ทายาท"เฉลิม อยู่วทยา" เฟอร์รารี่ขยี้-ลาก200ม. อ้างตกใจ-หนีเข้าบ้าน ยื่น5แสนได้ประกันตัว ญาติโวยไม่จอดรถช่วย
ลูกชาย"เฉลิม อยู่วิทยา"ทายาทเจ้าสัวกระทิงแดง ซิ่งเฟอร์ รารี่ขยี้ตร.สยองสุขุมวิท ลากศพไปไกลกว่า 200 เมตรขับหนีเข้าบ้าน ผบช.น."คำรณวิทย์"ต้องนำหมายศาลเข้าค้นเองจนยอมมอบตัว อ้างไม่ได้ตั้งใจ เหตุหลบเข้าบ้านเพราะตกใจเลยรีบมาปรึกษาผู้ใหญ่ ตร.ตั้งข้อหาขับรถประมาทแล้วหลบหนี ยึดรถเก๋งสปอร์ตตรวจ พร้อมส่งตัวตรวจแอลกอฮอล์ ก่อนให้ประกันวงเงิน 5 แสน พ่อรุดงานศพยกมือไหว้ครอบครัวเหยื่อ ขอโทษแทนลูก ขอรับผิดชอบทุกอย่าง ขณะที่ญาติๆ รุมโวยชนแล้วหนีทำไม
เมื่อเวลา 05.40 น.วันที่ 3 ก.ย. พ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี พงส.(สบ 3) สน.ทองหล่อ รับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกรถชนเสียชีวิตช่วงระหว่างซอยสุขุมวิท 47 กับสุขุมวิท 49 ถ.สุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุพบศพด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ อายุ 48 ปี ผบ.หมู่ป. สน.ทองหล่อ อยู่บ้านเลขที่ 800/1 ซอยสุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. สภาพสวมเครื่องแบบตำรวจ นอนหงายบนถนนเลนขวา น่องซ้ายมีแผลฉีกขาดจนถึงกระดูก คอหัก ส่วนปืนประจำกายลูกโม่ .357 หายไป ใกล้ศพพบป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ ตราโล่ 51511 ตกอยู่ ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร บริเวณหน้าปากซอยสุขุมวิท 49 พบรถจักรยานยนต์ไทเกอร์ สีเลือดหมู ของด.ต.วิเชียรล้มคว่ำในสภาพพังยับเยิน
สอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์เบื้องต้นทราบว่า เห็นรถเก๋งคล้ายรถสปอร์ต สีเข้ม จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ ขับชนรถจักรยานยนต์ของด.ต.วิเชียร ตั้งแต่ปากซอยสุขุมวิท 47 รถจักรยานยนต์ล้มเข้าไปติดอยู่ใต้ท้องรถเก๋งสปอร์ต แล้วรถเก๋งก็ขับลากทั้งคนทั้งรถไปกับพื้นถนนจากนั้นรถเก๋งสะบัดไปมาจนรถและร่าง ด.ต.วิเชียรกระเด็นหลุดไปคนละทิศละทาง ก่อนที่รถเก๋งจะขับหนีเข้าไปในซอยสุขุมวิท 53
จากนั้นเจ้าหน้าที่กระจายกำลังตรวจสอบพบว่าบนพื้นถนนมีคราบน้ำมันเครื่องไหลเป็นทางยาวตั้งแต่ปากซอยสุขุมวิท 53 เข้าไปในบริเวณบ้านเลขที่ 9 โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นตึกสูง 6 ชั้น เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิดประตูเหล็กแน่นหนา รอบบ้านเป็นกำแพงสูงเกือบ 3 เมตร ตัวบ้านด้านซ้ายบริเวณลานจอดรถมีรถยี่ห้อหรูราคาแพงจอดอยู่ 5 คัน ส่วนด้านขวาของตัวบ้านมีทางลงไปลานจอดรถด้านล่างลักษณะเหมือนชั้นใต้ดิน มีคราบน้ำมันเครื่องไหลเป็นทางตามลงไปลานจอดรถชั้นใต้ดินด้วย
เจ้าหน้าที่จึงปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าวเอาไว้ ขณะที่รปภ.ของบ้านไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบด้านใน แจ้งให้รออยู่แค่รอบนอกเท่านั้น จากนั้นไม่นานมีรถโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ภฐ 1116 กทม. คนขับเป็นผู้ชาย มีผู้ชายนั่งเบาะหลัง 1 คนออกมาจากบ้านดังกล่าว
ต่อมาเวลา 07.10 น. พ.ต.อ.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผบก.น.5 พร้อมด้วยพ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผกก.สน.ทองหล่อ เดินทางเข้าไปภายในบ้านหลังดังกล่าวประมาณ 10 นาที ก่อนออกมาให้สัมภาษณ์ว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านของนายเฉลิม อยู่วิทยา ทายาทนายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของเครื่องดื่มกระทิงแดง แต่ยังไม่เจอตัวเจ้าของบ้าน รวมทั้งคนขับและรถคันก่อเหตุด้วย ซึ่งในบ้านมีที่จอดรถชั้นใต้ดินด้วย แต่เจ้าของยังไม่อนุญาตให้ตรวจสอบ จึงให้คนดูแลบ้านประสานเจ้าของบ้านขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเหตุรถชนตำรวจเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ หากเจอรถแล้วจะนำไปตรวจพิสูจน์ ส่วนคนขับจะตรวจแอลกอฮอล์ในร่างกายด้วย เบื้องต้นจะแจ้งข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและหลบหนี ส่วนเรื่องสวัสดิการของตำรวจผู้เสียชีวิตจะดูแลอย่างเต็มที่
เวลา 08.00 น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียแก้ว ผบก.น.5 เดินทางมาที่บ้านและเข้าไปตรวจสอบด้านในประมาณ 1 ช.ม. จากนั้นพล.ต.ท.คำรณวิทย์ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า พบรถคันก่อเหตุแล้ว แต่ยังไม่เจอตัวคนขับ ทุกอย่างไม่มีปัญหาจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่แน่นอน ส่วนคนขับเชื่อว่ากำลังติดต่อทนายอยู่ เรื่องนี้ยอมไม่ได้ต่อให้ใหญ่แค่ไหนก็ไม่กลัว ยังไงต้องเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้เพราะตำรวจตายทั้งคน หลังจากนี้จะไปเตรียมกำลังมา 2 กองร้อย และขอหมายค้นเพื่อเข้าค้นบ้านหลังนี้ หากไม่ได้คนขับตัวจริงมาลงโทษจะขอลาออกทันที เมื่อพูดถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ด้านหน้าพากันปรบมือดังลั่น ก่อนที่พล.ต.ท.คำรณวิทย์จะขึ้นรถกลับไปเตรียมกำลัง จากนั้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.)เข้าไปตรวจสอบด้านในบ้าน โดยเจ้าหน้าที่นำรถยกมาจอดรอที่หน้าประตูทางเข้าด้วย
เวลา 09.00 น. ทนายความเดินทางเข้าไปในบ้านนายเฉลิม ขณะที่รปภ.ของบ้านอนุญาตให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบลานจอดรถชั้นใต้ดิน พบรถคันก่อเหตุยี่ห้อเฟอร์รารี่ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดอยู่ในช่องจอดรถ สภาพกันชนหน้าด้านซ้ายแตก กระจกหน้าฝั่งซ้ายแตกเป็นวงกว้างมีเครื่องหมายนายดาบของด.ต.วิเชียรติดอยู่ที่กระจกด้วย เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ตรวจสอบสมุดจดบันทึกของรปภ.ประจำบ้าน พบว่า เมื่อเวลา 05.12 น.มีการจดบันทึกไว้ว่า น้องบอส ขับรถออกไปจากบ้าน
ต่อมาเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์พร้อมด้วยพล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผบช.น. พล.ต.ต.กฤษฏิ์ ผบก.น.5 พ.ต.อ.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผบก.น.5 พ.ต.อ.ชุมพล ผกก.สน.ทองหล่อ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พฐ. นำหมายศาลอาญาเข้าตรวจค้นภายในบ้านหลังดังกล่าว และสั่งการเจ้าหน้าที่ปจ.บก.น.5 จำนวน 2 กองร้อย ตรึงกำลังบริเวณประตูทางเข้าบ้านเพื่อกดดันให้คนขับรถมอบตัว
ผบช.น.กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า หลังเกิดเหตุมีสวป.สน.ทองหล่อคนหนึ่งที่รู้จักสนิทสนมกับคนในบ้านหลังนี้ เข้าไปนำคนในบ้านขึ้นรถพาไปมอบตัวที่สน.ทองหล่อ แต่ไม่ใช่คนขับรถตัวจริง เพราะอ้างแต่ว่าเป็นคนขับรถคันก่อเหตุ นอกนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย จึงต้องดำเนินคคีข้อหาให้การเท็จ และตนเซ็นคำสั่งให้สวป.ไปช่วยราชการอย่างไม่มีกำหนด ไม่ต้องมาสัมผัสใกล้ชิดกับประชาชนแล้ว คดีนี้ตำรวจเสียชีวิต แต่ยังไปเข้าข้างผู้ต้องหา
ขอโทษ - นายเฉลิม อยู่วิทยา เจ้าสัวกระทิงแดง ร่วมงานศพด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ซึ่ง ถูกนายวรยุทธ ลูกชายขับรถชนเสียชีวิต พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัวผู้ตาย และยืนยัน รับผิดชอบทุกอย่าง ที่วัดธาตุทอง เมื่อ 3 ก.ย.
