รายงานพิเศษ
มีการตั้งข้อสังเกตกันในกองทัพบกและทหารสายอำมาตย์ว่า การปลุกกระแสคดี 98 ศพคนเสื้อแดงในช่วงนี้ จากการเปิดข้อมูลต่างๆ ของดีเอสไออย่างต่อเนื่องนั้น ไม่ใช่ความบังเอิญ
หากแต่เป็นไปอย่างมี "แผน"
ด้วยเพราะเป็นช่วงการจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ที่กำลังจะส่งถึงมือ บิ๊กโอ๋ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ที่ยืดเวลาให้ตั้งแต่ 15-21 สิงหาคม ซึ่งในส่วนของเหล่าทัพอื่นๆ ไม่มีปัญหาเท่าใดนัก แต่ของ ทบ. นั้น บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ต้องหนักใจ และกลุ้มใจ จึงอาจส่งโผช้ากว่าคนอื่น
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเสียงเม้าธ์ถึงความอ่อนระโหยโรยแรงของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ดูแล้วคงไม่ค่อยได้นอน อาจเพราะจัดโผทหาร หรือต้องอ่านเอกสาร อ่านหนังสือมาก หรืออาจเพราะมีเรื่องให้คิดมาก ทั้งเรื่องไฟใต้ การเมือง โดยเฉพาะเรื่องคดีเสื้อแดง
ประกอบกับความเป็นนายทหารจุดเดือดต่ำ และอารมณ์เสียเป็นปกติ พอมีข่าวเรื่องคดีเสื้อแดงทีไร พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้
อย่าลืมว่า ถึงขั้นที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี จะต้องให้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ขอโทษ พล.อ.ประยุทธ์ และรับปาก พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะพูดกับ พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองดีเอสไอ ที่มักให้ข่าวสื่อในเรื่องสำนวนการสอบสวนและการให้ปากคำเสมอๆ "ให้หยุดพูด อะไรควรพูด หรือไม่ควรพูด อย่าพูดเรื่อยเปื่อย"
ท่ามกลางข่าวสะพัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดคุยเรื่องนี้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี โดยตรงก่อนที่จะนำมาซึ่งคำขอโทษ
และถึงขั้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องสั่งให้ เสธ.ไก่อู พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ทบ. ที่ร้างเวทีในการแถลงข่าว โดยเฉพาะเรื่องคดีเสื้อแดงมานานตั้งแต่เป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ต้องกลับคืนสู่วงการ ในฐานะอดีตโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มาแถลงชี้แจงและตอบโต้ พร้อมกระตุ้นจรรยาบรรณดีเอสไอ ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งใน ศอฉ. โดยเฉพาะนายธาริต เอง
พร้อมทั้งคำสั่งให้เตรียมชี้แจง ตอบโต้ ทุกครั้ง หากดีเอสไอยังไม่ยอมหยุด รวมทั้งการให้ฟ้องร้อง นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะเริ่มรู้สึกแปลกๆ กับกลเกมทางการเมือง ผ่านคดี 98 ศพคนเสื้อแดง ที่เดิมดูเหมือนจะไม่มีอะไรในกอไผ่
ด้วยเพราะก่อนหน้านี้ ข่าวที่สะพัดในหมู่ทหารที่ไปร่วมปฏิบัติการปราบเสื้อแดง ว่า "ผู้ใหญ่ในกองทัพ ได้เคลียร์กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยแล้ว"
ประมาณว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของนายกฯ ปู น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะไม่เช็กบิลหรือเอาผิดทหาร ในกรณี 98 ศพคนเสื้อแดง ที่แยกราชประสงค์ เมื่อพฤษภาคม 2553
"เขาจะเล่นงานอภิสิทธิ์ กับสุเทพ เท่านั้น" เสียงบอกเล่าต่อๆ กันมา
เนื่องจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศอฉ. ในเวลานั้น ที่เป็นคนสั่งการและออกคำสั่งให้ทหารออกมาปฏิบัติการ ด้วยกระสุนจริง เพราะมีทั้งเอกสารและคำสั่งต่างๆ ชัดเจน เพราะทหารเป็นแค่ผู้ปฏิบัติตามคำสั่งและทำตามกฎหมายเท่านั้น
นั่นคือสิ่งที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ และทหารที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พอหายใจโล่งอก จากที่กังวลหนักว่า รัฐบาลเพื่อไทยขึ้นมาจะตามเอาผิดทหาร
แต่ก็กังวลมาตลอดว่า กลุ่ม นปช. แกนนำเสื้อแดง อาจคิดไม่เหมือนรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในการเดินหน้าเอาผิดนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ รวมทั้งทหารเอง ที่อาจหมายรวมถึงเก้าอี้ ผบ.ทบ. ของ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย
อย่าลืมว่า ในช่วงที่พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาลนั้น เกิดกระแสสะพัดเรื่องการล้างบางกองทัพ และเอาผิดคดี 98 ศพเสื้อแดง โดยต้องการจะเด้งนายทหารระดับ ผบ.หน่วยที่ปฏิบัติการ ไล่ไปจนถึง ผบ.ทบ.
แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นแค่ รอง ผบ.ทบ. ในเวลานั้น แต่ข่าวในห้วงนั้น กลับระบุถึงบทบาทที่สำคัญของเขา และ บิ๊กหนุ่ย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รอง ผบ.ทบ. เพื่อนรัก ตท.12 รอง เสธ.ทบ. แต่ทว่า ทั้งคู่ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจต่างๆ ของ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในตอนนั้น
จะเห็นได้ว่าวันนี้ ไม่มีแกนนำเสื้อแดง เอ่ยอ้างหรือพาดพิงถึง พล.อ.อนุพงษ์ เลยในวันนี้ แต่เป้ากลับมาอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่นั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ. และพยายามปลุกกระแสที่จะให้เขาแสดงสปิริต รับผิดชอบเพียงผู้เดียว แทนลูกน้องทั้งหมด
แต่แล้วคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เหมือนกันว่า "ไม่แก้แค้น แต่จะแก้ไข" รวมทั้งการตั้ง บิ๊กอ๊อด พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา มาเป็น รมว.กลาโหม ก็เป็นการประนีประนอม จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตายใจ
ยิ่งเมื่อท่าทีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่มีต่อกองทัพ ต่อ ผบ.เหล่าทัพ และโดยเฉพาะต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์ เองที่ให้ความเคารพ สนิทสนมใกล้ชิด เรียกหา และสอบถามความเห็นตลอด จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลายเป็นคู่พระคู่นาง ก็ยิ่งทำให้ความหวาดหวั่นที่ว่า รัฐบาลจะเล่นงานทหารเรื่องคดีปราบเสื้อแดง ก็หมดไป
ยังคงมีคำพูดของแกนนำรัฐและทหารแตงโม ที่ว่า "จะเล่นงานอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ แค่ 2 คนเท่านั้น" ย้ำอีกครั้ง
อีกทั้งในที่สุด หากมีการตัดสินว่าทหารทำผิด ทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ ก็ตาม แต่ก็ถือว่าทำตามกฎหมายและคำสั่งของรัฐบาล ของ ศอฉ. แต่ก็จะนำไปสู่การบีบให้พรรคประชาธิปัตย์ และกองทัพ ยอมรับการนิรโทษกรรม หรือ พ.ร.บ.ปรองดอง ให้ทุกฝ่าย ทั้งนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ กองทัพ และ พ.ต.ท.ทักษิณ
แต่มาในช่วงเดือนสิงหาคม 2555 นี้ ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มไม่แน่ใจ และเกรงว่าจะถูกหลอก เนื่องจากมีการปล่อยข่าวในหมู่ทหารที่ร่วมปฏิบัติการว่า ให้ยอมรับสารภาพว่า ยิงคนเสื้อแดง ยิงประชาชน แต่ก็ถือว่าปฏิบัติตามคำสั่ง ศอฉ. เพื่อที่จะช่วยมัดตัวนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ แต่ที่สุดนำมามัดตัวทหาร แล้วโยงไปมัดตัว พล.อ.ประยุทธ์ อีกด้วย
เพื่อที่จะกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงสปิริต หรือเป็นเหตุให้ต้องถูกเด้งจากเก้าอี้ ผบ.ทบ.
ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ มักจะพูดต่อหน้าลูกน้องในที่ประชุมเสมอว่า "ผมยังเป็น ผบ.ทบ. ต่ออีก 2 ปี ถ้าเขาไม่ย้ายผมเสียก่อน"
แต่มาเวลานี้ บางอย่างทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ค่อยมั่นใจนัก...
ประการแรก เพราะมีทหารลูกน้อง รายงานว่า ถูกเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยงาน บุกไปถึงตัว ถึงบ้าน เพื่อเจรจาให้ยอมรับสารภาพ โดยยืนยันว่า จะไม่ลงโทษทหาร ทหารจะพ้นผิด โดยมีข้อเสนอแลกเปลี่ยนจูงใจ
แต่เพราะทหารเหล่านี้หลายคนห่วงว่า แผนการนี้ มีเป้าหมายที่การย้าย พล.อ.ประยุทธ์ พ้น ผบ.ทบ. จึงยังไม่มีใครยอมรับสารภาพ ยกเว้นก่อนหน้านี้ที่มีพลทหารปลดประจำการแล้ว 3 นาย ยอมสารภาพ
อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เองก็สั่งการให้นายทหารพระธรรมนูญคอยไปช่วยเหลือนายสุเทพ ในการต่อสู้คดีด้วย ทั้งการอำนวยความสะดวกในเรื่องเอกสารหลักฐาน ข้อมูลต่างๆ และให้นายทหารพระธรรมนูญไปนั่งฟังการสอบสวนด้วยตลอด
"ใครที่ทำดีกับเรา เราก็ต้องดูแลเขา" คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์
แล้วก็ต้องไม่ลืมว่า บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์ ก็เป็นพี่เลิฟของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นได้ "ผูกขั้ว" เป็นสายอำนาจเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ไปแล้ว ตั้งแต่ช่วยตั้งรัฐบาลพรรค ปชป. ในค่ายทหาร และต่อสู้กับคนเสื้อแดงมาด้วยตลอด จนทุกวันนี้ ก็ยังคงคบหาสนิทสนมกันอยู่
ที่น่าสังเกตคือ ท่าทีของ พล.อ.อ.สุกำพล รมว.กลาโหม ที่แม้จะออกมาช่วยปรามดีเอสไอในเรื่องการให้ข่าว แต่ก็หลุดออกมาว่า "แต่ในเรื่องคดีก็ต้องดำเนินการกันต่อไป" ราวกับรู้ว่า จุดหมายปลายทางคืออะไร
จนทำให้ฝ่าย ทบ. กลัวว่าจะถูกหลอกให้ตายใจ ว่าจะไม่เล่นงาน เอาผิดทหาร และ ผบ.ทบ. แต่จะพุ่งเป้าไปสู่การนิรโทษกรรม เท่านั้น
แต่ที่สุด อาจพุ่งเป้าไปที่ทหารด้วย ทั้งการตั้งข้อหาของเจ้าพนักงานสอบสวนว่า "พยายามฆ่า" และการเดินเกมด้านกฎหมายของ นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม
จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะอารมณ์เสียหนัก และมักจะพูดย้ำในที่ประชุม เพื่อฝากข้อความไปยังทหารที่ถูกสอบสวนเสมอว่า "ผมจะต้องดูแลลูกน้อง ไม่ต้องห่วง"
ท่ามกลางการจับตามองว่า คดีเสื้อแดงนี้ จะส่งผลให้ความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ เริ่มห่างเหินและร้าวฉาน ความหวาดระแวงกันและกันจะกลับมาอีกครั้ง ยิ่งมีการปล่อยข่าวว่า หากมีแนวโน้มว่าการตัดสินคดีจะออกมาให้ทหารมีความผิด ทั้งข้อหาพยายามฆ่า และทำรุนแรงเกินเหตุ เพราะใช้กระสุนจริงและสไนเปอร์ อาจเกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้น เพราะมันอาจหมายถึง การโยกย้ายล้างบาง ผบ.หน่วยคุมกำลัง ไปจนถึง ผบ.ทบ.
