เดลิเมล์ - สตรีวัยรุ่นชาวอัฟกัน ซึ่งถูกสามีเฉือนหูกับจมูกภายใต้การปกครองของตอลิบาน และกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวอันโด่งดังหลังถูกนิตยสารไทม์นำมาขึ้นปก กลับมายิ้มอย่างสดใสอีกครั้งระหว่างที่เธอเปิดเผยจมูกที่ทำศัลยกรรมมาใหม่เป็นครั้งแรก
บิบี ไอชา วัย 19 ปี สร้างความตกตะลึงแก่ทั่วโลก เมื่อเธอปรากฎตัวบนปกของนิตยสารไทม์ในสภาพที่ถูกเฉือนหูและจมูก อ้นสะท้อนถึงชะตากรรมของสตรีหลายคนในอัฟกานิสถานภายใต้การปกครองของกลุ่มหัวรุนแรงตอลิบาน
เมื่อวันจันทร์(11) เธอออกมาปรากฎตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับศัลยกรรมตกแต่งในอารมณ์ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
เธอปรากฎตัวต่อหน้ากล้องทีวีเพื่อรับรางวัลเอนเดอริง ฮาร์ท อวอร์ด จากมือของ มาเรีย ชริฟเวอร์ สตรีหมายเลข 1 ของแคลิฟอร์เนีย ณ มูลนิธิ Grossman Burn องค์กรซึ่งตั้งอยู่ในลอสแองเจลิสและเป็นคนออกเงินค่าทำศัลยกรรมแก่เธอ
ตอนอายุ 12 ขวบ พ่อของไอชา ให้สัญญาชายคนหนึ่งในกลุ่มตอลิบานว่าจะยอมมอบลูกสาวให้แต่งงานด้วย จากนั้นเธอถูกส่งมอบแก่ครอบครัวของชายนี้แต่ระหว่างใช้ชีวิตร่วมกับสามีนั้นเธอทั้งถูกกระทำทารุณและบังคับให้นอนในคอกร่วมกับสัตว์
เธอทนสภาพที่ทุกข์ทรมานไม่ไหวจึงพยายามหลบหนีออกมา แต่กลับถูกจับได้และสามีก็ลงโทษเธอด้วยการเฉือนหูกับจมูกอย่างป่าเถื่อน
"ตอนที่พวกเขาตัดจมูกและหูฉันทิ้ง ในช่วงกลางดึกคืนนั้นฉันรู้สึกเหมือนมีน้ำอันเย็นยะเยือกอยู่ในจมูกของฉัน แต่เมื่อฉันลืมตาขึ้นมาก็พบว่ามันเต็มไปด้วยเลือด" เธอบอกกับซีเอ็นเอ็น
ต่อมาเธอถูกนำไปปล่อยทิ้งไว้ให้ตายกลางหุบเขา แต่เธอไม่ยอมแพ้ตะเกียกตะกายไปยังบ้านของปู่ และพ่อได้พาตัวเธอไปรักษาที่ศูนย์การแพทย์แห่งหนึ่งของสหรัฐฯ
ศูนย์การแพทย์แห่งนี้ใช้เวลารักษาตัวไอชานานราว 10 สัปดาห์ ก่อนส่งมอบเธอไปยังค่ายลี้ภัยลับในกรุงคาบูล จากนั้นในเดือนสิงหาคมทางมูลนิธิ Grossman Burn นำตัวเธอมายังสหรัฐฯ เพื่อมาอาศัยอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์
และเมื่อช่วงต้นเดือนนี้เองเธอเข้ารับการทำศัลยกรรมจมูก ณ ศูนย์ของGrossman Burn ในโรงพยาบาลเวสต์ฮิลล์ส ที่แคลิฟอร์เรีย ส่วนหนึ่งในโปรแกรมฟื้นฟูที่ต้องใช้เวลาประมาณ 8 เดือน
รีเบคกา เกรย์ กรอสแมน ประธานมูลนิธิ Grossman Burn กล่าวว่าไอชาเป็นเพียงหนึ่งในผู้หญิงหลายพันคนที่ถูกทำทารุณกรรมอย่างน่าขนลุก ขณะที่สหประชาชาติบอกว่าผู้หญิงอัฟกานิสถานเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ ได้รับความทุกข์ทรมานจากการกระทำทารุณภายในครอบครัวลักษณะเดียวกันนี้ อย่างไรก็ตามทางตอลิบาน ปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว