เผยวัยรุ่นไทยฆ่าตัวตายเฉลี่ยสูงถึง 170 คนต่อปี โดยใช้วิธีการผูกคอตายมากที่สุด นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี เชียงราย และเชียงใหม่ ติด 5 อันดับแรก
วัน ที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ นพ.ทวี ตั้งเสรี รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวในการเปิดงานวันฆ่าตัวตายโลก ที่จะมีขึ้นในวันที่ 10 กันยายนนี้ ว่า ปัญหาการฆ่าตัวตายเป็นปัญหาสำคัญของสังคมไทย โดยแต่ละปีจะมีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จประมาณ 3,500 คน โดยตัวเลขล่าสุดในปี พ.ศ.2554 มีคนไทยเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายถึง 3,873 คน คิดเป็น 6.03 ต่อประชากร 1 แสนคน
นพ.ทวี กล่าวต่อไปอีกว่า ในช่วงปี พ.ศ.2550-2554 มีวัยรุ่นไทยฆ่าตัวตายสำเร็จ 852 คน หรือเฉลี่ย 170 คนต่อปี โดยในปี พ.ศ. 2554 วัยรุ่นอายุระหว่าง 15-19 ปี ฆ่าตัวตายสำเร็จ 3.43 ต่อประชากร 1 แสนคน ซึ่งวัยรุ่นชายฆ่าตัวตายสำเร็จมากกว่าวัยรุ่นหญิง 3 เท่า แต่วัยรุ่นหญิงนิยมทำร้ายตัวเองมากกว่าวัยรุ่นชาย 3 เท่าเช่นกัน
นอก จากนี้ 51.1% ของวัยรุ่นที่ฆ่าตัวตายอยู่ในระหว่างศึกษา ขณะที่ 25.1% ไม่ได้เรียนต่อในชั้นมัธยม ทั้งนี้วิธีที่ใช้ในการฆ่าตัวตายมากที่สุดคือ การผูกคอตาย รองลงมาคือกินยาฆ่าแมลง และเกิดขึ้นอย่างกะทันหันมากกว่าปัญหาทางจิตที่มีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามจังหวัดที่มีวัยรุ่นฆ่าตัวตายมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี เชียงราย และเชียงใหม่
โดย นพ.ทวี กล่าวเตือนด้วยว่า อีกไม่กี่เดือนจะมีการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทำให้วัยรุ่นต้องทุ่มเทกับการอ่านหนังสือและติวข้อสอบ จนเกิดความเครียดสะสม อีกทั้งยังมีการพูดคุยกับครอบครัวน้อยลง จนไม่สามารถปรึกษาใครได้ และเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตาย จึงจำเป็นต้องให้ผู้ปกครองและคนรอบข้างช่วยกันดูแลเป็นพิเศษ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก