วันที่ 2 ก.ย. เอพีรายงานความคืบหน้ากรณีเด็กหญิงชาวคริสต์อายุ 14 ปี ซึ่งมีอาการดาวน์ซิน โดรม ถูกตำรวจปากีสถานจับกุมในข้อหาหมิ่นศาสนา หลังชาวมุสลิมในพื้นที่กล่าวหาว่าเผาคัมภีร์ อัลกุรอาน และชุมนุมกดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวเด็กหญิงคนดังกล่าว จนกลายเป็นข่าวดังทั่วโลกและองค์กรสิทธิมนุษยชนหลายชาติเรียกร้องให้ทางการปากีสถานปล่อยตัวเด็กหญิงจากเรือนจำ



ล่าสุดตำรวจปากีสถานจับกุมนายคาลีด คีชติ นักสอนศาสนาอิสลาม หรือที่เรียกว่า 'อิหม่าม' หลังมีพยานที่ทำงานในมัสยิดแห่งเดียวกันกับนายคีชติให้การว่านายคีชติเป็นผู้วางแผนและลงมือเอาคัมภีร์อัลกุรอานไปเผา ก่อนจะนำไปแอบยัดใส่กระเป๋าของเด็กหญิงคนดังกล่าว เพื่อยุยงให้เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวคริสต์และชาวมุสลิม ซึ่งพยานคนนี้กล่าวว่านายคีชติอธิบายว่าแผนการนี้จะช่วยให้ชาวคริสต์ถูกขับไล่ ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดกรณีการจับกุมเด็กหญิงคนนี้เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ชาวคริสต์หลายร้อยคนอพยพหนีจากพื้นที่เนื่องจากเกรงว่าจะถูกทำร้ายจากความขัดแย้งทางศาสนา



ด้านทนายความของเด็กหญิงระบุว่า ข่าวนี้แสดงให้เห็นว่าลูกความของตนมิได้ทำความผิดจริง แต่ทนายความของฝ่ายโจทก์กล่าวว่า นายคีชติเป็นแพะรับบาปของตำรวจ เนื่องจากทางการปากีสถานถูกกดดันจากประชาคมโลกให้ยุติคดีนี้



รายงานระบุว่า กฎหมายหมิ่นศาสนาของปากีสถานมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต และมักถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อข่มขู่ชนกลุ่มน้อยทางศาสนาหรือผู้ที่วิจารณ์คณะปกครองบ่อยครั้ง ซึ่งผู้ที่ถูกกล่าวหาด้วยกฎหมายนี้มักถูกลงโทษโดย 'ศาลเตี้ย' ตั้งแต่ยังไม่ถูกไต่สวนหรือตัดสินโดยศาล เช่น เมื่อเดือนก.ค. มีกลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปลากชายคนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นศาสนาออกมาจากห้องขังในสถานีตำรวจ ก่อนจะรุมทุบตีจนเสียชีวิตและจุดไฟเผาศพ และเมื่อปีที่แล้ว นายซัลมาน ทาเซียร์ ผู้ว่าการมณฑลปันจาบ ถูกลอบสังหารโดยองครักษ์ของตนเอง ที่ไม่พอใจความพยายามปฏิรูปกฎหมายหมิ่นศาสนาของนายทาเซียร์