คนนั่งหน้า-ดวลสู้ ตร.จี้สอบ เพื่อนลูกสส.ชาดา

ยังกบดานไม่ให้ปากคำ รูปคดีชี้ชัดแค่เหตุวิวาท สส.ดังปักใจ-มีแผนฆ่า ฮึ่มถ้าเงียบขอลุยล่าเอง

ตร.จี้ขอสอบเพื่อนลูกส.ส.ชาดา ที่นั่งคู่ตอนหน้า และคาดเป็นคน ใช้ปืนยิงดวลกับคนร้ายในรถ สตราด้า ก่อนถูกฝ่ายตรงข้ามยิงสวน 2 นัด กระสุนถูกลูกส.ส.ดังเสียชีวิต สงสัยคนร้ายอาจจะมีเพียงคนเดียว เพราะแซงขึ้นด้านซ้ายแล้วยิงเข้ารถลูกส.ส. 2 นัด เป็นลักษณะยิงสาดไม่เจาะจงใคร โดยกระสุนสังหารทะลุประตูหลังเข้าไปถูกลูกส.ส.ที่เป็นคนขับเสียชีวิต หลังก่อเหตุคนร้ายปิดไฟหน้าขับหนีคาดเป็นคนในพื้นที่เพราะชำนาญเส้นทาง ผบช.ภาค 3 ตั้งทีมสืบสวนชุดใหญ่คลี่คดีทั้งตร.โคราช-ภาค 6 และกองปราบฯ พบหลักฐานชัดรถ 2 คัน ยิงต่อสู้หลังเกิดเหตุวิวาทจากเปิดไฟสูงใส่กัน ด้านส.ส.ชาดา ยังปักใจเป็นเหตุวางแผนฆ่า หากเป็นเหตุเฉพาะหน้าไม่ว่าอะไร แต่ถ้าเจตนาสังหารเรื่องยาวแน่ อ้างระหว่างคนร้ายหลบหนียังยิงใส่รถของตนด้วย ลั่นหากตร.จับไม่ได้จะลงมือล่าเอง

จากเหตุการณ์นายฟารุต ไทยเศรษฐ์ อายุ 25 ปี ลูกชายนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา ถูกยิงเสียชีวิตคารถโตโยต้า แลนด์ครุยเซอร์ บนถนนแยกหน้าด่าน ขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นคร ราชสีมา เมื่อกลางดึกวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างขับรถพาเพื่อนๆ รวม 6 คน เดินทางกลับโรงแรมที่พักผ่อนกับครอบครัว โดยนายชาดานั่งรถอีกคันแล่นนำหน้าไป ส่วนคนร้ายมีพยานระบุว่าเป็นรถปิกอัพยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสตราด้า โหลดเตี้ยและติดไฟสปอตไลต์บนหลังคาหลังกระบะ สาเหตุพบว่ามาจากลูกนายชาดา ขับรถเปิดไฟสูงใส่รถคนร้ายที่แล่นสวนทางมา ทำให้คนร้ายไม่พอใจกลับรถไล่ตามเปิดสปอตไลต์ใส่ ทำให้รถทั้ง 2 คันเปิดฉากดวลปืนกัน ก่อนที่คนร้ายแซงรถขึ้นด้านซ้ายแล้วยิงใส่ 2 นัด มีนัดหนึ่งเจาะเข้ากกหูนายฟารุตเสียชีวิต ตำรวจเชื่อว่าเป็นเหตุเฉพาะหน้า ขณะที่นายชาดายังไม่ปักใจเพราะสงสัยว่าตัวเองจะเป็นเป้าหมายมากกว่า ตามข่าวที่เสนอ ไปแล้วนั้น



ผบช.ภาค 3 เผยคนร้ายใช้ 9 ม.ม.

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 22 ส.ค. พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภาค 3 กล่าวว่าถึงตอนนี้ตำรวจยังให้น้ำหนักไปทางเหตุการณ์เฉพาะหน้า เพราะขณะเกิดเหตุมีเรื่องการขับรถเปิดไฟสูงใส่กัน และขับแซงกันไปมา จากนั้นใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กันระหว่างรถคนร้ายกับรถลูกชายนาย ชาดา จากหลักฐานพบว่าฝั่งลูกชายนายชาดา ใช้ปืนพกขนาด .380 เพราะเจอปลอกกระสุนตกในรถและบนถนนจำนวนมาก ส่วนคนร้ายใช้ปืนพกขนาด 9 ม.ม. โดยกระสุน 1 นัด ไปถูกจุดสำคัญของนายฟารุต เสียชีวิต คนร้ายน่าจะมีไม่เกิน 2 คน เพราะรถยนต์กระบะคู่กรณีเป็นกระบะแบบตอนเดียว ส่วนประเด็นความขัดแย้งในเรื่องเก่า และประเด็นการเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่ได้ตัดทิ้ง แต่ทั้งสองประเด็นก็ยังมีน้ำหนักน้อยคนร้ายน่าจะมีไม่เกิน 2 คน เพราะรถยนต์กระบะคู่กรณีเป็นกระบะแบบนั่งตอนเดียว



ยิงเสร็จปิดไฟหน้าขับหนี

"ช่วงเกิดเหตุในรถยนต์ของฝั่งผู้ตายมีคน มาด้วยกันในรถทั้งหมด 6 คน รวมทั้งผู้ตาย แต่หลังเกิดเหตุมีพยานที่นั่งอยู่ในรถด้านหลัง 2 คน เท่านั้นที่มาให้ปากคำ แต่พยานที่เหลืออีก 3 คน โดยเฉพาะคนที่นั่งด้านหน้าข้างกับผู้ตายยังไม่มาให้ปากคำ เพราะตำรวจเชื่อว่าพยานที่นั่งข้างผู้ตายน่าจะรู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด นอกจากนี้จากการตรวจสอบภายในรถผู้ตายยังพบซองอาวุธปืนตกอยู่ในรถ และพบว่ามีการลดกระจกรถด้านหน้าทั้ง 2 บานลงด้วย จึงทำให้ตำรวจเชื่อว่ามีการใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กัน และหลังเกิดเหตุรถคู่กรณีได้ขับรถปิดไฟหลบหนีไป เชื่อว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนที่ชำนาญในพื้นที่เป็นอย่างดี แต่ดูจากการใช้อาวุธปืนรวมทั้งวิถีกระสุนก็ไม่น่าจะเป็นพวกมือปืนอาชีพ" ผบช.ภาค 3 กล่าว



ระดมตร.หลายหน่วยคลี่คดี

พร้อมกันนี้ พล.ต.ท.ภาณุมีคำสั่งตั้งชุดปฏิบัติงานคลี่คลายคดีนี้มี พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.ภาค 3 เป็นหัวหน้าชุดสืบสวน ขณะที่พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผบก.ภ. นครราชสีมา ตั้งพ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กฤษณ์ฤทธิศักย์ รงผบก.ภ.นครราชสีมา เป็นหัวหน้าทีมประสานงานกับตำรวจระดับภาค และหน่วยอื่นๆ อาทิ กองปราบปราม ที่ส่งชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่เพื่อสนับสนุนและเร่งติดตามตัวคนร้าย



ยิงมั่วไม่ตั้งใจฆ่าลูกส.ส.ชาดา

พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผบก.ภ. นครราชสีมา กล่าวว่า คาดว่าคนร้ายน่าจะมีเพียงแค่คนเดียว เพราะดูจากรถกระบะต้องสงสัยของคนร้ายที่ขับข้างมาทางด้านซ้าย และรถเป้าหมายอยู่ทางด้านขวา น่าจะเกิดจากผู้ตายระวังตัวยิงต่อสู้ก่อน จึงทำให้คนร้ายที่ขับรถอยู่ยิงใส่ โดยคาดว่าคนร้ายไม่ได้มีจุดประสงค์จะยิงใส่ตัวของผู้ตาย แต่อย่างไรก็ตาม การสืบหารถกระบะต้องสงสัยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามแกะรอยกันอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นพบว่ามีเพียงจุดเดียวที่เห็นว่ามีจุดพบรถต้องสงสัย ทั้งขอเวลาอีก 7 วัน จะสามารถสรุปความคืบของคดีนี้ได้อย่างแน่นอน



ทะเบียนรถคนร้ายจำได้แค่"12"

พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กล่าวว่ากระจายกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ออกตรวจสอบตามอู่ซ่อมรถในทุกพื้นที่และจังหวัดข้างเคียง เพื่อตามหารถยนต์กระบะคนร้าย ที่อาจจะไปซ่อมรอยถูกยิง จากคำให้การของพยานพบว่าเป็นสีขาว หรือสีบรอนซ์เงิน โดยพยานที่อยู่ในรถนายฟารุต ขณะเกิดเหตุ 2 คนที่มาให้ปากคำ ระบุว่าจำหมายเลขทะเบียนรถคนร้ายได้เพียงตัวเลข "12" จำหมวดอักษร และจังหวัดไม่ได้ ตำรวจกำลังประสานกับนายชาดา ให้พาพยานอีก 3 คนที่อยู่ในรถมาให้ปากคำ โดยเฉพาะคนที่นั่งเบาะหน้าด้านซ้ายคู่กับลูกนายชาดา น่าจะให้ข้อมูลได้มากที่สุด



วงจรปิดไม่พบรถต้องสงสัย

วันเดียวกัน พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ เรียกประชุม ชุดคลี่คลายคดีโดยร่วมกันดูภาพจากกล้องวงจรปิดเส้นทางถนนธนะรัชต์ 3 จุด จุดแรกบริเวณหน้าร้านเซเว่นฯ ก.ม.4 พบนายชาดากับลูกและคนอื่นๆ เข้าไปซื้อของ ก่อนที่นายชาดาจะแยกไปขึ้นรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยูของเพื่อน จุดที่ 2 บริเวณถนนธนะรัชต์ทางแยกตู้ตำรวจหมูสี ก.ม. 14 และจุดที่ 3 ประตูด่านทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จากการตรวจสอบมีเพียงรถ 2 คัน ที่ตามกันมาคือรถเก๋งที่นายชาดานั่งมากับเพื่อน และรถโตโยต้า แลนด์ครุยเซอร์ ที่นาย ฟารุตลูกชายขับพาเพื่อนๆ รวม 6 คน แล่นตามหลัง และทั้ง 3 กล้องไม่พบรถต้องสงสัยแต่อย่างใด



เพื่อนลูกชาดาให้การระทึก

ตำรวจสอบปากคำนายชาคริต ฉิมพลี เพื่อนนายฟารุตที่มาในรถ โดยนั่งอยู่เบาะหลังแถว 2 ให้การว่า เมื่อรถวิ่งเข้าทางโค้งกลางสะพาน เห็นรถคนร้ายแซงและเปิดไฟสปอตไลต์ที่กระบะหลังใส่จนทั้งหมดแสบตา จากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น คนในรถพากับหมอบหลบ ส่วนนายฟารุตเร่งเครื่องเพื่อหลบหนี ก่อนรถจะเสียหลักชนเสาไฟฟ้าริมถนน



กระสุนสังหารทะลุประตูหลัง

ที่สภ.ต.หมูสี พ.ต.ท.ภาณุวัฒน์ ภูจอมเพชร รอง ผกก.สส.ภาค 6 พร้อมด้วย พ.ต.ท.สถาพร ทองจำรูญ นักวิทยาศาสตร์ (สบ.3) ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน ภาค 3 มาตรวจหาหลักฐานที่รถโตโยต้า แลนด์ครุยเซอร์ คันเกิดเหตุ พบปลอกกระสุนจำนวนหนึ่ง สรุปได้ว่าคนในรถนายฟารุตใช้ปืนยิงตอบโต้กับรถคนร้ายแต่ยังไม่พบปืนที่ใช้ยิง ส่วนกระสุนสังหารนายฟารุต จากร่องรอย พบว่าถูกยิงทะลุใต้กระจกประตูหลังด้านซ้าย วิถีกระสุนพุ่งทะลุเข้ากกหูซ้ายนายฟารุต จนเสียชีวิต



สงสัยมือปืนมาแค่คนเดียว

รายงานข่าวแจ้งอีกว่าจากวิถีกระสุน และลักษณะการยิงโดยแซงรถขึ้นด้านซ้าย ทำให้ตำรวจสงสัยว่าคนร้ายอาจจะมีเพียงคนเดียว โดยหลังจากเกิดเหตุเปิดไฟสูงใส่กัน และคนร้ายขับตามมาเปิดสปอตไลต์เอาคืน คนในรถนายชาดาจึงยิงปืนใส่ด้วยความไม่พอใจ จากหลักฐานที่พบคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนที่นั่งเบาะหน้าด้านซ้ายคู่กับคนขับ ทำให้คนร้ายจึงแซงขึ้นด้านซ้าย แล้วลดกระจกยิงปืนสวนออกมา 2 นัดเข้าบริเวณประตูด้านหลัง โดยคนร้ายใช้รถปิกอัพโหลดเตี้ย ขณะที่รถของลูกนายชาดา เป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อมีความสูงมากกว่า ทำให้กระสุนนัดหนึ่งทะลุตัวถังทะแยงขึ้นเข้าไปถูกนายฟารุตเสียชีวิต ทำให้รถเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าริมถนน



คนคุ้มกัน"ชาดา"มาสภา

ที่รัฐสภา นายชาดา เดินทางเข้ามาร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีสีหน้าเคร่ง เครียด มีผู้ติดตามมา 7-8 คน เมื่อมาถึงมีเพื่อนส.ส.เข้ามาจับมือแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายชาดาได้แต่กล่าวขอบคุณ

นายชาดากล่าวว่าคงปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีไป แต่ขอบอกว่าในวันที่เกิดเหตุไม่ได้ขับรถขัดแย้งกับใคร เมื่อออกจากรีสอร์ต เป็นคนขับรถออกไปคันเดียวและไปรับเพื่อน ซึ่งเหตุการณ์ช่วงนั้นรวดเร็วมาก พอรับเพื่อนก็ลงจากที่นั่งคนขับเดินมาด้านซ้ายเพื่อขับรถบีเอ็มฯ ที่จอดคู่กัน ดังนั้นถ้ามองจากข้างนอกจะดูเหมือนว่าตนกับลูกชายผลัดกันขับรถ



ยังไม่แน่ใจเหตุเฉพาะหน้า

เมื่อถามว่าแสดงว่ามั่นใจใช่หรือไม่ว่า ไม่ใช่เหตุเกิดเฉพาะหน้าจากการขับรถปาดหน้ากัน นายชาดากล่าวว่า ไม่ใช่มั่นใจเช่นนั้นแต่เป็นไปได้ เพราะเมื่อขับรถออกมาก็เหมือนปกติ ขามาก็แซงรถคันอื่นบ้าง แต่ตอนขากลับมีรถเราคันเดียวไม่มีรถแซงไม่มีรถสวนแล้วเกิดเหตุ แต่ในความรู้สึกเราอาจจะไปกระทำโดยที่ไม่รู้ตัว อาจไปทำให้ใครหมั่นไส้ แต่รับรองว่าไม่มีการขับรถเบียดหรือปาดหน้าใคร โดยเฉพาะรถลูกชายขับตามหลังมาแล้วไฟจะไปส่องหน้าใครคงไม่ได้เพราะขับตามาติดๆ



อ้างโดนคนร้ายยิงใส่ด้วย

นายชาดากล่าวต่อมาช่วงนั้นไม่มีรถสักคัน แต่อยู่ดีๆ ก็มีรถมาตาม เป็นมิตซูบิชิ สตราด้า โหลดเตี้ย เสียงดัง และอยู่ๆ ก็แซงเราไป อีกสักพักรถคันนี้มาใหม่ก็แซงอีกที ตนเริ่มรู้สึกระแวงเมื่อใกล้ถึงที่พัก รถคันนี้จอดชิดซ้ายอีก ขับผ่านไปและรู้สึกว่า หากตามอีกทีจะมีอันตรายแล้ว ระหว่างนั้นเขาก็จี้ตูดและแซงรถลูกชาย และจะแซงรถตนแต่ถูกกันเอาไว้และเร่งออกไป ปรากฏว่าเขาไม่แซงและไปเบรกใส่รถลูกชาย ซึ่งต่อมาไม่เห็นรถลูกตามมา เลยย้อนรถกลับไปดูก็เจอรถคนร้ายดับไฟสวนมา และยิงใส่รถของตนด้วย คล้ายกับไม่ให้ตาม และตนก็มุ่งหน้าไปหารถลูกชายและก็พบว่าเกิดเหตุ จึงพาส่งโรงพยาบาล



มั่นใจตามสืบรู้เองได้แน่

"แต่ถ้าถามว่าตอนนี้คิดอะไรหรือไม่ ไม่คิดอะไรเลย บอกได้อย่างเดียวว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่ไม่เกินความสามารถของผม แต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น เพราะผมถือว่าถ้าเป็นเรื่องของคนมีอำนาจและถ้าหมดอำนาจก็ต้องรู้อยู่ดี จะช้าหรือเร็วก็ต้องรู้ เพราะไม่ใช่ว่าใครจะอยู่ในอำนาจได้ตลอดเวลา หรือถ้าจะเป็นเรื่องของชาวบ้านทั่วไป ก็อดรู้ไม่ได้ เดี๋ยวเรื่องก็ต้องออกมา ไม่มีความลับในโลก" นายชาดากล่าว

เมื่อถามว่าแสดงว่าพอจะรู้สาเหตุ นายชาดากล่าวว่า ไม่ใช่ ที่ยกตัวอย่างเพราะนายตำรวจบางคนเก่งมาก ก่อนจะถูกยิงก็พูดด้วยว่าเดี๋ยวตนจะโดนยิงตาย คิดว่าเขาน่าจะรู้อะไรเยอะเพราะมีนายตำรวจผู้ใหญ่บางคนไปพูดกับพรรคพวกด้วยว่าเดี๋ยวมันก็ตาย เพราะมันโจทก์เยอะ เขายังรู้ด้วยว่าตนจะถูกยิง แล้วทำไมไม่รู้ว่าใครยิง



ไม่ได้ป้องกันตัวแค่ระวัง

ต่อข้อถามว่ามีข่าวว่าช่วง 2 เดือนก่อนหน้านี้รู้ตัวว่ามีคนปองร้ายและเริ่มระวังตัว นายชาดากล่าวว่า ไม่เคยระวังตัว แต่โดยสัญชาตญาณของชาวมุสลิมทุกคน มันเป็นธรรมชาติที่ต้องระวังตัว และจนถึงทุกวันนี้ยังใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยใดๆ เพราะถือว่าเหตุการณ์มันจะเกิดจะไปห้ามได้อย่างไร จะให้คุ้มกันมากแค่ไหนถ้าจะเกิดก็ห้ามไม่ได้ อยู่ดีๆ อย่างเรื่องนี้ถามว่าทำใจได้หรือไม่ แต่ชีวิตมันต้องเดิน ยอมรับว่าเสียใจเพราะนั่นคือลูกชายแต่ต้องก้าวเดินต่อไป เพียงแต่ตอนนี้อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเท่านั้น เพราะโดยส่วนตัวไม่มีอะไรกับใคร มีแต่เรื่องที่มาป้ายใส่



ถ้าตร.จับไม่ได้-ขอลุยเอง

เมื่อถามว่าระหว่างที่ปล่อยให้ตำรวจทำคดีไป ส่วนตัวจะหาสาเหตุควบคู่ไปด้วยใช่หรือไม่ นายชาดากล่าวว่า ตนคงไม่ไปยุ่ง ไม่ก้าวก่ายงานของเจ้าหน้าที่ จะให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงาน แค่ขอภาวนาว่าอย่าให้เรื่องเงียบไปก็แล้วกัน เพราะถ้าเงียบไป ตนคงต้องถามว่าจบแล้วใช่หรือไม่ ถ้าหมดแล้วก็ต้องเป็นเรื่องของตนบ้าง และขอให้เป็นตัวจริงที่จะจับได้ อย่าไปใส่แพะ ขอให้เป็นตัวจริง ตนรับได้อยู่แล้วกับเรื่องจริงที่เกิดขึ้นและในความเป็นพ่อ คงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องเงียบไป แต่ก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการก่อน เชื่อว่าตำรวจมีความสามารถ และหากมีอะไรที่ตนสามารถให้ความร่วมมือและอำนวยความสะดวกกับตำรวจได้ก็ยินดี ตนบอกได้ทุกเรื่อง



เชื่อไม่เกี่ยวการเมืองอุทัยฯ

เมื่อถามว่าคิดว่าเกี่ยวโยงกับเรื่องการเมืองหรือไม่ นายชาดากล่าวว่า ในพื้นที่คู่ต่อสู้ทางการเมืองไม่มีนิสัยอย่างนี้ เราต้องให้ความเป็นธรรมกับคู่แข่งทางการเมืองในจ.อุทัยธานีด้วย ไม่ว่าเขต 1 หรือ 2 เขาไม่มีนิสัยอย่างนี้ รับรองไม่มีเชื่ออย่างนั้นแต่ไม่ได้วางใจ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนปัญหาธุรกิจไม่มีปัญหากับใคร



