ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา อายุ 27 ปี ลูกชายคนเล็กของนายเฉลิม อยู่วิทยา ประธานบริษัทเรดบูล คอมปานี ลิมิเต็ด เจ้าของธุรกิจแสนล้านเครื่องดื่มกระทิงแดง ซึ่งขับรถเฟอร์รารี่ พินินฟาริน่า สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ญญ 1111 กรุงเทพมหานคร ชนท้ายรถ จยย.สายตรวจของ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ บริเวณปากซอยสุขุวิท 49 ซ้ำยังลากร่างถูไปกับพื้นถนนไกลกว่า 200 เมตร จนทำให้มีน้ำมันเครื่องรั่วไหลเป็นทางที่หลบหนี กระทั่งเจ้าหน้าที่สามารถแกะรอยติดตามไปจับกุมได้ถึงคฤหาสน์ภายในซอยสุขุมวิท 53 ได้ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ในช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องยังคงเดินหน้าสอบปากคำนายวรยุทธ อย่างเข้มข้น โดยเจ้าตัวให้การภาคเสธ รับเพียงว่าขับรถคันดังกล่าวจริงเท่านั้น ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ยังไม่ขอให้การ
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ประสานรถยกนำรถเฟอร์รารี่คันเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ในสภาพกระจกหน้าแตก กันชนหน้าพังยุบ ถุงลมนิรภัยแตก ออกจากบ้านเลขที่ 9 ของตระกูลอยู่วิทยา มาไว้ที่ สน.ทองหล่อ เพื่อให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ทำการตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือ และตรวจเก็บดีเอ็นเอรอบคัน พร้อมนำรถ จยย. ทะเบียน ตราโล่ 51511 ของผู้ตายมาจำลองเหตุการณ์ขณะถูกชนด้วย
ในส่วนของนายสุเวศ หอมอุบล อายุ 45 ปี ซึ่งทาง พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ นำตัวมาส่งให้พนักงานสอบสวนในช่วงแรก โดยมีการรับสมอ้างว่าเป็นผู้ขับรถคันเกิดเหตุ ให้การว่าทำหน้าที่เป็นพ่อบ้าน โดยมีหน้าที่คอยดูแลรถทุกคันและสตาร์ทเพื่อรถอุ่นเครื่องก่อนให้เจ้านายนำออกไปเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงนำตัวมาตรวจร่องรอยคาดเข็มขัดนิรภัยและร่องรอยที่ถูกแรงอัดกระแทก แต่กลับไม่พบ ทำให้เจ้าตัวยอมจำนนด้วยหลักฐานว่าไม่ใช่คนขับรถที่แท้จริง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาแจ้งถ้อยคำอันเป็นเท็จกับเจ้าพนักงานก่อนนำตัวไปดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า เบื้องต้นนายวรยุทธ ให้การภาคเสธว่า เป็นคนขับรถชนจริง ส่วนช่วงที่เกิดอุบัติเหตุเจ้าตัวอ้างว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ซึ่งหลังการสอบสวนจะแจ้งข้อหาขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต และหลบหนีไม่อยู่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุไว้ก่อน ส่วนเรื่องที่ว่าผู้ต้องหาจะมึนเมาสุราหรือไม่นั้น จากการพูดคุยในห้องพบว่ายังพูดรู้เรื่องอยู่ อย่างไรก็ตามจะได้ทำหนังสือส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสมิติเวช เพื่อหาปริมาณแอลกอฮอล์และบาดแผล รวมเวลาที่สอบสวนประมาณ 5 ชั่วโมง สำหรับ พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ ที่ถูกคำสั่งให้มาช่วยราชการเป็นเวลา 30 วัน จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่าขณะเข้าไปตรวจสอบภายในบ้านพบว่านายสุเวศ อ้างตัวเป็นคนขับรถชนผู้ตายจึงรีบนำตัวมาส่งพนักงานสอบสวน ซึ่งในเรื่องนี้จะต้องสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อว่ามีส่วนรู้เห็นในการช่วยเหลือผู้ต้องหาตัวจริงด้วยหรือไม่ ส่วนเรื่องการประกันตัวผู้ต้องหา เป็นดุลพินิจของ พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผกก.สน.ทองหล่อ โดยคิดว่าน่าจะใช้เงินสดประมาณ 5 แสนบาท
ขณะที่ น.ส.นงนุช แสงประพาฬ อายุ 31 ปี อดีตภรรยาของ ด.ต.วิเชียร ซึ่งเดินทางมายัง สน.ทองหล่อ ด้วยสภาพโศกเศร้าและร่ำไห้ตลอดเวลา โดยเจ้าตัวเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า แต่งงานอยู่กินกับ ด.ต.วิเชียร เมื่อปี 2547 และเลิกรากันไปเมื่อปี 2548 แต่ก็ยังโทรศัพท์พูดคุยหรือพบเจอหน้ากันอยู่ทุกวัน แม้จะไม่ได้เป็นสามีภรรยากันแล้ว ล่าสุดที่เจอหน้า ด.ต.วิเชียร ครั้งสุดท้ายคือเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 2 ก.ย. โดย ด.ต.วิเชียรเพิ่งกลับมาจากไปร่วมงานศพคนรู้จัก จากนั้นก็เข้านอนพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวเข้าเวรในเวลาเที่ยงคืน จนกระทั่งตนมาทราบว่า ด.ต.วิเชียร ถูกชนตายเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา สำหรับอดีตสามีเป็นคนนิสัยดี เรียบร้อย ไม่ค่อยพูดเท่าไร แต่ก็เป็นคนที่ตนรักที่สุด จึงอยากฝากบอกคนที่ก่อเหตุด้วยว่าให้รับผิดชอบในสิ่งที่ก่อขึ้นด้วย
