รอยยิ้มและชีวิตใหม่ของ อุ้ยอ้าย อดีตเซ็กซี่สตาร์ตกอับ





 

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเจาะใจ โพสต์โดย คุณ CiNNtv3 สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            ชีวิตคนเรามีขึ้น มีลง ในทุก ๆ ย่างก้าวที่เดิน แม้หลายคนจะพอเข้าใจในเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่ก็คงไม่มีใครคาดคิดว่า ความพลิกผันนั้นอาจจะเกิดขึ้นกับตัวเอง อย่างเช่น หญิงสาวคนหนึ่งที่เธอเคยมีชีวิตที่สวยหรู และมีชื่อเสียงโด่งดังในยุคหนึ่ง แต่กลับต้องมาตกอับถึงขีดสุด 

            อุ้ยอ้าย ชฎาธร แดงใส...เธอผู้นี้ มีชีวิตพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากเซ็กซี่สตาร์ชื่อก้องของวงการบันเทิงไทยเมื่อหลายสิบปีก่อน กาลเวลาผ่านไป ชื่อเสียงหดหาย สุดท้ายก็ต้องออกจากวงการบันเทิงไปเป็น "หมอนวด" ตามสถานบันเทิงยามราตรีเท่านั้น และปัจจุบัน เธอทำงานพนักงานทำความสะอาดในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แต่เธอกลับบอกว่า นี่คือสิ่งที่ทำให้เธอค้นพบกับความสุขที่แท้จริงแล้ว และเธอก็ได้เปิดใจเรื่องราวทุกอย่างผ่านรายการ "เจาะใจ" ทาง ททบ.5

   เริ่มต้น ต้องขอย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ อุ้ยอ้าย กำลังโด่งดัง เธอเล่าว่า เข้าวงการมาด้วยการถ่ายโฟโต้อัลบั้ม คาราโอเกะ และปฏิทิน ซึ่งช่วงนั้นนางแบบที่ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นเป็นที่นิยมอย่างมาก และที่เธอตัดสินใจเข้ามาในวงการ ก็เพราะต้องการเงิน

            อุ้ยอ้าย เล่าว่า ครอบครัวของเธอไม่ได้สมบูรณ์แบบ คุณแม่ของเธอถูกโจรปล้นบ้านยิงเสียชีวิตโดยที่ยังอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอด ขณะที่คุณพ่อก็หายสาบสูญไป ทราบแต่เพียงว่า มีเงินเท่าไหร่คุณพ่อก็นำไปใช้ล้างผลาญจนหมด ทำให้เธอโตมากับความคิดที่ว่า ค่าของเงินใหญ่กว่าค่าของสิ่งใด ๆ เงินคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เธอจึงต้องดิ้นรน เพื่อจะหาเงินมาเลี้ยงตัวเอง เพราะไม่อยากรบกวนครอบครัวคุณอาที่เลี้ยงดูเธอ

นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ อุ้ยอ้าย ไปถ่ายวับ ๆ แวม ๆ จนถูกฝ่ายปกครองของโรงเรียนเรียกไปตำหนิ เธอจึงตัดสินใจเลิกเรียน เพราะคิดว่าตัวเองหาเงินได้ มีชื่อเสียงโด่งดังแล้วอยากได้อะไรก็ซื้อ ไปเที่ยวที่ไหนก็ไป กลายเป็นเด็กสาวใจแตก หมดเงินไปกับการเที่ยวเตร่ แต่งรถ โดยที่ไม่เก็บเงินไว้เลย เพราะคิดว่า เงินหาได้ง่าย ๆ เพราะเดี๋ยวก็มีงานโชว์ตัว งานถ่ายแบบเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ

            แต่แล้ว เด็กสาวที่หลงระเริงกับแสงสีก็ได้เรียนรู้สัจธรรมชีวิต หลังจากเพื่อนแนะนำให้เสพยาบ้าเพื่อลดความอ้วน ในที่สุด เธอก็ถูกจับกุม แต่ศาลก็รอลงอาญาไว้ เพราะกระทำผิดครั้งแรก แต่ที่ทำให้เธอน้อยใจมากก็คือ คุณอาไม่ยอมนำบ้านไปค้ำประกันให้ เพราะกลัวเธอจะหนีคดี ทำให้เธอต้องไปจ้างคนมาช่วยค้ำประกัน ซึ่งหลังจากนั้น เธอก็เริ่มห่างเหินจากบ้านคุณอาไป

            ชื่อเสียงของ อุ้ยอ้าย เริ่มดิ่งลงเรื่อย ๆ การที่เธอถูกแบนจากวงการบันเทิง ทำให้เธอเครียดเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังดิ้นรนหาเงิน ด้วยการโทรศัพท์ไปหาพี่ที่รู้จักกัน เพื่อถามว่า มีผู้ใหญ่คนไหนยังต้องการพาเธอไปทานข้าวด้วยอีกหรือไม่ แต่พี่คนนั้นก็แนะนำว่า แค่กินข้าวคงจะไม่ได้เงินแล้ว ต้องไปเป็นไซด์ไลน์ หรืออาบอบนวด เธอจึงตัดสินใจทำอาชีพนี้ เพราะต้องการเงิน เนื่องจากตอนนั้นเธอเหลือเพียงแค่ตัวคนเดียวเท่านั้น บ้านก็ถูกโจรยกเค้า ซ้ำยังถูกคนโกงเงินโกงทองอีกด้วยเรียกได้ว่า ช่วงนั้นเธอแทบไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แม้แต่คุณอาก็ไม่ให้อาศัยอยู่ในบ้าน เพราะอายชาวบ้านเขา

อุ้ยอ้าย ทำงานเป็นสาวไซด์ไลน์ จนกระทั่งอายุมากขึ้น พี่ที่รู้จักแนะนำให้เธอลงมานั่งให้แขกเลือกที่ตู้ เธอจึงยอมทำ เพราะไม่มีเงิน และไม่มีใครให้คำปรึกษา 

            "ช่วงนั้นเครียดมาก ไม่มีความสุขเลย บางทีเวลาไม่มีเงิน ก็เคยคิดว่า อยากหลับ แล้วก็ไม่อยากตื่นขึ้นมาเผชิญกับอะไรที่ไม่อยากทำเลย อย่างไปนั่งฝืนยิ้มในตู้ แล้วจะเจอกับใครก็ไม่รู้ เวลาที่ร้านเชียร์แขกก็แนะนำว่า เราเป็นดารานางแบบเก่า แต่อายุเยอะหน่อยนะ ก็คือ แก่ เรารู้ แล้วเราก็มองเด็กสาว ๆ ทำงานได้หลายรอบ จริง ๆ เรารอบเดียวก็พอใจแล้ว อาชีพนี้ มันต้องเจอกับคนแปลก ๆ พิสดารหลายอย่าง ซึ่งเราก็ทำใจไม่ได้ แค่บนเตียงเราก็ฝืนพอแล้ว" อุ้ยอ้าย เล่าด้วยเสียงเครียด

            อดีตเซ็กซี่สตาร์ เล่าด้วยว่า ที่ผ่านมาเธอเจอเรื่องอะไรมาเยอะมาก แต่ช่วงเวลาที่มีความทุกข์ที่สุดก็คือ ช่วงเวลาที่โดนคดียาเสพติด ทำให้เธอเครียด และอับอายคนในวงการ จนต้องผันตัวไปเป็นหมอนวด ตอนนั้น เธอถึงกับคิดจะฆ่าตัวตาย แต่ก็ไม่ทำ เพราะคิดถึงคุณแม่ที่พยายามอุ้มเธอหนีโจรปล้นบ้าน จนต้องถูกยิงเสียชีวิต เธอจึงหันมาสู้ต่อ