ภายหลังเข้าตรวจค้นบ้านประมาณ 20 นาที นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส อายุ 27 ปี จึงยอมมอบตัวกับตำรวจ โดยเจ้าตัวเดินออกมาจากบ้านด้วยสีหน้าเรียบเฉย สวมหมวกแก๊ปสีน้ำเงิน เสื้อโปโลสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงยีนส์สีดำ เจ้าหน้าที่รับนำตัวขึ้นรถไปสอบสวนที่สน.ทองหล่อทันที เมื่อมาถึงสน. นายวรยุทธมีอาการเดินเซเล็กน้อย เจ้าหน้าที่รีบนำเข้าไปสอบปากคำภายในห้องทำงานของผกก.ทันที โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่นำรถยกเข้าไปยกรถเก๋งสปอร์ต 2 ประตู ยี่ห้อเฟอร์รารี่ รุ่น พินินฟาริน่า สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ญญ-1111 กทม. สภาพกระจกหน้าแตก กันชนหน้าแตกยุบ ถุงลมนิรภัยแตก ออกจากบ้านมาเก็บไว้ที่สน.ทองหล่อ เพื่อให้เจ้าหน้าที่พฐ.ตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือ และเก็บดีเอ็นเอโดยรอบคัน พร้อมนำรถจักรยานยนต์ของด.ต.ผู้เสียชีวิตมาตรวจสอบด้วย
สำหรับสวป.สน.ทองหล่อ ที่ผบช.น.สั่งย้ายไปช่วยราชการคือ พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง ส่วนชายที่รับผิดแทนนายวรยุทธคือ นายสุเวศ หอมอุบล อายุ 45 ปี ทำหน้าที่พ่อบ้านดูแลรถทุกคันและ สตาร์ตรถเพื่ออุ่นเครื่องก่อนให้เจ้านายนำออกไปขับ ซึ่งตอนแรกอ้างว่าเป็นคนขับรถสปอร์ตคันก่อเหตุ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจร่องรอยคาดเข็มขัดนิรภัยและร่องรอยที่ถูกแรงอัดกระแทกของถุงลมนิรภัยกลับไม่พบแต่อย่างใด สุดท้ายเจ้าตัวจำนนด้วยหลักฐานจึงยอมสารภาพว่าไม่ใช่คนขับรถที่แท้จริง เจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดีข้อหาให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จกับเจ้าพนักงาน
พ.ต.อ.ชุมพล ผกก.สน.ทองหล่อ เปิดเผยภายหลังสอบปากคำผู้ต้องหาว่า เบื้องต้นนายวรยุทธ หรือบอส ผู้ขับรถ อ้างว่าขับรถเฟอร์รารี่ออกมาวอร์มในซอยหน้าบ้าน แต่ไม่ได้ดื่มสุรา ช่วงเกิดเหตุไม่ทันเห็นด.ต.วิเชียร ส่วนกรณีขับหลบหนีอยู่ระหว่างสอบสวน ขณะที่ พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อนั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์มีคำสั่งให้ไปช่วยราชการบช.น. เนื่องจากนำตัวบุคคลอื่นออกมารับแทนว่าเป็นผู้ขับขี่ สำหรับผู้ที่ออกมารับแทนเป็นคนขับรถในบ้าน ซึ่งตำรวจจะดำเนินคดีด้วย
ทางด้านพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งที่บช.น.ว่า เบื้องต้นมีคำสั่งให้พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ มาช่วยราชการที่บช.น.เป็นเวลา 30 วัน โดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สาเหตุที่ต้องให้เข้ามาช่วยราชการเพราะเอาคนขับรถในบ้านของลูกชายเจ้าสัวกระทิงแดงมาสวมรอยมอบตัว ขณะที่คนขับรถชนตำรวจตัวจริงยังลอยนวลอยู่ เหตุที่ตนไม่พอใจเพราะไปเอาตัวปลอมมามอบตัว ตนทราบดีว่าสวป.คนนี้ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยให้กับบ้านเจ้าสัวกระทิงแดง แต่ทำงานแบบนี้ใช้ไม่ได้ คดีนี้มอบหมายพล.ต.ต. อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างให้สัมภาษณ์พล.ต.ท.คำรณวิทย์แสดงอาการไม่พอใจสวป.สน.ทองหล่ออย่างมาก ถึงกับขนาดเอ่ยปากว่าอาจจะให้ช่วยราชการอย่างไม่มีกำหนด
ขณะที่พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. ดูแลงานกฎหมายและสอบสวน เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุผบช.น.สั่งการให้มาดูสำนวนคดี และไปรับมอบตัวนายวรยุทธ อยู่วิทยา อายุ 27 ปี ผู้ขับขี่รถยนต์เฟอร์รารี่ ทะเบียน ยย 1111 กรุงเทพฯ ชนด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ สายตรวจสน.ทองหล่อ ขณะปฏิบัติหน้าที่จนเสียชีวิต และหลบหนีโดยไม่แจ้งเหตุ