ต่อมาเวลา 158.15 น. เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องหาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสมิติเวช โดยนายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความ กล่าวว่า ที่ลูกความขับออกจากจุดเกิดเหตุเกิดจากความตกใจ ไม่ได้หนี ซึ่งเมื่อตนทราบเรื่องจึงแนะนำให้มอบตัว จากนี้จะเร่งยื่นเงินสด 5 แสนบาทประกันตัวออกไป ทั้งนี้ยืนยันว่าทางครอบครัวอยู่วิทยา พร้อมจะชดใช้ให้ครอบครัวอย่างเต็มที่ ทั้งยังยินดีจะเป็นเจ้าภาพงานสวดศพทุกคืนด้วย
พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น.กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ด.ต.วิเชียร ซึ่งเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ สายตรวจ ตั้งแต่เวลา 00.00 น.-08.00 น.กำลังจะขับขี่รถ จยย.ไปเข้าจุดเฝ้าระวังภายในซอยสุขุมวิท 53 เพื่อป้องกันเหตุวิ่งราวทรัพย์ เนื่องจากในซอยดังกล่าวมีเหตุเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็มาถูกชนเสียชีวิตเสียก่อน สำหรับศพของ ด.ต.วิเชียร หลังจากทำการชันสูตรที่สถาบันนิติเวชเรียบร้อยแล้วก็จะนำไปทำพิธีรดน้ำศพในเวลา 17.00 น. ที่วัดธาตุทอง ศาลา 10 ต่อไป อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ด.ต.วิเชียร ยังไม่มีครอบครัว ทางญาติจึงจะได้รับเงินสวัสดิการช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นจำนวนเงิน 516,920 บาท และจะได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือน 5 ขั้น 4 ชั้นยศ เป็น พ.ต.ต. ตามระเบียบราชการต่อไป
ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ นายพรอานันท์ กลั่นประเสริฐ พี่ชาย ด.ต.วิเชียร พร้อมเพื่อข้าราชการตำหรวจ สน.ทองหล่อ ร่วมกันเดินทางเข้ารับศพ บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้า สำหรับศพของ ด.ต.วรยุทธ ได้รับเกียรติอย่างสูงสุดมีการคลุมด้วยธงชาติไทย โดยทันทีที่ น.ส.นงนุช และนายพรอนันต์ เห็นร่างอันไร้วิญญาณของผู้อันเป็นที่รักถึงกับโผเข้ากอดทั้งน้ำตา ท่ามกลางการปลอบประโลมของบรรดาญาติ ๆ ที่อยู่ในบริเวณ สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตผู้ชันสูตรระบุบว่า กระดูกสันหลังส่วนคอหักเคลื่อนจากการถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก
นายพรอนันต์ เผยด้วยอารมณ์โกรธว่า ทราบข่าวน้องเสียชีวิตจากสื่อมวลชนเมื่อเช้านี้ ทำให้รู้สึกตกใจมากแทบช็อกไม่คิดว่าน้องชายที่เป็นคนดี มีวินัยและขยันทำงานเป็นที่รักของคนในโรงพักจะต้องมาจบชีวิตแบบนี้ น้องใฝ่ฝันอยากเป็นตำรวจมาตั้งแต่เด็กแล้ว จึงได้พากเพียรเรียน กระทั่งสามารถสอบเข้าโรงเรียนพลตำรวจได้ และปฏิบัติหน้าที่เป็นสายตรวจมาร่วม 20 ปีแล้ว
"มันเป็นเรื่องที่โหดร้ายกับตนมาก จึงอยากฝากไปถึงผู้ที่ชนว่าหากชนแล้วลงมาดูสักนิดก็คงจะดีกว่า ทำไมต้องลากร่างของน้องชายผมไปถึง 200 เมตร หากไม่ลากศพไปไกลแบบนี้น้องผมอาจมีโอกาสรอด หรือคุณกล้าออกมารับผิดตั้งแต่แรกจะคงไม่โกรธถึงขนาดนี้ แต่กลับขับเข้าบ้านแล้วปิดบ้านเงียบ เพื่อจะหนีความผิดแบบนี้ มันไม่น่าให้อภัยเลย ผมเห็นมาหลายกรณีแล้วที่ลูกคนมีเงินขับรถชนคนตาย จึงไม่อยากคาดหวังอะไร แต่หากเป็นไปได้อยากให้คนก่อเหตุมาขอขมาหน้าศพ" นายพรอนันต์ กล่าวอย่างมีอารมณ์
เย็นวันเดียวกัน นายเฉลิม อยู่วิทยา กล่าวกับผู้สื่อข่าว ขณะเดินทางมารับลูกชายที่ สน.หลังได้รับการประกันตัวว่าก่อนเกิดเหตุลูกชายนำรถไปวอร์มเครื่อง ทดลองขับเท่านั้น ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น ส่วนตัวรู้สึกเสียใจมาก แต่ก็พร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง จากนั้นขอตัวเดินทางไปเคารพศพ ผู้ตายที่วัดธาตุทอง โดยนายเฉลิมถึงกับยกมือไหว้ขอโทษ บรรดาญาติผู้ตาย สำหรับศพของ ด.ต.วิเชียร มีกำหนดสวดอภิธรรม 5 วัน โดยจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในช่วงเย็น วันเสาร์ที่ 8 ก.ย. นี้ต่อไป