หมอยันโรคประหลาดคล้ายเอดส์ที่พบในคนไทย ไม่ได้น่ากลัวเพราะไม่ติดต่อ

 

วันนี้ (25 ส.ค.) ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี สาขาวิชาโรคติดเชื้อและอายุรศาสตร์เขตร้อน ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ปรึกษานายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศเผยแพร่ข่าว ดร.ซาราห์ บราวน์ นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ ได้ทำการศึกษาวิจัยโรคประหลาดร่วมกับนักวิจัยไทยและไต้หวัน โดยโรคดังกล่าวมีลักษณะอาการคล้ายโรคเอดส์ แต่ไม่ใช่โรคติดต่อ และมักเกิดในผู้ใหญ่อายุเฉลี่ย 50 ปี ว่า  ทราบว่านักวิทยาศาสตร์จากสถาบันดังกล่าวได้เข้ามาทำการศึกษาวิจัยเรื่องดังกล่าวร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อในประเทศไทย โรคดังกล่าวยังไม่มีชื่อเรียก แต่ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายโรคเอดส์ แต่ไม่ได้ติดเชื้อเอชไอวี

 
ศ.นพ.อมร กล่าวต่อว่า โรคดังกล่าวเป็นภูมิคุ้มกันบกพร่องอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเป็นที่รู้กันมาสักระยะหนึ่งแล้ว อย่างในสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทยเองก็มีการรายงานในที่ประชุมเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว  โดยภาวะดังกล่าวมักพบในคนอายุประมาณ 40-50 ปี ผู้ป่วยจะมีภูมิต้านทานอ่อนแอ  และติดเชื้อเรื้อรัง ไม่หายขาด ต้องกินยาต้านจุลชีพตลอด


“ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อพยามหาสาเหตุของการเกิดโรค ก็พอทราบและรู้ในระดับหนึ่งว่า สาเหตุของโรคน่าจะเกิดจากสารที่ไปกระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้สร้างภูมิคุ้มกันถูกทำลาย  และตัวรับสารกระตุ้นเสียไป ทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายบกพร่อง” ศ.นพ.อมร กล่าวว่า คิดว่าโรคนี้ไม่ได้น่ากลัว เพราะไม่ใช่โรคติดต่อ
 

ด้าน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  กล่าวว่า อ่านรายงานแล้วโดยรายงานดังกล่าวมี ศ.พญ. ยุพิน ศุพุทธมงคล จากศิริราช และ พญ. กมลวรรณ จุติวรกุล จากจุฬาฯ ร่วมศึกษาวิจัยด้วยตีพิมพ์ใน นิว อิงแลนด์ เจอร์นัล ออฟ เมดิซีน ทั้งนี้โรคดังกล่าวมีรายงานมาตั้งแต่ปี 2004 ( พ.ศ.2547)  ประเทศไทยก็พบมาเป็นระยะ ทางนักวิจัยก็ได้พยามหาผู้ป่วยแบบปูพรม โดยพบผู้ป่วยในเอเชียประปราย ผู้ป่วยไม่ได้ติดเชื้อเอชไอวีแต่มีอาการคล้ายเอชไอวี สาเหตุมาจากน้ำเหลืองเสีย มีภูมิคุ้มกันแปรปรวนทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของตัวเอง ระบบต่อสู้เชื้อโรคจึงเสียไป
 

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวต่อว่า การศึกษาวิจัยดังกล่าวทำในประเทศไทยและไต้หวัน คณะผู้วิจัยแบ่งคนไข้เป็น 4 กลุ่ม กลุ่มแรกคล้ายวัณโรคที่ไม่ใช่ทีบี 52 คน กลุ่มที่สองเป็นโรคติดเชื้อฉวยโอกาสจากเชื้อรา 45 คน กลุ่มที่สามเป็นเชื้อทีบีที่ลุกลาม 9 คน และกลุ่มที่สี่เป็นวัณโรคที่ปอด49 คน  ขณะเดียวกันได้ดูในคนปกติจำนวน 49 คนด้วย ทั้งนี้  ในคนไข้กลุ่มที่ 1 และ 2 จำนวน 12 คนใน 97 คน ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร นอกจากนี้จากการศึกษายังพบว่า 1 ใน 49 คนที่เป็นคนปกติมีสารต่อต้านอินเตอร์เฟอรอน แกรมม่าในเลือดด้วย


“กรณีนี้ถือว่าเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องชนิดหนึ่ง แต่ไม่ใช่เอชไอวี จะเรียกว่าโรคประหลาดก็ได้  เพราะผู้ป่วยบางคน ยังหาสาเหตุไม่เจอว่าเกิดจากอะไร คือผู้ป่วยไม่ได้เกิดตั้งแต่เด็ก  แต่เพิ่งมีปัญหาตอนโต จู่ๆ คนไข้ก็มีภูมิคุ้มกันไม่ปกติ โดยส่วนหนึ่งรู้สาเหตุว่าเกิดจากมีสารไปต่อต้านอินเตอร์เฟอรอน แกรมม่าในเลือด แต่ส่วนหนึ่งหาสาเหตุไม่เจอ” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว


ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ที่ปรึกษาแพทยสภา กล่าวว่า โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจพบตั้งแต่เกิด หรือบางรายเกิดขึ้นภายหลัง สาเหตุอาจเกิดจากการติดเชื้อเช่น เอชไอวี ไวรัส หรือการได้รับสารเคมี แต่บางคนก็ไม่สามารถหาสาเหตุได้ว่าเกิดจากอะไร.

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...