พล.ต.ต.อนุชัยกล่าวอีกว่า หลังจากผบช.น.นำกำลังไปเจรจาที่บ้าน ผู้ต้องหาก็ขอมอบตัว จึงนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสน.ทองหล่อ ดำเนินคดี โดยแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และหลบหนีโดยไม่แจ้งเหตุ หลังจากสอบปากคำแล้วจะนำตัวไปตรวจร่างกายที่ร.พ.ตำรวจ เพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ สำหรับนายสุเวศ หอมอุบล อายุ 45 ปี พ่อบ้านดูแลรถ ซึ่งอ้างตัวเป็นผู้ขับรถคันเกิดเหตุ ผบช.น.สั่งการให้ดำเนินคดีข้อหาให้การเท็จกับเจ้าพนักงาน มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนนำตัวส่งศาลแขวงพระนครใต้ต่อไป
"สำหรับพ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ สวป.สน.ทองหล่อ ผบช.น.สั่งการให้มาช่วยราชการเป็นเวลา 30 วัน จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่านายสุเวศอ้างตัวเป็นคนขับรถชนด.ต.วิเชียร ทางพ.ต.ท.ปัณณ์ณภณจึงนำตัวมาส่งพนักงานสอบสวนสน.ทองหล่อ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อว่าพ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ รู้เห็นด้วยหรือไม่ แต่ทั้งนี้มีหลักฐานบ่งชี้ภายหลังว่านายสุเวศไม่ใช่คนขับรถตัวจริง ทั้งร่องรอยบาดแผลตามร่างกายที่ได้รับการกระแทกจากการขับรถชน หรือการเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะสมุดบันทึกการเข้าออกบ้านที่รปภ.บันทึกเอาไว้ ระบุว่านายวรยุทธ เป็นคนขับรถออกไป อย่างไรก็ตามสอบสวนเบื้องต้นนายวรยุทธให้การภาคเสธ คือยอมรับว่าชนแต่ไม่บอกว่าขับมาเร็วแค่ไหน และเห็นด.ต.วิเชียรขับรถมาหรือไม่ เหตุใดจึงหลบหนี ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวน? รองผบช.น. กล่าว
พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวต่อว่า ปกติแล้วด.ต.วิเชียรจะออกตรวจพื้นที่ร่วมกับสวป. แต่ขณะนั้นกำลังไม่พอ จึงกระจายกำลังกันออกประจำตามจุดต่างๆ ซึ่งบริเวณที่ด.ต.วิเชียรประจำอยู่นั้น มักเกิดเหตุวิ่งราวทรัพย์บ่อย ขณะเกิดเหตุได้ขับรถวนตรวจตราและกำลังจะถอนออกจากจุดที่ประจำอยู่ แต่ก็ถูกชนเสียก่อน สำหรับทางคดีไม่น่ามีปัญหา เพราะมีพยานหลักฐานชัดเจนรถยนต์ก็ได้ยึดไว้ตรวจสอบแล้ว เนื่องจากพบเครื่องหมายนายดาบของด.ต.วิเชียรติดอยู่กับตัวถังรถ กระจกร้าวเป็นวงกว้าง และพบด้วยว่าถุงลมนิรภัยของรถก็ทำงาน ทั้งนี้สั่งการให้พ.ต.ท.อัครวินต์ สุคนธวิท รองผกก.สส.สน.ทองหล่อ ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุระหว่างซอยสุขุมวิท 47-49 ร่วมกับเจ้าหน้าที่(พฐ.)อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนเรื่องการประกันตัวผู้ต้องหาเป็นดุลพินิจของพ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง ผกก.สน.ทองหล่อ คาดว่าน่าจะใช้เงินสดประมาณ 5 แสนบาท
เด้งสวป. - พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ ขณะตรวจบ้านพักนายเฉลิม อยู่วิทยา เจ้าสัวกระทิงแดง ในซอยทองหล่อ หลังลูกนายเฉลิมขับเฟอร์รารี่ชนตำรวจเสียชีวิต ต่อมาถูกผบช.น.สั่งย้ายช่วยราชการทันที โทษฐานช่วยเหลือลูกนายเฉลิม ตามข่าว
