แม้ว่า "สตีฟ จ็อบส์" อดีตซีอีโอของค่ายแอปเปิ้ลจะเสียชีวิตไปเกือบ 1 ปีแล้ว แต่ทุกวันนี้ คนทั่วโลกก็ยังเอ่ยถึงชื่อของศาสดาแห่งโลกนวัตกรรมคนนี้อยู่ และยังนำเรื่องราวชีวิตของเขามาเป็นบทเรียนสอนคนรุ่นหลังในหลาย ๆ เรื่อง อย่างที่เราเห็นหนังสือมากมายหลายเล่มที่เกี่ยวกับ "สตีฟ จ็อบส์"เปิดตัวและวางขายอยู่ทั่วไป
เช่นเดียวกับการบรรยายธรรมของวัดพระธรรมกาย ที่ถ่ายทอดผ่านทางเว็บไซต์ DMC.TV เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ก็ได้มีการหยิบยกชีวิตของ "สตีฟ จ็อบส์" ขึ้นมาบรรยายเป็นสารคดีบทเรียนกฎแห่งกรรมให้ผู้ที่สนใจธรรมะได้ศึกษา หลังจาก "โทนี่ ซวง" วิศวกรอาวุโสของบริษัทแอปเปิ้ล ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เขียนจดหมายมาขอให้ท่านพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ใช้ญาณตรวจสอบว่า "สตีฟ จ็อบส์ ตายแล้วไปไหน ตอนนี้ตัวเขาเป็นอย่างไรบ้าง?" เพราะ "สตีฟ จ็อบส์" ก็เป็นคนหนึ่งที่นับถือศาสนาพุทธจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต และเคยคิดจะออกบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาด้วย
ทั้งนี้ พระคุณเจ้าได้ตอบคำถามเรื่องนี้ในเชิงศาสนา พร้อมกับนำภาพ 3D ขึ้นมาประกอบการบรรยายธรรมะ ในรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา โดยอธิบายก่อนว่า ชีวิตหลังความตายมีอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา หรือเผ่าพันธุ์ใด เมื่อจากโลกนี้ไปแล้วก็จะได้บังเกิดใหม่ในภพภูมิต่าง ๆ อาจจะอยู่ในภพที่ดี (สุคติ) หรือภพที่ไม่ดี (ทุคติ) แต่หมายความว่า ตายแล้วไม่สูญ
อย่างไรก็ตาม การจะได้ไปอยู่ภพไหนหลังความตายนั้น ขึ้นอยู่กับว่า ตัวเองทำตัวอย่างไรไว้ก่อนจะเสียชีวิต หากมีจิตใจที่ผ่องใส ก็จะได้ไปอยู่ในสุคติภูมิ แต่หากมีจิตใจเศร้าหมองก็ต้องไปบังเกิดอยู่ในทุคติภูมิ ความผ่องใส หรือเศร้าหมองขึ้นอยู่กับกำลังของบุญและบาปที่บุคคลนั้นกระทำเอาไว้
นอกจากนี้ ในภพสุคติและทุคติก็ยังแบ่งเป็นชั้น ๆ หากเป็นสุคติภูมิก็จะแบ่งตามความผ่องใสของใจว่า มีความผ่องใสมากหรือน้อย ถ้าทำทั้งบุญและบาปเอาไว้ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะได้ไปบังเกิดในภพภูมิที่มีความสุขสบายในระดับเบื้องต้น แล้วไล่ขึ้นไปจนถึงสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ส่วนทุคติภูมิ ผู้ที่ตกในภพภูมินี้จะอยู่ในความมืดมิด ทรมานแสนสาหัสอยู่ในภพภูมิของสัตว์นรก เปรต อสูรกาย เป็นต้น
มาถึงเรื่อง "สตีฟ จ็อบส์" ที่มีผู้ถามมาบ้าง....พระคุณเจ้า ได้อธิบายว่า ก่อนที่ "สตีฟ จ็อบส์"จะเสียชีวิต เขายังเป็นห่วงครอบครัว ยังห่วงแผนงานต่าง ๆ ที่คิดเอาไว้มากมาย แต่ยังไม่ได้ทำ ซ้ำยังห่วงอนาคตของบริษัทที่ตัวเองทุ่มเทแรงกายแรงใจสร้างมาจนยิ่งใหญ่อย่างทุกวันนี้ สิ่งที่เขาคิดเหล่านี้ผุดเป็นภาพที่ทำให้เขาไม่สบายใจ และทำให้จิตใจของเขาเศร้าหมองไปด้วย
และที่สำคัญมาก ๆ คุณสตีฟ จ็อบส์ เองก็รู้สึกเป็นกังวลลึก ๆ ว่า "เมื่อตัวเขาตายไปแล้ว ชีวิตหลังความตายของเขาจะเป็นอย่างไร ตัวเขาจะได้ไปอยู่ที่ไหน และที่แห่งนั้นจะเป็นอย่างไรหรือว่าจะเป็นอย่างที่อาจารย์ของเขา ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นและเป็นนักบวชในพระพุทธศาสนา ได้เคยสอนเอาไว้หรือเปล่า หรือว่าจะเป็นอย่างอื่น เรียกได้ว่า ทั้งความไม่แน่ใจ, ความวิตกกังวล, และความผูกพันในเรื่องคน งาน เงิน และโปรเจกต์ต่าง ๆ มันได้กลายเป็นความคิดที่วนเวียนอยู่ในใจของคุณสตีฟ จ็อบส์ ณ ช่วงเวลานั้นอยู่ตลอดเวลา" เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย อธิบาย
เมื่อเป็นเช่นนี้ แสดงว่า ก่อน "สตีฟ จ็อบส์" จะจากโลกนี้ไป ได้เกิดภาพความทรงจำต่าง ๆ มากมายขึ้นมาในใจ ทั้งสุข ทุกข์ ปลื้มใจ ไม่ปลื้มใจ สลับกันไป ซึ่งการที่ภาพความทรงจำที่ทำให้จิตใจผ่องใส และเศร้าหมองปนเปกันไป มาส่งผลรวมกับนิสัยพื้นฐานของ "สตีฟ จ็อบส์" ที่เป็นคนมีความรู้ความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์ และมีสุนทรียภาพทางศิลปะสูงมาก จึงส่งผลให้ "สตีฟ จ็อบส์" ได้ไปบังเกิดใหม่เป็น "เทพบุตรภุมมะเทวา ระดับกลางสายวิทยาธรกึ่งยักษ์"
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่า "ภุมมะเทวาสายวิทยาธรกึ่งยักษ์" มีลักษณะเป็นเช่นไร เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้ให้ความรู้ว่า เป็นภุมมะเทวาที่มีอัธยาศัย 2 อย่างมาผสมผสานกัน คือ อัธยาศัยของวิทยาธรที่รักในการเรียนรู้ศาสตร์ และความรู้ต่าง ๆ กับ อัธยาศัยของยักษ์ที่มักโกรธ ขี้โมโห และหงุดหงิดง่าย จึงทำให้ภุมมะเทวาสายนี้มีลักษณะเป็นวิทยาธรกึ่งยักษ์
รูปลักษณ์ของ "ภุมมะเทวาสายวิทยาธรกึ่งยักษ์" ของ "สตีฟ จ็อบส์" นั้น จะมีลักษณะกายเหมือนเทพบุตรภุมมะเทวาระดับกลาง แต่จะมีผิวสีดำอมแดงและหยาบกว่าเทพบุตรภุมมะเทวาระดับกลางรูปอื่น ๆ เพราะเป็นกึ่งยักษ์ เมื่อโกรธ จะมีเขี้ยวงอกออกมา ซึ่งเขี้ยวก็ยังมีรายละเอียดอีกมากมาย ไม่เหมือนกับเขี้ยวของแวมไพร์ หรือแดร็กคิวล่า ที่เห็นกันในภาพยนตร์