เป็นเหตุเฉพาะหน้า-ต้องจับได้

นายชาดากล่าวอีกว่า หากเป็นเรื่องนักเลงท้องถิ่นหรือเป็นเหตุเฉพาะหน้า ขอเรียกร้องให้รีบดำเนินการเรื่องนี้เพราะพื้นที่บริเวณนั้นมีนักลงทุนไปลงทุนจำนวนมาก มีรีสอร์ตหลายแห่ง ถ้าปล่อยให้คนพวกนี้วิ่งอยู่บนท้องถนน เชื่อว่าจะมีเหตุอีก และที่ผ่านมาไม่เคยมีคดีอย่างนี้เกิดขึ้นในท้องถิ่นนั้น ให้ไปถามผกก.สภ.หมูสี ดูได้ ถ้ายังปล่อยให้คนประเภทนี้เพ่นพ่านก็จะเป็นอันตรายต่อพื้นที่ นักท่องเที่ยวคงไม่อยากไป และหากเป็นนักเลงท้องถิ่นจริง เชื่อว่าไม่เกินความสามารถของตำรวจ จำรูปพรรณสัณฐานรถคันดังกล่าวได้เพราะเป็นรถแต่งที่มีลักษณะพิเศษ โหลดเตี้ยและแต่งท่อเสียงดังเหมือนคนติดเทอร์โบ ถ้าเป็นคนในพื้นที่นั้นจริง คนในหมู่บ้านย่อมรู้ว่าเป็นรถใคร



พ้อโดนป้ายสีหลายคดี

เมื่อถามว่าคิดว่าเป้าหมายจริงคือตนเองมากกว่าลูกชายใช่หรือไม่ นายชาดากล่าวว่า ถ้าไม่ใช่เหตุบังเอิญมันน่าจะเป็นตน เพราะลูกไม่มีอะไร เขาเด็กมาก เรียบร้อยและเป็นคนเคร่งศาสนา มันน่าจะผิดตัว แต่ถ้าเป็นเหตุบังเอิญเขาคงไม่ได้มีเป้าหมายที่ใคร 

"ถ้าถามว่าผมมีความขัดแย้งกับใครที่จะมาเป็นสาเหตุ ก็น่าจะมีกับนายตำรวจบางคนเท่านั้นที่ไม่ชอบหน้าผมแล้วชอบด่าฝาก เป็นนายตำรวจผู้ใหญ่ระดับนายพลและยังอยู่ในราชการ ผมไม่เคยมีอะไรกับใครแต่กลับมาหมั่นไส้ ชอบพูดอยู่เรื่อยๆ เมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็พูดว่าถูกยิงตายแน่ ก่อนหน้านั้นมีคดีปล้นปืนข่าวก็เอาไปลง เพียงแต่ไม่ได้เอ่ยชื่อออกมาเท่านั้น หรืออย่างคดีผกก.ไทรงาม(พ.ต.อ.เกริกฤทธิ์ นิยมเสริม ผกก.สภ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร ถูกยิงตายคาบ้านพัก จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2554) ก็พูดเหมือนชาดาทำ ทั้งที่ ผกก.ไทรงามเป็นเหมือนพี่ชายผม และทุกวันนี้ก็จับมือปืนได้ รู้แล้วว่าไม่ใช่ผม แต่ไม่เห็นมีใครมาขอโทษเลย" นายชาดากล่าว



ถ้าเจตนาลงมือ-ยอมไม่ได้

ต่อข้อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ตำรวจเทน้ำหนัก ไปที่เหตุการณ์เฉพาะหน้า นายชาดากล่าวว่า ไม่ทราบแต่บางเรื่องอย่าเพิ่งด่วนสรุป อย่างไรก็ตาม อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเหตุบังเอิญ ไม่อยากให้เป็นเรื่องที่ตั้งใจมา ไม่อย่างนั้นคงยอมกันไม่ได้ เพราะการคิดยิงส.ส.มันคงไม่ใช่เรื่องธรรมดา คนธรรมดาจะคิดฆ่าส.ส.ได้ง่ายๆ หรือ ตอนนี้ไม่มีธงว่าเป็นเรื่องใด แต่พร้อมที่จะตรวจสอบเองแต่ก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ก่อน ไม่เข้าไปวุ่นวาย แต่ถ้าอนาคตแล้วมันไม่คืบก็อีกเรื่องหนึ่ง ในความเห็นของตนถ้าบอกว่าเป็นเรื่องปองร้าย คงหาตัวไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเหตุบังเอิญคงไม่เกินความสามารถตำรวจ



