของพี่สาวคนเดียว และน่าจะตกอยู่กับบุตรบุญธรรมที่ได้จดทะเบียนไว้ ส่วนสามีคนใหม่ของพี่สาว ที่กำลังมีปัญหากันอยู่ตอนนี้ ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน หากมีการต่อสู้เรื่องทรัพย์สินในชั้นศาล ก็คงอีกนานกว่าเรื่องจะจบ 

            นอกจากนี้ นายไวพจน์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวตนคิดว่าฝ่ายสามีใหม่ได้เตรียมตัวในเรื่องการแบ่งทรัพย์สมบัติมาอย่างดี และทางญาติอาจจะต่อสู้ได้ไม่เต็มที่นัก เพราะไม่ค่อยทราบข้อมูลเท่าไร แต่ก็จะขอพิสูจน์กันในชั้นศาล 








 

ที่มา : Kapook
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

Credit: http://itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=20951&page=1
13 ก.ย. 55 เวลา 11:26 1,437 3 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...