นี่อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่แต่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเล่นบทบู๊ ทั้งกับสื่อ กับดีเอสไอ หรือแม้แต่ภาพการถือปืน การเล็งยิง ที่ยิ่งทำให้ภาพพจน์ ผบ.ทบ. ดุเอาเรื่อง
แต่อีกสาเหตุที่คดีคนเสื้อแดงงวดขึ้นมา อาจเพราะเป็นช่วงการโยกย้ายทหาร เพราะก่อนหน้านี้ นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำเสื้อแดง ก็เคยออกมาสะกิดกองทัพไม่ให้แต่งตั้งนายทหารที่เกี่ยวข้องกับการปราบเสื้อแดงลงตำแหน่งสำคัญ
เพราะได้ทำให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ มีความหวังน้อยลงที่จะข้ามไปเป็น ปลัดกลาโหม ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณในปีหน้า แต่จะอยู่เป็น รอง ผบ.ทบ. ต่อไป เพราะเขาก็มีชื่อในแบล๊กลิสต์ของคนเสื้อแดง ในฐานะผู้วางแผนกระชับพื้นที่
แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะประกาศไม่เอาเรื่องคนเสื้อแดงมากดดันในการจัดโผทหาร ด้วยการระบุว่า "จะไม่ยอมให้พวกนอกกฎหมายมากดดัน" ก็ตาม
แต่กรณี บิ๊กอู๊ด พล.ต.วลิต โรจนภักดี รองแม่ทัพภาคที่ 1 อดีต ผบ.พล.ร.2 รอ. พลาดเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 นั้น ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า อาจมีเรื่องเสื้อแดงเกี่ยวข้อง แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นเรื่อง "ภายใน" ของ ทบ. เอง และเกมแห่งอำนาจและขั้วก็ตาม
แต่ก็เพราะ พล.ต.วลิต มีชื่ออยู่ในแบล๊กลิสต์ของคนเสื้อแดง ในฐานะที่นำทหารปราบม็อบแดงตั้งแต่สงกรานต์เลือดปี 2552 จนมาถึงสี่แยกคอกวัว และถนนดินสอ เมื่อ 10 เมษายน 2553
จึงทำให้ชื่อของ บิ๊กต๊อก พล.ต.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รองแม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อน ตท.15 ด้วยกัน ถูกเสนอเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ด้วยการหนุนเนื่องของ พล.อ.ดาว์พงษ์ และยังเป็นการให้โอกาสแก่ วงศ์เทวัญ ในการคุมทัพ 1 บ้าง จากที่บูรพาพยัคฆ์ยึดเก้าอี้นี้มานาน
เรื่องร้อนๆ มักจะประดังและอุบัติขึ้นในกองทัพ ในช่วงการจัดโผทหารเสมอ เพราะยังมีเรื่องเม้าธ์กันสนั่นกระทรวงปืนใหญ่ว่าโผทหารยังไม่ลงตัว เพราะติดที่ตำแหน่งปลัดกลาโหม ที่เกิดการงัดข้อกันระหว่าง พล.อ.อ.สุกำพล กับ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกลาโหม เมื่อต่างฝ่ายต่างอ้างอำนาจในการตั้งปลัดกลาโหม
แม้ว่าจะเป็นทหารแตงโม เป็นขั้วรัฐบาล เหมือนกัน แต่เรื่องอำนาจ ไม่เข้าใครออกใคร เพราะมีข่าวว่า พล.อ.เสถียร กาง พ.ร.บ.กลาโหม ปี 2551 พร้อมสู้ เพราะต้องให้คนที่ครองอัตราจอมพล ขึ้นเป็นปลัดกลาโหม ไม่ใช่แค่พลเอก ยกเว้นกรณีที่ไม่มีแคนดิเดตเป็นอัตราจอมพล
หลังจากที่ พล.อ.อ.สุกำพล ให้ พล.อ.เสถียร เอารายชื่อไปจัดลงตำแหน่งในสำนักปลัดกลาโหม ให้ และระบุให้ บิ๊กเล็ก พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ผช.ผบ.ทบ. เป็นปลัดกลาโหม โดยอ้างว่า ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อนุมัติแล้ว ก็มีฉากดุเดือด
"เดี๋ยวพี่จัดการเอง ให้ไปทำขึ้นมาแล้วกัน" เสียงสั่งของบิ๊กโอ๋ ที่ดูจะทำให้ พล.อ.เสถียร ไม่ค่อยแฮปปี้