"สำหรับด.ต.วิเชียรทราบว่ามีภรรยาแต่เลิกกัน มีพี่ชายคนเดียว บิดามารดาเสียชีวิตแล้ว เป็นคนตั้งใจขยันทำงาน เบื้องต้นจะได้รับเงินสวัสดิการช่วยเหลือทั้งของบช.น. และตร. เป็นจำนวน 516,920 บาท และจะได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือน 5 ขั้น 4 ชั้นยศ เป็นพ.ต.ต. ศพจะมีพิธีรดน้ำที่วัดธาตุทอง วันนี้เวลาประมาณ 17.00 น.? รองผบช.น.กล่าว
พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวว่า ประเด็นที่ว่าผู้ต้องหามึนเมาสุราหรือไม่นั้น จากการพูดคุยเบื้องต้นก็ยังพูดจารู้เรื่อง แต่จะส่งตัวไปตรวจร่างกายที่ร.พ.ตำรวจว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย หรือไม่
ต่อมาน.ส.นงนุช แสงประพาฬ อายุ 31 ปี อดีตภรรยาของด.ต.วิเชียร เดินทางมาที่สน.ทองหล่อ ด้วยสภาพโศกเศร้า ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่า แต่งงานอยู่กินกับด.ต.วิเชียร เมื่อปี 2547 และเลิกรากันไปเมื่อปี 2548 แต่ยังโทรศัพท์พูดคุย และพบเจอหน้ากันทุกวันแม้จะไม่ได้เป็นสามีภรรยากันแล้ว ล่าสุดเจอหน้าด.ต.วิเชียรเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.วันที่ 2 ก.ย. โดยด.ต.วิเชียรเพิ่งกลับจากไปร่วมงานศพ จากนั้นก็เข้านอนพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวเข้าเวรช่วงเที่ยงคืน จนกระทั่งทราบว่าด.ต.วิเชียรถูกรถชนเสียชีวิตเมื่อเช้ามืด อดีตสามีเป็นคนนิสัยดี เรียบร้อย ไม่ค่อยพูด เป็นคนที่ตนรักที่สุด จึงอยากฝากบอกคนก่อเหตุด้วยว่าให้รับผิดชอบในสิ่งที่ก่อขึ้นด้วย
ส่วนพล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผบช.น. กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ด.ต.วิเชียรซึ่งเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่สายตรวจ เวลา 00.00-08.00 น.กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ไปเข้าจุดล่อแหลมเฝ้าระวังเหตุ ภายในซอยสุขุมวิท 53 เพื่อป้องกันเหตุวิ่งราวทรัพย์ เนื่องจากซอยดังกล่าวมีเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ก็ถูกรถชนเสียชีวิตเสียก่อน สำหรับศพด.ต.วิเชียรหลังจากชันสูตรพลิกศพที่สถาบันนิติเวชเรียบร้อยแล้วจะนำไปทำพิธีรดน้ำศพ เวลา 17.00 น. ที่วัดธาตุทอง ศาลา 10
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสน.ทองหล่อว่า เมื่อเวลา 15.00 น.เจ้าหน้าที่นำตัวนายวรยุทธออกจากห้องสอบสวน หลังจากสอบปากคำนานกว่า 6 ช.ม.เพื่อไปตรวจร่างกายที่ร.พ.สมิติเวช ก่อนนำกลับมาสอบสวนต่อที่สน.ทองหล่อ
นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความนายวรยุทธ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุนายเฉลิม อยู่วิทยา บิดานายวรยุทธติดต่อให้มาพบที่บ้านพักเพื่อขอปรึกษาด่วน ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไร เมื่อมาถึงบ้านจึงทราบเรื่องนายวรยุทธเลยแนะนำให้มอบตัวไม่ว่าจะถูกหรือผิด ส่วนสาเหตุที่นายวรยุทธขับรถกลับเข้าบ้านพักทันทีนั้นก็เพราะเป็นความตกใจของเด็ก จึงรีบกลับเข้ามาปรึกษากับผู้ปกครอง ไม่ได้หลบหนีและไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์แต่อย่างใด ส่วนเรื่องจะผิดจะถูกนั้นขึ้นกับพนักงานสอบสวนเป็นผู้พิจารณา แต่ไม่ว่าผลจะออกมาว่านายวรยุทธจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก ฝ่ายตนยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งหมด และจะเป็นเจ้าภาพงานศพด.ต.วิเชียรทุกคืน โดยคืนแรก นายเฉลิม อยู่วิทยา บิดานายวรยุทธก็จะไปร่วมงานศพด้วย แต่ตัวนายวรยุทธคงยังไม่ไปวันนี้ เนื่องจากยังทำใจไม่ได้ เจ้าตัวยังเสียใจว่าไม่น่าเกิดเหตุการณ์ขึ้น