            หลังจากนั่งตู้ให้บริการแขกได้พักหนึ่ง เรื่องราวก็เธอก็ไปปรากฏในสื่อ กระทั่งมีคนแนะนำให้เธอเปลี่ยนมาเป็นคนเชียร์แขกแทนขายบริการ ซึ่งก็ทำให้อุ้ยอ้ายรู้สึกดีขึ้นมาบ้างที่ไม่ต้องฝืนใจให้บริการแขกอีกแล้ว แต่ถึงกระนั้น หากมีแขกต้องการเธอ ผู้จัดการก็ยังบังคับให้เธอทำงานอยู่ดี ทำให้เธออึดอัดไม่รู้จักจบจักสิ้น และอยากจะออกไปทำอะไรก็ได้ที่ไม่ได้อยู่ในวังวนนี้

            ต้องบอกว่า โชคดีที่ อุ้ยอ้าย เจอทางสว่างนั้น เมื่อเพื่อน ๆ ในวงการบันเทิงได้ชักชวนเธอไปทำอาชีพอื่น ๆ ทั้งทำงานในร้านอาหาร หรือเป็นพนักงานแจกบัตรคิดเงินในลานจอดรถ ซึ่งแม้จะได้เงินน้อยกว่า แต่เพราะตอนนั้นอดีตนางแบบรู้จักค่าของเงิน และใช้เงินเป็นแล้ว จึงยอมรับงานนี้อย่างไม่อิดออด

อย่างไรก็ตาม งานพนักงานแจกบัตรในลานจอดรถก็สร้างความลำบากให้เธอพอสมควร เพราะต้องเดินทางไกลมาก เธอจึงตัดสินใจออกจากงาน เพื่อไปสมัครเป็นแม่บ้านในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในย่านพระราม 9 ซึ่งอยู่ใกล้บ้านมากกว่า เธอมั่นใจว่า ตัวเองทำอาชีพนี้ได้แน่ ๆ เพราะที่แย่กว่านี้ก็เคยทำมาแล้ว

            "ตอนเราเก็บขยะ เราก็มองว่า ทำไมขยะที่อยู่ในที่เหม็น ๆ เขายังเอาไปรีไซเคิลเป็นของที่มีประโยชน์ได้ แล้วทำไมชีวิตเราจะต้องจมปลักอยู่กับสิ่งหมักหมมเหม็นเน่าที่ไร้ประโยชน์เหรอ เราจะไม่ยอมหลุดพ้นเหรอ ถ้าเกิดเรามีโอกาส มีคนหยิบเราขึ้นมาแล้ว ก็เลยรู้สึกว่า เราต้องทำตัวเราให้ได้ รีไซเคิลตัวเรา เปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนการใช้ชีวิต ที่เหลือคือการยอมรับของสังคม เราจะไปห้ามความคิด หรือคำพูดใครไม่ได้ ทุกอย่างเริ่มที่ตัวเรา" อุ้ยอ้าย บอกเจตนารมณ์ชัด

 เมื่อพูดถึงงานพนักงานทำความสะอาดที่เป็นชีวิตใหม่ของเธอ อดีตนางแบบดัง บอกว่า วันแรกที่ไปทำงานนี้เป็นวันที่มีความสุขมาก แม้จะเหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานถึง 12 ชั่วโมง แต่พอทำทุกวันก็ชินแล้ว หากวันไหนไม่เหนื่อยมันเหมือนขาดอะไรไปอย่าง เพราะเรารู้สึกสนุกกับชีวิตแล้ว และเราก็ภูมิใจในทุก ๆ วันที่ออกไปทำงาน ว่า เราได้ใช้ชีวิตปกติแล้ว เหมือนมนุษย์สามัญชนทั่วไป

            "ชีวิตเรา 40 กว่าปีแล้วที่ใช้ผ่านมา ที่เหลืออยู่อาจจะไม่กี่ปี แต่รู้สึกว่า เกียรติ ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง มันมีแล้วนับแต่นาทีนี้ รวมทั้งคุณค่าของความเป็นคน เราจะบอกแม่ในใจเสมอว่า ที่ผ่านมา แม่อาจจะไม่ได้ไปสู่สุคติ เพราะชีวิตของลูกยังน่าห่วง ลุ่ม ๆ ดอน ๆ อยู่ในที่มืด แต่ ณ ปัจจุบัน ลูกอยู่ในที่สว่างแล้ว แม่หายห่วงเถอะ ลูกจะประคองชีวิตลูกให้อยู่ในทางที่ดีต่อไป ค่าของคนและศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิง ไม่ต้องให้ใครมาย่ำยีทั้งจิตใจและร่างกายอีกแล้ว แม้จะได้เงินตอบแทนน้อย แต่มันภูมิใจมาก มากกว่าตัวเงิน ทำงานเหงื่อแตก แต่ก็ยิ้มได้ มีความสุขมาก..." อุ้ยอ้าย เล่าอย่างมีความสุข

            เมื่อถามว่า ยังมีคนจำเธอได้แล้วเข้ามาทักบ้างไหม อุ้ยอ้าย บอกว่า ยังมีบ้าง บางคนก็เข้ามาให้กำลังใจ บางทีเธอเดินไปเจอคนในวงการมาถ่ายทำรายการอะไร เธอก็แค่มองอยู่ห่าง ๆ ไม่กล้าอาจเอื้อมเข้าไปทักว่าเคยรู้จักกัน และตอนนี้ เธอก็พอใจกับการเป็นแม่บ้านที่ทำให้เธอมีความสุข และอยากจะตื่นขึ้นมา เพื่อมีวันพรุ่งนี้แล้ว เพราะตั้งแต่เกิดมา นี่คือช่วงเวลาที่เธอมีความสุขที่สุด ไม่เหมือนกับตอนที่เป็นนางแบบ แม้จะมีเงินมีทองมีชื่อเสียง แต่ก็เหมือนกับการฆ่าตัวตายทางอ้อม

"ตอนนี้พูดกับแม่ได้เต็มปาก แม่คงหายห่วงแล้ว ทุกวันนี้ตื่นมามีชีวิตเหมือนคนปกติ ถ้ามองกลับไป เราคงไม่โทษโชคชะตา เป็นเพราะเราทำตัวเองมากกว่า นี่คือผลของการกระทำในอดีต เพราะเราไม่รักเรียน ไปยุ่งกับยาเสพติด มันเลยส่งผลกับเราในปัจจุบัน ทุกวันนี้ จึงพยายามทำอะไรให้ดี เพื่อผลอนาคตในวันข้างหน้า..." อดีตนางแบบวัย 44 กะรัต บอกอย่างสบายใจ

            ก่อนจบการสนทนา อุ้ยอ้าย ชฎาธร ได้นิยามความหมายของคำว่า "ความสุข" ในมุมมองของเธอว่า ความสุขของเธอก็คือ การทำวันนี้ให้ดี และที่สำคัญคือ ค่าของคน และศักดิ์ศรีของคนคือสิ่งที่สำคัญมาก

            "ภูมิใจที่สามารถเอารอยยิ้มไว้บนหน้าได้ พร้อมกับศักดิ์ศรี และคุณค่าของตัวเอง เวลาหายใจเข้า หายใจออก รู้สึกว่าชีวิตมันมีความสุข..." นี่คือความสุขในตัวของ อุ้ยอ้าย ชฎาธร แดงใส ที่เชื่อว่าทุกคนคงสัมผัสได้ หลังจากเธอได้รับโอกาสและปลุกชีวิตใหม่ขึ้นมาอีกครั้งด้วยตัวเอง
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...