"ผมจะทำเสนอขึ้นไปของผมเองแล้วกัน" พล.อ.เสถียร พูดนิ่มๆ อันเป็นการส่งสัญญาณปฏิเสธใบสั่ง
"ถ้าไม่เสนอมาตามนี้ พี่ก็จะเปลี่ยนเอง" บิ๊กโอ๋ เปรย
"ถ้าพี่เปลี่ยน ผมจะฟ้อง" พล.อ.เสถียร สวน
เพราะในเวลานี้ บิ๊กกี๋ พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกลาโหม ก็สู้โดยอ้างความชอบธรรม ทั้งเป็นรองปลัดกลาโหมคนเดียวที่เหลืออยู่ และครองอัตราจอมพลแล้ว ต่อให้เป็น ตท.14 และเกษียณ 2558 ก็ไม่มีผล เพราะปลัดกลาโหม ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาของ ผบ.สส. และ ผบ.เหล่าทัพ แต่ในระยะหลังมีการให้เกียรติกัน ให้ยืนหัวแถว
อีกทั้งตาม พ.ร.บ.กลาโหม ปี 2551 ระบุให้พิจารณาจากนายทหารที่ครองอัตราจอมพล ก่อน หากไม่มี จึงพิจารณายศพลเอก ซึ่งแม้ในอดีต จะเคยมีนายทหารหลายคนที่ขึ้นจากพลเอก มาเป็นปลัดกลาโหมเลยก็ตาม แต่ในเวลานั้น ยังไม่มี พ.ร.บ.กลาโหม
ข่าวลือนี้สะพัดไปทั่ว เพราะยังอาจมีส่วนจากการที่ พล.อ.เสถียร ก็เป็นหนึ่งในแคนดิเดต รมว.กลาโหม ในอนาคต หาก พล.อ.อ.สุกำพล หลุดเก้าอี้
แถมข่าวลือนี้ อาจเป็นช่องโหว่ที่ทำให้ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. และ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมส่งเพื่อน ตท.12 ที่ครองอัตราจอมพลอยู่พร้อมเสียบ ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ดาว์พงษ์ หรือ บิ๊กตี๋ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร เสธ.ทหาร บิ๊กโอ๋ พล.อ.ยุทธนา ฟักผลงาม รอง ผบ.สส.
"ไม่มี ไม่จริง ไม่ได้ขัดแย้งอะไร ข่าวลือ ผมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาท่าน จะไปขัดแย้งกับท่านได้ยังไง" พล.อ.เสถียร กล่าว
ว่ากันว่า ตัวเลือกของ พล.อ.เสถียร คือ พล.อ.ชาตรี ตท.14 เพื่อรักษาหลักการและความชอบธรรม แต่หากไม่สำเร็จก็จะดัน บิ๊กหนู พล.อ.อ.บุญยะฤทธิ์ เกิดสุข รอง ผบ.สส. เพื่อน ตท.11 ของเขาอีกคน ที่มีอายุราชการถึงปี 2557 แม้ว่าท้ายที่สุดแล้ว พล.อ.อ.สุกำพล อาจเลือก พล.อ.ทนงศักดิ์ เพื่อน ตท.11 ของ พล.อ.เสถียร เองด้วยเช่นกัน เป็นปลัดกลาโหม ก็ตาม
"ไม่ได้ขัดแย้งอะไร ผมแค่ต้องการให้ยึดกติกา ก็เสนอมา แล้วก็เข้าคณะกรรมการพิจารณา ช่วยกันเลือก ด้วยเหตุผลต่างๆ ให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย" พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
"ผมกับ ผบ.เหล่าทัพ ก็อยู่ด้วยกันอย่างพี่น้อง ผมรับฟังความเห็นของทุกคน ไม่ใช่ประเภททุบโต๊ะ ยกเว้นในบางเรื่องก็อาจต้องเข้มกันบ้าง แต่ไม่มีปัญหา ไม่ได้ขัดแย้งเลย" บิ๊กโอ๋ แจง
เพราะเมื่อ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา พล.อ.เสถียร ก็ยังนำ ผบ.สส. และ ผบ.เหล่าทัพ ตบเท้าสรรเสริญอวยพรวันเกิด พล.อ.อ.สุกำพล ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ชื่นมื่นทั้งกับ ผบ.เหล่าทัพ โดยเฉพาะกับ บิ๊กหรุ่น พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. ที่เกิดวันเดียวกัน
จึงดูเสมือน ท้องทะเลในเวลานี้ จะราบเรียบสงบไร้คลื่นลม แต่มันอาจเป็นแค่ภาพลวงตา เพราะคลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัวอยู่เบื้องล่าง และมองไปไกลที่สุดขอบฟ้า เมฆดำครึ้ม พายุทะมึนก็กำลังก่อตัว รอเวลาที่จะบุกโถมถล่ม ต่างหากเล่า