ทนายความกล่าวต่อว่า เรื่องการประกันตัวนั้น ได้นำหลักทรัพย์เงินสด 500,000 บาท ยื่นขอประกันตัวแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนยังไม่ได้นัดว่าจะต้องมาพบอีกเมื่อไหร่ ส่วนเรื่องที่เมื่อช่วงเช้ามีสวป.สน.ทองหล่อนำตัวคนในบ้านไปมอบตัวแทนนายวรยุทธนั้น ตนไม่ทราบ และนายเฉลิมยืนยันว่าไม่ได้สั่งให้ใครมอบตัวแทน และไม่ได้รู้จักกับสวป.คนดังกล่าวเป็นการส่วนตัว
ด้านผกก.สน.ทองหล่อ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนส่งตัวนายวรยุทธไปตรวจร่างกาย ตรวจดีเอ็นเอ และตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ที่ร.พ.สมิติเวช เนื่องจากอยู่ใกล้สน.ทองหล่อ หลังจากนั้นก็นำตัวกลับมาสอบสวนต่อ ส่วนจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้น พนักงานสอบสวนจะพิจารณาอีกครั้ง สำหรับพ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง สวป.สน.ทองหล่อ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว เนื่องจากมีหลักฐานลงบันทึกจับกุมนาย สุเวศ พ่อบ้านของนายวรยุทธ
ต่อมาเวลา 16.30 น. นายเฉลิม อยู่วิทยา บิดานายวรยุทธเดินทางมาสน.ทองหล่อ เพื่อร่วมฟังการสอบสวนบุตรชาย นายเฉลิมกล่าวสั้นๆ ว่า ก่อนเกิดเหตุลูกชายนำรถออกจากบ้านไปวอร์มเครื่อง และทดลองขับบนถนนช่วงเช้ามืดเท่านั้น ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ตนรู้สึกเสียใจ ตัวลูกชายเองก็เสียใจ และจะดูแลรับผิดชอบให้ดีที่สุด
ภายหลังการสอบสวน ทนายความยื่นหลักทรัพย์เงินสด 500,000 บาทยื่นขอประกันตัวนายวรยุทธ ซึ่งพนักงานสอบสวนอนุญาต โดยครอบครัวรีบนำตัวนายวรยุทธเดินทางกลับทันที
ส่วนกรณีสื่อมวลชนบางสำนักเสนอข่าวว่า ก่อนเกิดเหตุนายวรยุทธได้ไปรับประทานอาหารกับเพื่อนที่โรงแรมเร็กซ์ สุขุมวิท ใกล้กับจุดเกิดเหตุ ตั้งแต่ช่วงเวลาตีหนึ่งแล้วออกจากโรงแรมเวลาประมาณตีห้ากระทั่งเกิดเหตุขับรถชนด.ต.วิเชียร จนเสียชีวิตนั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ผบช.น. ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ยังไม่มีการพูดถึงกรณีนี้ อย่างไรก็ตามจะสั่งการเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมว่าข้อมูลดังกล่าวมีที่มาอย่างไร
ด้านพ.ต.อ.ชุมพล ผกก.สน.ทองหล่อ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่านายวรยุทธขับรถออกจากบ้านก่อนมาถึงที่เกิดเหตุประมาณ 10 นาที เหมือนกับเป็นการลองรถก่อนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ไม่ได้ขับรถออกมาจากโรงเเรมแต่อย่างใด ส่วนผลการตรวจแอลกอฮอล์นั้นใช้วิธีตรวจเลือดเนื่องจากได้ผลแน่นอนกว่า ขณะนี้ส่งไปตรวจที่ห้องแล็บร.พ.บำรุงราษฎร์แล้ว ต้องรอผลตรวจว่าจะออกมาอย่างไร ทั้งนี้ได้เร่งรัดผลการตรวจเลือดเเล้ว
ก่อนหน้านั้นเวลา 14.00 น.ที่สถาบันนิติเวชวิทยา ร.พ.ตำรวจ นายพรอานันท์ กลั่นประเสริฐ อายุ 58 ปี พี่ชาย น.ส.นงนุช แสงประพาฬ อายุ 31 ปี อดีตภรรยา พร้อมด้วยญาติและเพื่อนร่วมงาน มารับศพด.ต.วิเชียร บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ทันทีที่น.ส.นงนุชเห็นศพด.ต.วิเชียรได้ตรงเข้ากอดร่ำไห้อย่างเศร้าสลด ทั้งนี้ผลการชันสูตรพลิกศพของแพทย์นิติเวช ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า กระดูกสันหลังส่วนคอหักเคลื่อน เนื่องจากถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก ทั้งนี้ญาตินำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 10 วัดธาตุทอง เป็นเวลา 5 วัน พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผบช.น. จะเป็นประธานพิธีรดน้ำศพ เวลา 16.30 น.
นายพรอานันท์ กล่าวว่า ผู้ตายเป็นน้องชายคนสุดท้อง ตอนเด็กใฝ่ฝันอยากเป็นตำรวจ จึงมา สอบร.ร.พลตำรวจนครบาล บรรจุครั้งแรกที่สน.ทองหล่อ ตั้งแต่ปี 2534 และประจำที่นี่มาตลอด น้องชายเป็นคนสุภาพเรียบร้อย อัธยาศัยดี ตั้งใจทำงาน เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนร่วมงาน รวมถึงบุคคลใกล้ชิด เมื่อเช้าตนทราบจากข่าวโทรทัศน์ รู้สึกตกใจมากจึงรีบเดินทางมาทันที ส่วนเรื่องคดีไม่ขอให้ความเห็น ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ทางฝ่ายที่ขับรถชนยังไม่มีการติดต่อมาแต่อย่างใด
"ผมรู้สึกรับไม่ได้ ถือเป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก ที่คนก่อเหตุขับรถชนแล้วขับรถหนี มีการลากศพไปไกล เพราะหากชนแล้วหยุด น้องชายคงมีโอกาสรอด อาจจะไม่ตาย แต่อยากฝากถึงคนที่ก่อเหตุว่าเมื่อขับรถชนแล้ว ควรจะมีความรับผิดชอบ อย่างน้อยก็น่าจะลงมาดูศพ ไม่ใช่ขับรถหลบหนีไปแบบนี้ พอรู้ว่าเป็นลูกคนมีชื่อเสียง อยากฝากถึงคนที่เลี้ยงดูเขา อยากให้อบรมลูกให้มีความรับผิดชอบ ทำผิดควรลงมาช่วยไม่ใช่หนีไปแบบนี้? พี่ชายด.ต.วิเชียร กล่าว และว่ากรณีแบบนี้เห็นมาหลายครั้งแล้วที่ลูกคนมีเงินขับรถชนคนตาย จึงไม่อยากคาดหวังอะไร แต่หากเป็นไปได้อยากให้คนก่อเหตุมาขอขมาศพ
นางประนอม แสงประพาฬ อายุ 53 ปี กล่าวว่า แม้ผู้ตายจะเป็นอดีตลูกเขย แต่ตนก็รักผูกพันเสมือนลูกตัวเอง ที่ผ่านมาก็ดูแลกันมาตลอด ผู้ตายมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จึงเป็นที่รักของทุกคน ก่อนเกิดเหตุเวลา 22.00 น.วันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนขึ้นไปห้องพักผู้ตายเพื่อสอบถามว่ากินข้าวหรือยัง แต่เห็นแต่งตัวกำลังไปเข้าเวร จึงไม่ได้พูดอะไรกัน ทั้งนี้อยากให้คนที่ขับรถชนมาแสดงความรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ญาติติดต่อรับศพด.ต.วิเชียร มีชายซึ่งเป็นตัวแทนของฝ่ายผู้ก่อเหตุเดินทางมาสังเกตการณ์ แต่ไม่ได้พูดคุยกับญาติผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 16.30 น.ที่ศาลาศวงษ์ วิเศษศุภวตร์ วัดธาตุทอง ตำรวจจากสน.ทองหล่อและเพื่อนร่วมรุ่นร่วมพิธีรดน้ำศพด.ต.วิเชียรอย่างล้นหลาม ขณะที่ผู้บังคับบัญชาส่งพวงหรีดเเสดงความไว้อาลัย อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น และครอบครัวอยู่วิทยา เป็นต้น
เวลา 17.00 น.เจ้าหน้าที่นำร่างด.ต.วิเชียรบรรจุลงสู่หีบศพ เวลา 17.30 น.นายเฉลิม อยู่วิทยา บิดานายวรยุทธมาเคารพศพ จากนั้นเดินไปหานายพรอานันท์และนางณัฐนันท์ พี่ชายและพี่สะใภ้ด.ต.วิเชียร รวมถึงญาติคนอื่นๆ โดยยกมือไหว้ขอโทษ พร้อมกล่าวว่า "ขอโทษจากใจสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหตุที่เกิดเป็นเหตุกระชั้นชิด พร้อมจะช่วยเหลือและรับผิดชอบทุกอย่าง และพร้อมจะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย?
ด้านนางณัฐนันท์ กล่าวตอบอย่างมีอารมณ์ว่า "ดูว่านายวรยุทธคงไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเหตุขึ้น แต่ก็ควรมีสามัญสำนึกจอดรถ ไม่ใช่ขับลากไป เหตุ การณ์ที่เกิดไม่ได้เกิดในครอบครัวของคุณ จึงไม่เข้าใจความรู้สึก?
นายเฉลิมยืนรับฟังด้วยอาการสงบและกล่าวขอโทษซ้ำอีกครั้ง ขณะที่นายพรอานันท์กล่าวว่า ขอบคุณที่มาร่วมงานและแสดงความรับผิดชอบ อย่างไรก็ตามเรื่องคดีต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย
นายเฉลิมให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า กล่าวขอโทษครอบครัวผู้ตายจากใจจริง พร้อมช่วยเหลือทุกอย่าง และยินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจในการเข้าให้ปากคำ
สำหรับงานสวดอภิธรรมศพด.ต.วิเชียร จะมีไปจนถึงคืนวันพฤหัสบดีที่ 6 ก.ย. โดยครอบครัวอยู่วิทยายืนยันเป็นเจ้าภาพร่วมทุกคืน วันที่ 7 ก.ย.พระราชทานเพลิงศพที่เมรุนอก วัดธาตุทอง
สำหรับประวัติของนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา เป็นบุตรนายเฉลิม และนางดารณี อยู่วิทยา จบการศึกษาด้านออกแบบผลิตภัณฑ์ จากสถาบันเซนต์มาร์ติน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีพี่น้อง 3 คนคือ น.ส.วรางคณา อยู่วิทยา หรือแชมเปญ สมรสกับม.ล.กอกฤษต กฤดากร 2. นายวาริท อยู่วิทยา หรือปอร์เช่ และ3.นายวรยุทธ หรือบอส คนสุดท้อง
ทั้งนี้นายเฉลิม อยู่วิทยา เป็นบุตรชายนายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของเครื่องดื่มกระทิงแดง นักธุรกิจมหาเศรษฐี ที่นิตยสารฟอร์บส์จัดอันดับให้เป็นเศรษฐีรวยติดอันดับ 260 ของโลก และอันดับ 1 ของไทย มีสินทรัพย์ประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 120,000 ล้านบาท ซึ่งนายเฉลียวเพิ่งเสียชีวิตด้วยโรคชราเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา สิริอายุ 88 ปี
สำหรับนายเฉลิม ทายาทเจ้าสัวกระทิงแดง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริษัท เรด บูล คอมปานี ลิมิเต็ด กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ผู้ดูแลเครื่องดื่มเรดบูล(Red Bull) ในประเทศอังกฤษ ตลาดสำคัญของกระทิงแดงในยุโรป โดยนายเฉลิมมีบทบาทสำคัญช่วยบิดาบุกเบิกตลาดต่างประเทศในนามเรดบูล จนประสบความสำเร็จทางการตลาดทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ด้วยกลยุทธ์ที่ทำให้ทั่วโลกรู้จักผ่านการสนับสนุนกีฬาหลายรายการ ที่โดดเด่นที่สุดคือการแข่งขันรถสูตร 1 ฟอร์มูล่าวัน พร้อมกับส่งทีมเรดบูล เรซซิ่ง ฟอร์มูล่าวัน(Red Bull Racing Formula1) เข้าร่วมแข่งขันด้วย