ดาราไทยดูไว้เป็นตัวอย่าง เลื่ยงภาษี ต้องถูกประณามและติดคุก

 

ดาราไทยดูไว้เป็นตัวอย่าง “เลี่ยงภาษี” ต้องถูกประณามและติดคุก โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 สิงหาคม 2555 14:07 น.
  "เวสลี สไนป์" ถึงขั้นติดคุกเพราะเรื่องภาษี หลังจากเกิดกรณีของ “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” ใช้บัตรประะชาชนคนอื่นในการหักภาษี จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ว่า เป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือสมควรหรือไม่ เพราะในขณะที่มนุษย์เงินเดือนต้องจ่ายภาษีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กับเหตุการณ์นี้ ทำให้เกิดคำถามขึ้นกับสังคม โดยเฉพาะกับทางสรรพากรที่จะต้องออกมาดำเนินการ และให้คำตอบกับเรื่องดังกล่าว เพราะ “ภาษี” คือ เรื่องคอขาดบาดตายในสังคมของหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะสำหรับ “คนบันเทิง” ที่มีรายได้มหาศาล และร่ำรวยขึ้นมาจากชื่อเสียงความโด่งดัง ยิ่งต้องมีความรับผิดชอบต่อสาธารณะต่อการเสียภาษีสูงขึ้นตามไปด้วย

ในทางตรงกันข้าม เมื่อมีข้อกล่าวหาเรื่องการ “หนีภาษี” ขึ้นมา เหล่าคนดังก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากบทลงโทษอันหนักหนาสาหัสได้ ไม่ว่าจะเป็นทางกฎหมาย หรือมาตรการทางสังคม อย่างเช่น ในสังคมคนบันเทิงต่างประเทศ ที่ก็เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาแล้ว

หากจะพูดถึงเรื่องดารากับปัญหาภาษี คงต้องกล่าวถึงเขาเป็นคนแรก เพราะข่าวคราวในรอบหลายปีทีผ่่านมาของพระเอกดาวบู๊ผิวหมึก “เวสลี สไนป์” แทบจะไม่ใช่เรื่องผลงานหนังใหม่ๆ อย่างเพื่อนนักแสดงคนอื่น แต่กลับเป็นประเด็นการ “หนีภาษี” ที่ทำให้เขาต้องใช้เวลาขึ้นลงศาลหลายรอบตลอดหลายปี จนกระทั่งลงเอยไปชดใช้ความผิดหลังลูกกรง

โดยคดีความทั้งหมดของ สไนป์ เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 1999 ซึ่งพระเอกแอกชันคนดังจากหนังเรื่อง Blade ทั้งสาม 3 ภาค ยื่นขอคืนภาษีเป็นเงินสูงถึง 38 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (1,185 ล้านบาท) แต่ต่อมามีการกล่าวหาว่า การขอคืนภาษีครั้งนั้น กระทำโดยแจ้งข้อมูลที่เป็นเท็จ เพื่อหลบเลี่ยงการจ่ายภาษีที่มีมูลค่าถึง 17 ล้านเหรียญฯ (530 ล้านบาท) มีการต่อสู้คดีกันหลายปี จนศาลตัดสินให้พระเอกคนดังมีความผิดจริง และต้องเข้าไปชดใช้โทษในเรือนจำโดยไม่สามารถบิดพลิ้วอะไรได้

หลังพยายามต่อสู้ยื้อกันอยู่นาน เมื่อเดือน ธ.ค.2010 สไนป์ จึงต้องเริ่มเข้าไปอาศัยอยู่หลังลูกกรุงของเรือนจำแห่งรัฐ ที่เพนซิลเวเนีย จนถึงปัจจุบัน แม้จะมีการอุทธรณ์ต่อศาลสูง แต่ทางผู้พิพากษา ก็ยืนยันว่า สไนป์ ต้องชดใช้ความผิดเต็มจำนวน และจะได้รับอิสรภาพภายในวันที่ 13 ก.ค.2013 หรือต้องรออีกประมาณ 1 ปีข้างหน้า

สไนป์ ถือเป็นนักแสดงจากฝั่งฮอลลีวูดอีกคนที่ต้องพบกับปัญหาเรื่องภาษี แม้สังคมอเมริกาโดยเฉพาะในแวดวงนักธุรกิจ หรือคนดังจะได้ชื่อว่าพยายามทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยง หรือจ่ายภาษีให้น้อยลง แต่หากใครถูกตัดสินว่ามีพฤติกรรมเข้าข่าย “หนีภาษี” ก็มักจะได้รับบทลงโทษที่เรียกว่าหนักหนาสาหัสอยู่เสมอ

ซูเปอร์สตาร์เจ้าของรางวัลออสการ์ นิโคลาส เคจ ก็เป็นอีกคนที่เรื่องภาษีทำให้เขาต้องพบกับปัญหาใหญ่ หลังเมื่อสองปีก่อน หน่วยงานด้านภาษีของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่า พระเอกดังค้างจ่ายภาษีอยู่ถึง 14 ล้านเหรียญฯ (436 ล้านบาท) ในกรณีของ เคจ เขายืนยันว่า ตนเองไม่ได้จงใจหลบเลี่ยงการจ่ายภาษี แต่เป็นความผิดพลาดเรื่องการบริหารทางการเงิน โดยอดีตผู้จัดการทางการเงินจนมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายตามมา

ซึ่ง เคจ ที่ยืนยันว่า ตลอดอาชีพในวงการบันเทิง เขาแทบจะจ่ายภาษีไปแล้วร่วม 70 ล้านเหรียญ และไม่กังวลที่จะต้องจ่ายเพิ่มอีก 14 ล้านที่ค้างชำระอยู่ แต่ปัญหาเรื่องภาษีที่เกิดขึ้น ก็แสดงผลออกมาในด้านอาชีพของ นิโคลาส เคจ ทันที เพราะก่อนหน้านี้ ผลงานของเขาจะเป็นหนังประเภท “ฟอร์มใหญ่” ทำรายได้สูงเป็นส่วนใหญ่ ต่อมาหลังมีปัญหาทางการเงินจากเรื่องภาษี พระเอกผมน้อยกลับต้องมารับเล่นหนังฟอร์มเล็กๆ ปีละหลายๆ เรื่อง จนภาพของนักแสดงที่การันตีรายได้ให้กับหนัง แทบจะไม่หลงเหลืออยู่แล้ว

ริชาร์ด แฮช ผู้ชนะรายการเรียลิตีโชว์เอาตัวรอดในภูมิประเทศโหดหิน Survivor เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเล่นเกมที่เจ้าเล่ห์สมองไว แต่กลับพลาดในเรื่องภาษีอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเขาไม่ได้รายงานเรื่องรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการเป็นผู้ชนะของ Survivor ให้กับเจ้าหน้าที่สรรพกรทราบ พร้อมอ้างว่า ตนเองเข้าใจว่า CBS เจ้าของรายการผู้ออกเงินรางวัลจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องการหักภาษีให้เอง แต่ทางสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ กลับยืนยันว่า ไม่ได้มีข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างแน่นอน สุดท้าย แฮช ถูกตัดสินให้ต้องเข้าไปชดใช้โทษในเรือนจำถึง 51 เดือน ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนด และได้รับการลดหย่อนโทษเป็นการกักบริเวณแทน แต่ก็ยังไม่วายถูกจับกุมอีกหลังทำผิดข้อตกลงกับศาล นำเรื่องดังกล่าวไปพูดใหสัมภาษณ์กับรายการโทรทัศน์

คนดังหลายๆ คนอาจทำผิดพลาดเรื่องภาษีจนถูกกฎหมายเล่นงาน แต่สำหรับ ลอเรน ฮิลล์ อดีตสมาชิกวง The Fugees กลับยอมรับหน้าตาเฉยว่า ที่เธอไม่ได้จ่ายภาษีระหว่างปี 2005-2007 ทั้งๆ ที่มีรายได้ในช่วงนั้นร่วม 1.8 ล้านเหรียญ (56 ล้านบาท) เป็นเรื่องของความตั้งใจล้วนๆ เพราะช่วงปีดังกล่าวเป็นช่วงชีวิตที่เธอ “ปลีกวิเวกตัวเอง และครอบครัวจากสังคม เพื่อความปลอดภัยจากสิ่งอันตรายต่างๆ และใช้ชีวิตโดยเป็นอิสระจากการถูกบงการของสื่อ และรัฐบาล” แต่ดูเหมือนศาลจะไม่ได้สนใจอะไรกับข้ออ้างสวยหรูนัก เพราะล่าสุดมีการดำเนินคดีกับนักร้องสาวคนดัง ที่สุดท้ายอาจทำให้เธอต้องเข้าไปชดใช้ความผิดในลูกกรงอีกคน

ยังมีคนดังในฝั่งตะวันตกอีกมากมายที่เจอปัญหาแบบเดียวกัน ศิลปินแนวอาร์แอนด์บี อาร์. เคลลี โดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังถึง 4.8 ล้านเหรียญ (150 ล้านบาท), กอร์ดอน แรมซีย์ พ่อครัวคนดังชาวอังกฤษ เองก็เคยมีข่าวว่า ค้างจ่ายภาษีถึงร่วม 7 ล้านปอนด์ (345 ล้านบาท) เช่นเดียวกับตำนานวงการเพลงคันทรี วิลลี เนลสัน ที่โดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังเมื่อปี 1990 จำนวนมโหฬาร 16.7 ล้านเหรียญ (520 ล้านบาท) จนทางการต้องนำทรัพย์สินส่วนตัวของเขาไปประมูลชดใช้หนี้กันเลยทีเดียว แต่สุดท้ายคุณปู่ เนลสัน ก็ใช้คืนเงินก้อนหนี้หมดภายในเวลา 3 ปี พร้อมกับฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับนักบัญชีประจำตัวที่ปล่อยปละละเลย ให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นมาด้วย