เทพบุตรองค์นี้จะอยู่อาศัยในวิมานขนาดปานกลาง เป็นโลหะสีเงิน สีขาว และแก้วผลึกขนาดใหญ่ที่มีขอบเขตกว้างขวาง สูงประมาณตึก 6 ชั้น อยู่อาศัยซ้อนอยู่บนโลกมนุษย์ ใกล้ ๆ กับที่ทำงานในสมัยที่ยังเป็นมนุษย์ และรอบ ๆ บริเวณ ก็ยังมีวิมานของเหล่าภุมมะเทวาที่มีความชอบคล้าย ๆ กันอาศัยอยู่ด้วย ขณะเดียวกัน เทพบุตรก็ยังมีบริวารรับใช้อีก 20 ตน ซึ่งเป็นผลแห่งบุญมาจากการที่เขาได้บริจาคสิ่งของ เงินทอง และให้ความรู้แก่คนอื่นในสังคมนั่นเอง
ส่วนชีวิตเทพบุตรของ "สตีฟ จ็อบส์" นั้น พระคุณเจ้า อธิบายว่า หลังจากศาสดาโลกไอทีเสียชีวิตไปแล้ว เขาได้ลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงที่ตั้งอยู่กลางวิมาน และรู้สึกตื่นตา ตื่นใจ กับสิ่งที่อยู่รอบตัวเป็นอย่างมาก พร้อมกับแสดงความอัศจรรย์ใจที่เขาหายจากโรคมะเร็งเป็นปลิดทิ้ง แถมยังดูเป็นหนุ่มหล่อกว่าเดิมอีกต่างหาก จากนั้น ก็ได้มีหัวหน้าเหล่าบริวารมาต้อนรับเขา พร้อมกับแนะนำสังคมใหม่ให้เขาได้รู้จัก นอกจากนี้ เขายังได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในวิมานไฮเทคที่ทุกสิ่งทุกอย่างแทบจะทำได้โดยอัตโนมัติ เพียงแค่คิด
ท่านพระเทพญาณมหามุนี อธิบายต่ออีกว่า เทพบุตร "สตีฟ จ็อบส์" ได้รับเชิญให้ไปประชุมหมู่บ้าน ซึ่งหัวหน้าหมู่บ้านภุมมะเทวา ก็ได้แนะนำกฎระเบียบต่าง ๆ ให้เขาได้ปฏิบัติ สิ่งเหล่านี้ทำให้"สตีฟ จ็อบส์" ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในวิมานแห่งนั้น มีเพื่อนบ้านแวะเวียนมาพบปะพูดคุยถึงความสามารถของเขา ที่ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นในเมืองมนุษย์ นั่นก็เพราะภุมมะเทวาที่มาอยู่ร่วมกันในที่แห่งนี้ ล้วนแล้วแต่เคยสร้างสรรค์ผลงานดี ๆ เอาไว้สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน จึงได้ติดตามผลงานนวัตกรรมอยู่เรื่อย ๆ
ทั้งนี้ ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา "สตีฟ จ็อบส์" ไม่รู้สึกโกรธเลย เพราะได้อยู่ในสังคมที่ตอบสนองความชอบของเขาทั้งหมด ดังนั้น จึงไม่มีเขี้ยวที่จะงอกต่อเมื่อมีอารมณ์โกรธปรากฏให้เห็น
"ในระหว่างที่ท่านเทพบุตรสตีฟ จ็อบส์ กำลังเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมภุมมะเทวาแห่งนั้น ก็ได้มีกระแสธารแห่งบุญจากที่แห่งหนึ่ง ไปเชื่อมจรดที่ศูนย์กลางกายของท่านเทพบุตรใหม่สตีฟ จ็อบส์ ซึ่งทันทีที่กระแสบุญดังกล่าวได้ไปจรดเชื่อมที่ศูนย์กลางกายของเขา ก็เป็นผลทำให้ใจของเขาบังเกิดความสว่างไสวขึ้นมาในทันที แล้วภาพของแหล่งกำเนิดแสงสว่าง ที่มาจากคนกลุ่มหนึ่งที่ได้สร้างองค์พระธรรมกายประจำตัวให้กับตัวเขา และก็นึกถึงเขาก็ได้ไปปรากฏฉายขึ้นภายในใจของเขา"พระคุณเจ้า กล่าว
