จากกรณีที่ นายเสน่ห์ จิตศรัทธา สามีของนางทิพวรรณ จิตศรัทธา ที่เชื่อว่านางทิพวรรณ ภรรยาตน ตกบ่อจระเข้จนเสียชีวิตและได้เข้าฝันญาติหลายครั้ง ซึ่งได้ประสานงานกับนายอุเทน กรรมการผู้จัดการบริษัทฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ เพื่อขอทำพิธีเชิญวิญญาณบริเวณที่นางทิพวรรณโดดบ่อจระเข้จนเสียชีวิต แต่ทางนายอุเทน ยืนยันว่าไม่มีคนตกบ่อจระเข้และไม่อนุญาตให้ทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์นั้น

 ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 7 ก.ย. นายเสน่ห์ พร้อมครอบครัว ได้นิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 1 รูป มาทำพิธีอัญเชิญวิญญาณของนางทิพวรรณ ที่บริเวณด้านหน้าของฟาร์มจระเข้ โดยเลือกทำพิธีตรงกำแพงด้านหน้าที่มีรูปจระเข้ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที หลังเสร็จสิ้นพิธีได้นำรูปถ่ายของนางทิพวรรณ พร้อมกระถางธูป เพื่อเชิญวิญญาณนางทิพวรรณ ไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดโพธิยาราม (ทองคง) ซึ่งอยู่ใกล้กับฟาร์มจระเข้

 โดยนายเสน่ห์ กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นว่าภรรยาตนได้ตกบ่อจระเข้จนเสียชีวิตจริง ซึ่งตนไม่ได้ติดใจเอาเรื่องอะไร เพียงแต่ขอเข้าไปทำพิธีเพื่อเชิญวิญญาณภรรยาตน เพื่อมาทำพิธีทางศาสนา แต่เมื่อทางฟาร์มไม่อนุญาต พวกตนพร้อมญาติพี่น้องจึงได้นิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีหน้าฟาร์มจระเข้แทน โดยจะนิมนต์พระสงฆ์สวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 3 คืน  ส่วนเรื่องการเผานั้น ทางวัดยืนยันว่าต้องมีใบมรณะบัตรก่อนจึงจะเผาได้ แต่ตนบอกว่า ในโลงนั้นมีแต่เสื้อผ้าและรูปถ่าย ไม่ได้เผาร่างของนางทิพวรรณ ตัวจริงแต่อย่างใดซึ่งยังหาข้อสรุปไม่ได้

 ด้านพ.ต.อ.พัลลภ แอร่มหล้า ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ พร้อมด้วย พ.ต.ท.โสภณ มงคลโสภณรัตน์ รอง ผกก.(สส.) ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสอบปากคำพยานไปแล้ว ประมาณ 10 ปาก และพนักงานของฟาร์มจระเข้ที่ขายซี่โครงไก่อยู่ใกล้บ่อจระเข้ได้ดูจากภาพวงจรปิดพบว่ามีชาย 1 คน และหญิง 1 คน ที่เป็นนักท่องเที่ยว เข้ามาเที่ยว ที่เห็นเหตุการณ์และยังได้มาบอกตนว่าเห็นคนตกบ่อจระเข้ ซึ่งยังไม่ทราบว่า ชายหญิง ดังกล่าวนั้นเป็นใคร และหากชายหญิงทั้งคู่เห็นเหตุการณ์จริงก็อยากมาให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการติดต่อ มา สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อสอบสวนหาข้อมูลดังกล่าว ส่วนข้อมูลจากการสอบพยานหลายปาก ยังไม่สามารถให้ข้อมูลในขณะนี้ได้เพราะเกรงจะเสียรูปคดี ซึ่งจะต้องสอบพยานต่างๆ เพิ่มเติมเพื่อให้ความเป็นธรรมมากที่สุด