ในรายของ มาร์ค แอนโทนีย์ ก็เคยถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังถึง 2.5 ล้านเหรียญ (78 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเจ้าหน้าที่จะเชื่อคำอธิบายของเขาที่ว่า ความผิดพลาดดังกล่าวเกิดขึ้นจากทีมงานทางการเงิน เพราะตัวเขาเองไม่ได้เข้าไปยุ่ง และดูแลรายละเอียดเรื่องรายรับรายจ่ายต่างๆ เลย

นักกีฬาที่มีรายได้มหาศาลหลายคนก็เจอปัญหาเรื่องภาษี ไม่ว่าจะเป็นนักอเมริกันฟุตบอลจอมฉาว โอ.เจ.ซิมป์สัน ที่ค้างจ่ายภาษีของช่วงปี 1996 อยู่ถึง 1.44 ล้านเหรียญ (45 ล้านบาท) แต่เขาก็คงไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรเพราะตอนนี้ เพราะกำลังถูกจองจำในคุกจากการคดีก่ออาชญากรรมอยู่แล้ว

เมื่อปี 2002 ยอดนักเทนนิส บอริส เบคเกอร์ ได้ถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังถึง 3 ล้านยูโร (117 ล้านบาท) จากการทำคดีสอบสวนอยู่ถึง 10 ปี โดยเจ้าตัวอ้างว่า ตอนนั้นตนเองย้ายไปอยู่โมนาโกแล้ว จึงไม่น่าจะต้องรับผิดชอบภาระภาษีอะไร แต่เจ้าหน้าที่สรรพกรเยอรมันยืนยันว่า ในช่วงเวลานั้นทางการถือว่าอพาร์ตเมนต์ในกรุงมิวนิก ของ เบคเกอร์ คือ ที่อยู่อาศัยหลักของเขา เพราะฉะนั้นจึงเข้าข่ายต้องเสียภาษีให้กับเยอรมันแน่นอน ล่าสุด ยอดนักเทนนิสอดีตแชมป์วิมเบิลดันได้ตัดสินใจย้ายไปพำนักยังสวิตเซอร์แลนด์เป็นการถาวรแล้ว

ประเภทในเอเชียบางประเภทก็ให้ความสำคัญกับเรื่องภาษีไม่แพ้ตะวันตก “คังโฮดง” ดาวตลกคนดังแห่งวงการบันเทิงแดนกิมจิ ต้องกับตัดสินใจขอยุติบทบาทในวงการบันเทิงของตัวเองชั่วคราว เพื่อชดเชยต่อความผิดพลาดเรื่องการเสียภาษี ที่เขาถูกสรรพกรเรียกเก็บภาษีย้อนหลังหลายร้อยล้านวอน ซึ่งก็ไม่ใช่เพียงแต่เขาเท่านั้น แต่ดาราสาว คิมอาจุง ก็ถูกแฉว่าต้องจ่ายภาษีย้อนหลังเป็นเงินหลายร้อยล้านวอนเช่นเดียวกัน

ซึ่งในเกาหลีใต้การหลบเลี่ยงภาษี ถือเป็นความผิดทางสังคมที่รุนแรง ดารานักร้องหลายคนที่มีปัญหาดังกล่าว ต้องกลายเป็นเป้าโจมตีของสังคมและสื่อ แต่ในเวลาเดียวกัน สมาคมผู้เสียภาษีเกาหลีก็ออกมาโจมตีสรรพกรว่า การนำข้อมูลต่างๆ มาเผยแพร่อาจจะเข้าข่ายการละเมิดต่อสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคล แม้จะเป็นในกรณีของเหล่าคนผู้มีเชื่อเสียงก็ตาม อย่างไรก็ตามคนในเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ ก็ยังเชื่อว่า ด้วยรายได้มหาศาล คนดังก็ควรมีความรับผิดชอบ และบทลงโทษ เรื่องภาษีที่สูงขึ้นตามไปด้วย

  ที่พระเอกคนดัง "นิโคลัส เคจ" ต้องรับเล่นหนังประเภทเกรดรอง และรับงานปีละหลาย ๆ เรื่องส่วนหนึ่งก็เพราะปัญหาบริหารเงิน และโดนภาษีย้อนหลังนั่นเอง

  " ริชาร์ด แฮช" แชมป์เรียลลิตี้อ้างเฉยนึกว่า CBS หักภาษีให้แล้ว

  "ลอเรน ฮิลล์" บอกตั้งใจไม่จ่ายภาษีเอง

  "อาร์. เคลลี" โดนไปร่วม 150 ล้านบาท

  "วิลลี เนลสัน" ภาษีย้อนหลัง 500 ล้านบาท

  "มาร์ค แอนโทนีย์" อ้างที่ปรึกษาการเงินทำพิษ

  "บอริส เบคเกอร์" ถึงขั้นย้ายประเทศ

  "คังโฮดง" แบนตัวเองจากวงการบันเทิงชั่วคราว รับผิดชอบคดีหนีภาษี

 
Credit: ผุ้จัดการออนไลน์
#ดาราภาษี
THEPOco
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIP
27 ส.ค. 55 เวลา 22:18 2,533 3 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...