การเดินทางคมนาคมของประเทศไทยมีความหลากหลายในด้านการขนส่ง และการเดินทางของผู้โดยสาร แต่จะเลือกใช้การขนส่งแบบใดนั้น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ทั้งความสะดวก รวดเร็ว คุ้มค่ามากที่สุด
ปัญหาที่ผู้โดยสารพบเจอและเข็ดขยาดมาโดยตลอดก็คือ ความล่าช้า(มาก)ของระบบขนส่งทางรถไฟ ที่ อาจเป็นเพราะหัวรถจักรจำนวนมากอายุใช้งานมากกว่า 20 ปี แม้จะมีการซ่อมบำรุงก็ยังทำให้เดินรถล่าช้า ภายในรถบางขบวนมีความสกปรก ทั้งเบาะนั่ง และห้องน้ำ และผู้ใช้บริการยังต้องนั่งรถไปตามยถากรรม กับการเดินรถไม่เป็นไปตามตารางเวลา ไม่มีเวลาแน่นอนว่าจะถึงจุดหมายเมื่อใด จึงเป็นเหตุผลให้บางส่วนเลือกที่จะเดินทางโดยรถทัวร์แทน
หากใครเคยใช้บริการ ก็จะสัมผัสกับประสบการณ์ตรง โดยเฉพาะการเดินทางในระยะทางไกล เช่น กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ก็ต้องเผื่อเวลาไว้พอสมควร อย่าง เช่นกลุ่มนักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูงของสำนักงาน กกต.ที่เดินทางปัจฉิมนิเทศ เพื่อปิดหลักสูตรในรุ่นที่ 3 ที่จังหวัดเชียงใหม่
ผู้เข้ารับการศึกษาส่วนใหญ่เดินทางมาโดยรถไฟขบวนพิเศษ นครพิงค์-กรุงเทพ เชียงใหม่ โดยได้ เริ่มเดินทาง ตั้งแต่ เวลา 18.10 น. ของวันที่ 23 ส.ค. จากสถานีหัวลำโพงถึงสถานีเชียงใหม่ ในวันที่ 24 ส.ค. เวลา 13.00 น. รวมระยะเวลาในการเดินทาง จำนวน 19 ชั่วโมง การเดินทางที่ล่าช้าดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อหลักสูตรการเรียนที่ได้มีการวางแผนการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ไว้และต้องยกเลิกกิจกรรมไป
นาย จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่เป็นประธานรุ่น ก็กล่าวว่า เปรียบเสมือนการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเมืองลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา จำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างหรือปรับโฉมระบบขนส่งรถไฟใหม่อย่างสิ้นเชิง จึงต้องมีเรื่องของรถไฟความเร็วสูงเข้ามา
ปัญหานี้ไม่เจอกับตัวเอง คงไม่รู้ และเป็นเช่นนี้มานานหลายสิบปี ปัจจุบันก็ยังคงความคลาสสิกไม่เปลี่ยนแปลง “งบประมาณ” ที่ ทุ่มเทพัฒนามาตลอด จากหัวจักรไอน้ำเป็นดีเซลราง จากหมอนไม้เป็นหมอนเหล็ก รางเดี่ยวเป็นรางคู่ในบางสาย ก็ยังไม่เป็นที่พึงพอใจ เทียบเท่ากับระบบการขนส่งประเภทอื่น จึงมุ่งเป้าไปที่การบริการจัดการของบุคลากร ที่จะมีการปรับปรุงโครงสร้างอย่างไร ความจริงอีกอย่างหนึ่งก็คือนโยบายทางด้านระบบรางของไทย ยังไม่ชัดเจนพอ และขาดการสานต่อโครงการระหว่างรัฐบาล
อย่างไรก็ดี รถไฟไทยที่ยังคงมาตรฐานการให้บริการมานานหลายสิบปี หากจะให้มีการ ‘ปฏิรูป’ ปรับโฉมจึงเป็นไปได้ยาก หากยังคงละเลย ไม่มีการพัฒนาระบบรถราง เมื่อเทียบการให้บริการรถไฟกับประเทศอื่นๆ เรียกได้ว่าของไทยต้องมีการพัฒนาอีกมาก
รถไฟ ความเร็วสูง ที่เป็นบิ๊กโปรเจ็คของรัฐบาล จึงสร้างความหวังให้กับประชนชนชาวไทย มาแทนที่การรถไฟที่เชื่องช้า และกำลังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษารายละเอียด ก่อนจะมีการเปิดให้บริษัทต่างๆเข้ามาประมูล ซึ่งก็หวังว่าคนไทยจะได้รถไฟความเร็วสูงในเร็ววัน