เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายทหารพระธรรมนูญ ได้นำตัว ส.อ.คชารัตน์ เนียมรอด และส.อ.ศฤงคาร ทวีชีพ พลแม่นปืนที่ประจำการอยู่บริเวณสนามมวยลุมพินี เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2553 เข้าพบ พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิต 91 ศพ จากการชุมนุมทางการเมืองปี 2553 เพื่อให้ปากคำในฐานะพยาน โดยส.อ.คชารัตน์แต่งกายในเครื่องแบบทหาร ส่วนส.อ.ศฤงคารซึ่งปลดประจำการไปแล้ว แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนสีเข้ม โดยพลแม่นปืนทั้ง 2 มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชน และพยายามเดินหลบเลี่ยงกลุ่มผู้สื่อข่าวและช่างภาพแต่ไม่สามารถหลุดจากวงล้อมของกลุ่มผู้สื่อข่าวได้ ทำให้ถูกรุมติดตามถ่ายภาพจนเจ้าหน้าที่นำตัวแยกเข้าห้องสอบสวน
สำหรับประเด็นที่พนักงานสอบสวนเตรียมสอบปากคำพลแม่นปืนทั้ง 2 ราย คือ การปฏิบัติหน้าที่ระหว่างที่ได้รับมอบหมายให้เข้าประจำจุดหน้าสนามมวยลุมพินี รวมทั้งได้รับคำสั่งอย่างไรจากผู้บังคับบัญชา โดยพลแม่นปืนทั้ง 2 ราย ถูกดีเอสไอออกหมายเรียกเข้าให้ปากคำ เนื่องจากปรากฏภาพจากสื่อมวลชนที่บันทึกภาพขณะเล็งปืนในท่าประทับ
ต่อมา พ.ต.อ.ประเวศน์ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า เหตุที่เรียกพยานทั้ง2 มาสอบ เพราะเป็นบุคคลที่ปรากฏในคลิปวีดีโอ ซึ่งการสอบสวนมีประเด็นเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ ลักษณะการปฏิบัติงาน ลักษณะของอาวุธที่ใช้ การใช้อาวุธตามภาพในคลิป ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในขณะนั้นและเป็นคลิปที่ ศอฉ.นำมาแถลง เป็นที่สนใจของประชาชนจึงต้องเรียกมาสอบเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริง ส่วนรายละเอียดคำให้การลึกๆคงไม่สามารถเปิดเผยได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งสองให้การว่าเป็นบุคคลตามคลิปจริง ได้รับหนังสือคำสั่งให้มารักษาความสงบควบคุมสถานการณ์รักษาความปลอดภัย ของหน่วยที่ประจำจุดบริเวณนั้น โดยทั้งคู่ประจำจุดอยู่ตึกแถวหน้าสนามมวยลุมพินี เมื่อวันที่ 15 พ.ค.53 ตั่งแต่เวลา 15.00-18.00 น. เพียงวันเดียว ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ส่วนอาวุธปืนที่ใช้เป็นปืน เอ็ม 16 ติดกล้องปืนบีบีกัน ไม่ใช่ปืนสไนเปอร์ สำหรับประเด็นมีผู้บาดเจ็บในบริเวณที่รับผิดชอบ ทั้งสองบอกไม่ทราบเพราะไม่ได้เป็นผู้ยิง เนื่องจากใช้กระสุนซ้อมไม่ได้ใช้กระสุนจริง และใช้เวลายิงเพียงไม่นาน
ส่วนในคลิปที่มีเสียง พูดว่าล้มแล้ว ทั้งสองบอกเป็นการยิงเตือน ยิงขู่ แต่ไม่ทราบว่าล้มเพราะเหตุใดเพราะยิงลูกปืนไม่มีหัวกระสุน ด้าน ดีเอสไอ จะเรียกพลชุ่มยิงรายอื่นมาให้ปากคำอีกหรือไม่นั้นต้องแล้วแต่เป็นคดีๆไป เนื่องจากจำนวนคดีมีมาก เมื่อสำนวนคดีนี้เสร็จจะส่งสำนวนไปรวมกับคดีผู้เสียชีวิต 5 ศพที่บ่อนไก่ ของ บช.น.ต่อไป แต่ถ้ามีพยานหลักฐานอื่นเพิ่มก็คงต้องเชิญมาให้การเพิ่มเพื่อความกระจ่าง ส่วนจะใช้ระยะเวลาเท่าไหร่กว่าจะสรุปสำนวนคงต้องขึ้นอยู่กับ พยานที่เชิญมา ถ้ามาให้การตรงตามนัดประเด็นครบถ้วนก็จะเร็ว ส่วนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้การกรณี ศอฉ.มีการสั่งการให้ใช้กระสุนจริงเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น สำหรับนายถวิล เปลี่ยนศรี ยังไม่ได้เชิญ และ พล.อ.อนุพงศ์ พนักงานสอบสวนจะต้องดูสำนวนก่อน