ในตอนท้าย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ระบุด้วยว่า แม้ว่า "สตีฟ จ็อบส์" จะได้เห็นภาพของการทำบุญดังกล่าวแล้ว แต่เขายังไม่ทราบว่าจะอนุโมทนาอย่างไร สิ่งที่เขารับรู้ได้ก็คือ เขารู้สึกดีใจ ชอบใจ และสุขใจมาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากทางสถานีโทรทัศน์ DMC ได้นำเสนอเรื่องนี้ไป ก็ได้มีผู้ตั้งข้อสงสัยจำนวนหนึ่ง ทางสถานีโทรทัศน์ DMC จึงได้ชี้แจงไว้ในเว็บไซต์ dmc.tv มีเนื้อหาดังนี้
"ชี้แจงเรื่อง การนำเสนอเนื้อหา สตีฟ จ็อบส์ ตายแล้วไปไหน ของเว็บไซต์ต่าง ๆ
เนื่องจากทางสถานีโทรทัศน์ DMC ได้มีการนำเสนอเนื้อหาเรื่อง Where is Steve Jobs และได้มีเว็บไซต์ต่าง ๆ สรุปเนื้อหา Where is Steve Jobs ไปไว้ในเว็บไซต์ของตน ซึ่งเป็นการสรุปเนื้อหาดังกล่าวนั้น เป็นการสรุปโดยความเห็นส่วนตัว ซึ่งอาจมีการเพิ่มตัดแต่งประเด็น หรือเสริมความเห็นส่วนตัวเข้าไป ทำให้เนื้อหาในบางเว็บไซต์ผิดพลาดและไม่สมบูรณ์
จึงขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณและเทียบเคียงกับต้นฉบับจากทาง dmc.tv ทั้งนี้ ทางเว็บ dmc.tvได้นำเสนอเนื้อหาต้นฉบับที่ถูกต้องไว้แล้ว ผู้อ่านสามารถอ้างอิงได้จากลิงค์ บทความนี้
เรื่องราว Where is Steve Jobs เป็นความรู้ที่ได้จากการปฏิบัติสมาธิ (Meditation) ในพระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย ซึ่งเมื่อฝึกปฏิบัติจนเชี่ยวชาญชำนาญแล้ว ผู้ปฏิบัติจะสามารถรู้เห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม, การเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งได้นำมาถ่ายทอดให้เข้าใจง่าย ๆ ในรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา โดยพระเทพญาณมหามุนี (เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย) เพื่อให้เข้าใจถึงเรื่องราวความจริงของชีวิตว่า เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน อะไรเป็นเป้าหมายของชีวิต นำไปสู่ผลการปฏิบัติของผู้ฟัง ทำให้ผู้ฟังเกิดความเกรงกลัวต่อบาป รักในการทำบุญกุศล รักการปฏิบัติธรรมสืบไป
เรื่องราว Where is Steve Jobs นี้เป็นเพียงทรรศนะหนึ่งเท่านั้น ผู้ฟังมีสิทธิ์ที่จะเชื่อหรือไม่ก็ได้"
คลิป Case Study สตีฟ จ็อบส์ ตอนที่ 1-1 โพสต์โดยคุณ dmcupdate สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบ
คลิป Case Study สตีฟ จ็อบส์ ตอนที่ 1-2 โพสต์โดยคุณ dmcupdate สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
dmc.tv