ขู่คนลงมือให้ระวังตัวเอง

เมื่อถามว่าแสดงว่าส่วนตัวมองว่าถ้าเป็นเรื่องนักเลงท้องถิ่นก็ง่าย แต่ถ้าเป็นเรื่องปองร้ายคงเป็นหนังม้วนยาวใช่หรือไม่ นายชาดากล่าวว่า แน่นอน มันคงเป็นหนังม้วนยาวแน่นอน และไม่อยากดูหนังยาว อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ได้ระวังตัวเป็นพิเศษเพราะเป็นผู้ถูกกระทำ แต่ที่ต้องระวังตัวคือคนที่ทำมากกว่า ซึ่งตนยังไปไหนมาไหนตามปกติธรรมดา ไม่ได้รักษาความปลอดภัย อะไรเพิ่มเติม



ชาดายันไม่ใช่"เจ้าพ่อ"

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่หลายคนบอกว่าเป็นเจ้าพ่อ นายชาดากล่าวว่า พอเกิดเป็นข่าวก็มาลงที่ตน อย่างกรณีผู้กำกับไทรงาม เรื่องปล้นธนาคาร พอเกิดเหตุก็มารู้ทีหลัง ไม่ใช่ว่าคนอุทัยธานีไปทำอะไรต้องรู้หมด นึกอะไรไม่ออกบอกว่าเป็นชาดาไว้ก่อน แต่เวลาตนโดนกลับบอกเป็นนักเลงท้องถิ่น แต่หากคนอื่นโดนส่งมาทางนี้อย่างเดียว

"ที่ผ่านมาในทุกเรื่องเวลาบอกว่าผมไม่เกี่ยว แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรไม่มีใครมาขอโทษ ผมยังเคยพูดว่าหากลูกผมเป็นอะไรไปไม่โทษผมอีกหรือ" นายชาดากล่าว



เหลิมระบุคดีไม่ซับซ้อน

ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้รับรายงานจากพล.ต.ท.ภาณุ และพล.ต.ต.องอาจ แล้วพบข้อเท็จจริงว่ามีรถญี่ปุ่นวิ่งข้างหน้ารถลูกคุณชาดา ซึ่งรถแลนด์ครุยเซอร์ไฟสูง รถคันหน้าจึงเปิดสปอตไลต์ที่ติดอยู่ด้านหลังคงเปิดๆ ปิดๆ รถคันหลังจึงวิ่งไปประกบรถคันหน้า ยิงกันทั้งสองฝ่ายเป็นเหตุให้ลูกคุณชาดาตาย ซึ่งที่รู้ว่ายิงต่อสู้กันเพราะมีพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุเป็นปลอกกระสุน ทีนี้ตำรวจพยายามจะสอบพยานเพิ่มเติมเพราะสอบไปได้เพียง 2 ปาก ยังไม่ชัดเจน ก็บอกว่าอย่าเพิ่งตัดประเด็นอื่น ให้พยายามสอบให้ถึงที่สุด ยืนยันว่าเป็นคดีธรรมดา ไม่มีอิทธิพลอะไร



จี้ชาดาพาพยานมาให้การ

ผู้สื่อข่าวถามว่านายชาดากับพยานอีก 2 คน ควรมาให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็วหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ควรมาให้ปากคำโดยเร็ว เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อตำรวจ เมื่อถามว่าประเด็นการเมืองกับเหตุเฉพาะหน้า 2 ประเด็นนี้ตำรวจให้น้ำหนักไปที่เรื่องใด ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตำรวจยังมองว่าเหตุเฉพาะหน้า แต่กำชับไปแล้วว่าอย่าเพิ่งตัดประเด็นอื่น ดังนั้นดีที่สุดคือนายชาดากับพยานที่เหลือควรเข้าให้ปากคำโดยเร็ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพยานไม่มาให้ปากคำ แต่มีแค่หลักฐานในที่เกิดเหตุ ตำรวจสามารถสรุปคดีได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ยังไม่ได้ เพราะพบปลอกกระสุนคนละชนิด วิถีกระสุนมาจากฝ่ายตรงข้ามแน่นอน ไม่ใช่ของคนในรถอย่างที่มีเสียงวิจารณ์ เมื่อถามว่าถึงขณะนี้ได้พูดคุยกับนายชาดาหรือยังในฐานะเพื่อนส.ส.ด้วยกัน ร.ต.อ. เฉลิมกล่าวว่า ยังไม่ได้คุย แต่เขากับผมก็ชอบกัน

23 ส.ค. 55 เวลา 10:42 1,818 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...