ปรากฏการณ์ BB ... ผลกระทบที่ไม่มีใครนึกถึง
ถูกหลอก !?
คนเหงาเป็นเหยื่อของการแชต
การพูดคุยกับคนรอบข้างลดลง
เครียด
ก้าวร้าว
นี่เป็นเพียงไม่กี่ตัวอย่างของผลกระทบอีกมากมายเกิดขึ้น เมื่อคนในสังคมไทยใช้ Black Berryกันอย่างไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมกับความต้องการ และอาจเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่คนไทยเมินเฉย ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตในระยะยาวได้
Society Network
ปัจจุบัน เหล่าสมาร์ทโฟนต่างๆ ได้เข้ามามีบทบาททางสังคมมากขึ้น เป็นเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันถูกออกแบบให้มีความสามารถในการติดต่อสื่อสารได้รวดเร็วและสะดวกมากยิ่งขึ้น และนี่คือยุคแห่งเทคโนโลยี 3G ที่ยังไม่หยุดนิ่ง ในขณะเดียวกันนั้น ผู้รับหรือผู้เสพเทคโนโลยีก็ทำหน้าที่เลือกว่า ตนเองนั้นต้องการหรือไม่ต้องการอะไร หลายคนอาจไม่เคยสังเกตว่า สิ่งที่มีประโยชน์ก็มีผลเสียต่อเราเช่นกัน
ที่จะกล่าวถึงคือ ผลกระทบของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ที่สามารถบดบังตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์ให้หมดไปได้ เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสนั่นคือ การแชตผ่านมือถือที่ฮิตกันมาก ในช่วงปี 2005 เป็นต้นมา จากนั้นบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างแย่งกันเจาะตลาดโดยการนำเข้า I – phone3G Nokia Samsung และ Black Berry หรือ BB รุ่นต่างๆ แต่ทาง BB นั้น ได้นำเหล่าเซเลบฯ หรือคนดังมาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้ประเทศไทยในขณะนี้เกิดปราฏการณ์ของ BB ขึ้น ซึ่งทำให้ใครต่อใครในสังคม ได้ทำพฤติกรรมเลียนแบบที่จะต้องมีสมาร์ทโฟนแบบนี้ติดตัวไว้ ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกคิดว่า เอ้าต์ หรือตกเทรนด์
ก่อนหน้าที่ สมาร์ทโฟนจะมีการเปิดตัวโดยเหล่าเซเลบฯ และคนดังนั้น ความสามารถของมันที่เด่นชัดคือ การจัดส่งข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญของเหล่านักธุรกิจแต่ปัจจุบันการใช้งานของมันได้เปลี่ยนแปลงไปถูกใช้ในทางอื่นมากขึ้น บางคนอาจใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ไปในทางที่ผิด เพราะความหรูหราทำให้มันเป็นกระแสที่ทุกคนต้องเกาะติด
คนส่วนใหญ่ที่ใช้สมาร์ทโฟนนั้นเป็นบุคคลที่ชอบเข้าสังคม ชอบการสังสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อกับเพื่อน หรือส่งข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นให้บุคคลอื่น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูอีกว่าการเลือกใช้งานของมือถือที่เราต้องพกติดตัวนั้น เข้ากับการใช้งานของเรามากน้อยเพียงใด
ความโดดเด่นของ BB ที่มีมากกว่าโทรศัพท์อื่น ด้วยโปรแกรม BlackBerry Messenger หรือ BBM ที่สามารถแชตกันได้เฉพาะสมาร์ทโฟนของยี่ห้อนี้เท่านั้น จากการสังเกตพฤติกรรมของผู้ใช้ ได้เล็งเห็นว่า ปัจจุบันการสื่อสารโดยการพูดคุยกับคนรอบข้างมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก เช่น เวลาไปรับประทานอาหารกับเพื่อน คนใช้ BB บางคน ก็จะเอาแต่นั่งกดอยู่กับโทรศัพท์โดย ขาดการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ รอบข้าง ซึ่งจากแต่ก่อนคนเราเจอกันต้องคุยกัน หรือบางคนนั่งข้างๆ กัน แต่กลับใช้ Social Network แทนที่จะสื่อสารกันแบบ Face to Face
จิตแพทย์ชี้ผลร้าย
นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล ผู้เชี่ยวชาญจิตเวชทั่วไป ได้มาอธิบายเกี่ยวกับผลกระทบของการแชตบนมือถือต่อสุขภาพจิตว่า เนื่องจากปรากฏการณ์ของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้คนเรานั้นอยากรู้อยากเห็นในเรื่องของคนอื่นมากขึ้นด้วยสื่อทันสมัยเหล่านี้และทำให้ขาดปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญต่อมนุษย์ทุกคนกลับกลายเป็นติดต่อผ่านการแชตบนมือถือ ผ่าน MSN แต่ผลกระทบที่แน่นอนคือ Social Skill หรือ ปฏิสัมพันธ์ของบุคคลหายไป
“การติดเทคโนโลยีเหล่านี้ ไม่ได้ต่างจากเด็กติดเกม เพียงแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสภาพผู้ใหญ่และวัยรุ่นที่มีฐานะติดมือถือแทน บุคคลเหล่านี้มีอยู่ 2 ประเภทคือ 1.มีความเสี่ยงจะติดสิ่งต่างๆ ได้ง่ายเช่น ติดเกม ติดโทรศัพท์ ติดแฟนและ 2.มีปัญหาสุขภาพจิตซ่อนอยู่ เช่น ชีวิตไม่มีความสุข เหงาอยู่ตลอดเวลา พอมีสิ่งเหล่านี้มาเติมเต็มให้เขามีความสุข มีเพื่อนคุยไม่เหงา บางครั้งคนคุยกับเขาไม่ใช่เพื่อนกันมาก่อน อีกประเภทหนึ่งคือ พวกตามกระแสอยากเท่หรือชอบลองของใหม่”
นพ.กัมปนาทกล่าวว่า ความหลง อาจจะมีระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน แต่ถ้าเป็นคนที่มีปัญหาสุขภาพจิตซ่อนอยู่นั้น กว่าเขาจะเบื่อการแชตบนมือถืออาจใช้เวลานานกว่านั้น อาจจะก่อให้เกิดผลเสียระยะยาวตามมา เช่น การนอนไม่เพียงพอ เสียการงาน เสียเงิน รวมถึงการเสียตัว
อย่างข่าวล่าสุดที่ฮือฮากันทั่ววงการบันเทิงว่า “อิม – อชิตะ” ถูกหลอกให้ซื้อ BlackBerry ไปถึง 7 เครื่อง เป็นจำนวนเงินกว่า 8 หมื่นบาท และเธอได้ถูกเชิดเงินไปจนมีการฟ้องร้องกันในที่สุด นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดในขณะนี้ ซึ่งอาจมีกรณีที่ไม่ได้ลงเป็นข่าวอีกมากแค่ไหนก็ไม่มีใครทราบ
นอกจากนั้น ผู้เชี่ยวชาญจิตเวชทั่วไปยังบอกอีกว่า มีผลกระทบทางด้านอารมณ์อีกด้วย เช่น การเล่นอินเทอร์เน็ตหรือเล่นเกมอย่างใจจดใจจ่อนานๆ จะก่อให้เกิดความเครียด สมองของเราจะทำให้เกิดการเรียนรู้ต่อสิ่งใหม่ๆ เรียกว่า 'Reward System หรือ วงจรของการให้รางวัล' เขาจะเรียนรู้ว่า ถ้าสิ่งใหม่ๆ ที่เข้ามาทำให้มีความสุข ความสนุกสนาน มันจะเข้าไปสั่งการทำงานของสมองให้ทำซ้ำๆ จะไม่แค่ซ้ำแบบเดิม แต่จะสั่งให้ทำมากขึ้นเรื่อยๆ
“เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นความโลภของคน ทำให้ใช้เวลาอยู่กับมันมากขึ้น จากการสังเกตจากคนรอบข้างที่สามารถควบคุมตัวเองได้ดีจะไม่ค่อยสนใจ ถ้าสนใจอาจแค่เล่นสนุกๆ หากเป็นคนที่มีแนวโน้มในการควบคุมตัวเองไม่ดีอยู่แล้ว หรือว่าหลงอะไรมากๆ เขาจะหมกมุ่นอยู่กับตรงนี้ทั้งวัน ทำให้ภาพลักษณ์ของเราเสียไปด้วย”
นพ.กัมปนาทยังกล่าวเพิ่มอีกว่า คนเราไม่จำเป็นต้องติดต่อกับคนอื่นมากมาย ความสุขนั้นสามารถหาได้จากสิ่งต่าง ๆ เช่น การออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ สะสมแสตมป์ นั่งสมาธิหรือปฏิบัติธรรม คนเหล่านี้จะทิ้งรูปแบบชีวิตทีตนเองเคยมีไปสู่เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นผลทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปด้วย
“ยกตัวอย่างเคสที่หมอเคยพบมา คือ หมอมีคนไข้หนึ่งรายเป็นไฮโซ ทางบ้านส่งเขามารักษากับหมอเพราะว่าเขาเครียดมาก เนื่องจากเขาติด BB และเขาเครียดกับเรื่องธุรกิจของเขาด้วย ทั้งวันเขาไม่เป็นอันทำงานเพราะเวลาเขาตื่นขึ้นมาก็จับมือถือ ไม่เป็นอันทำอะไรมัวแต่นั่งรอว่า ใครจะส่งแชตมาหาเรา ใครจะคุยกับเรา สาเหตุลึกๆ เราต้องดูว่าจริงๆแล้ว เขาเป็นคนขี้เหงาหรือเป็นเพราะว่าติดอะไรง่าย แต่อย่างหนึ่งคือ มันส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของเขาไปแล้ว”
การเพ่งบนหน้าจอนานๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือหน้าจอมือถือเหล่านี้ มีส่วนทำให้คิดประมวลผลต่อสิ่งต่างๆ ได้ช้าลง อาทิ เราทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกัน เราจะไม่สามารถทำได้ดี แต่ถ้าเราทำเพียงอย่างเดียว เราจะทำได้ดีกว่า และยังทำให้เลือดไปไหลเวียนในสมอง ในทางตรงกันข้ามอาจจะทำให้เซลล์สมองถูกทำลาย อาจทำให้ความจำเสียไปเร็วกว่าปกติได้ เหมือนกับการใช้โทรฯขณะขับรถ ไม่ว่าจะใช้บลูธูท ก็เช่นกัน อาจทำให้เสียสมาธิ และอันนี้มีการวิจัยออกมาชัดเจนอยู่แล้ว
“หมอไม่ได้บอกว่า โทรศัพท์หรือเครือข่ายโทรศัพท์ผิด แต่มันขึ้นอยู่กับว่า ผู้ใช้จะควบคุมตัวเอง ใช้ของของเขาอย่างมีสติหรือเปล่า ควรใช้มันแบบพอเพียงและเหมาะสมกับตัวผู้ใช้ ทำให้ได้ประโยชน์กันทั้ง 2 ฝ่าย เราได้เรียนรู้เทคโนโลยี ได้รับความสนุกสนาน แต่เราควรเบรคตัวเองไม่ให้เสียเงินทอง เสียเวลากับมันมากจนเกินไป ชีวิตของคนทั่วไป เวลางาน คือทำงาน การใช้เทคโนโลยีไม่เป็นอาจทำให้คนเสียการงานไปได้”
ผู้เชี่ยวชาญจิตเวชทั่วไป ยังกล่าวถึงผลกระทบต่อไปว่า จะทำให้ภาพลักษณ์ของเราเสียไปด้วย มันสะท้อนถึง Assertive เป็นทักษะอย่างหนึ่งของคนไทย ซึ่งเวลาคนไทยอึดอัดจะไม่ค่อยพูด แต่ถ้าเป็นฝรั่งไม่พอใจอะไรหรือไม่พอใจใคร เขาจะพูดออกมาเลยเพราะคนเราสามารถแสดงออกได้ แต่ไม่ใช่แสดงอาการก้าวร้าว และสิ่งที่คนไทยเป็นนั้นไม่ใช่ทักษะที่เป็นผลดี
ค่าใช้จ่ายที่ไม่มีวันรู้จบ
คุณเคยหันกลับมาคิดบ้างไหมว่า รายรับรายจ่ายของคุณกับการใช้มือถือของแต่ละค่าย โดยสมมติเป็นสมาร์ทโฟน BlackBerry รวมกับค่ารายเดือนในราคาต่ำสุดอยู่ที่เท่าไหร่
ตัวอย่างง่ายๆ ของราคาเครื่องรุ่น Curve 8520 ที่ฮิตกันในขณะนี้ คือ 13,900 บาท รวมค่าบริการรายเดือนที่สามารถเล่นอินเตอร์เน็ทและแชตกันได้อย่างไม่อั้นของเครือข่ายชื่อดัง 800 บาท (โดยมีเงื่อนไขต่างๆ ตามที่กำหนด) สามารถโทร.ได้ 100 นาที ส่วนเกินคิดเพิ่มต่างหาก รวมคร่าวๆ ทั้งหมด ค่าใช้จ่ายเดือนแรก คือ 14,700 บาทเป็นอย่างต่ำ ส่วนราคาเครื่องแพงสุดเป็นเครื่องรุ่น Bold 9700 ราคากลางคือ 24,900 บาท ถ้ารวมค่าบริการ 800 บาท รวมเป็นค่าใช้จ่ายอย่างต่ำ คือ 25,700 บาท
ในเดือนต่อๆ ไป หากคุณใช้โปรโมชันนี้ไปเรื่อยๆ คุณลองคิดดูว่า 1 ปี คุณจะมีค่าใช้จ่ายแค่ค่าโทรศัพท์มากเท่าไหร่ ควรตัดสินใจให้ดีก่อนว่า คุณมีความจำเป็นในการใช้เครื่องมือสื่อสารเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน ก่อนที่มันจะย้อนกลับมาเป็นผลกระทบต่อตัวคุณในภายภาคหน้า
“ให้เทคโนโลยีเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรา
แต่อย่าให้เราเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี”