ชา่วพุทธเชื่อกันว่า เรื่องของเนื้อคู่นั้น ไม่ใช่เรื่องที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป แต่เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับกรรมที่เคยทำร่วมกันมา เพราะตามคำสอนของพระพุทธศาสนา ความรักจะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากเหตุปัจจัยทั้งอดีตและปัจจุบันประกอบกัน การที่คนเราจะรักกันได้นั้นต้องมีเหตุ หรือมีการทำกรรมร่วมกันมา ไม่ว่าจะเป็นใครในชาติที่แล้วหรือชาตินี้ก็ตาม
นอกจากกรรมจะเป็นชนวนทำให้คนสองคนปิ้งกันแล้ว กรรมยังเป็นเครื่องจำแนกคู่ออกเป็นประเภทต่างๆ ได้อีกด้วย มาดูกันหน่อยดีไหมว่า พระท่านสอนเรื่องนี้ไว้อย่างไร
คู่ 4 แบบ
พระพุทธศาสนาสอนว่า คู่นั้นมีอยู่ด้วยกัน 4 แบบ ได้แก่
1. ศพอยู่ร่วมกับศพ หมายถึงคู่ที่ฝ่ายชายเป็นคนทุศีล ใจคอโหดร้าย ขี้ขโมย บ้ากาม ปากคอเราะร้าย และลุ่มหลงในอบายมุข ส่วนฝ่ายหญิงก็ประพฤติเช่นเดียวกัน แบบนี้เข้าข่าย ชายโฉดคบหญิงชั่ว
2. ศพอยู่ร่วมกับเทพ หมายถึงคู่ที่ฝ่ายชายเป็นคนทุศีลแบบข้อแรก แต่ฝ่ายหญิงเป็นคนดีมีศีลธรรม ซึ่งเข้าข่าย ชายชั่วคบแม่พระ
3. เทพอยู่ร่วมกับศพ หมายถึงคู่ที่ฝ่ายชายเป็นคนดีมีศีลธรรม ขณะที่ฝ่ายหญิงกลับมีพฤติกรรมเหลวแหลก เข้าข่า่ย พ่อพระคบหญิงชั่ว
4. เทพอยู่ร่วมกับเทพ หมายถึงคู่ที่ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ต่างก็เป็นคนดี มีศีลมีธรรมเสมอกัน เข้าข่าย พ่อพระคบแม่พระ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ใน 4 คู่นี้ คู่แรกกับคู่สุดท้ายเท่านั้น คือ คู่แท้ ซึ่งจะอยู่ด้วยกันยืด คบกันไปได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะคนเราจะคู่กันได้อย่างมีความสุข ต้องมีลักษณะที่สมกัน
คู่แรกร้ายด้วยกันทั้งคู่ เรียกว่าเป็น "คู่เวรคู่กรรม"
ส่วนคู่สุดท้ายดีด้วยกันทั้งคู่ เรียกว่า "คู่สร้างคู่สม"
วิธีแก้ไข ทำำอย่างไรจะเปลี่ยนจาก คู่เวรคู่กรรม เป็น คู่สร้างคู่สม
วิธีแก้ไขชีวิตให้ดีขึ้นเพื่อยกระดับคู่ตัวเองจากคู่เวรคู่กรรม หรือคู่บุญคู่บาป สู่คู่สร้างคู่สมนั้น ทำได้ด้วยการหมั่นชักชวนกันทำแต่สิ่งที่ดีๆ เพี่อยกระดับจิตของกันและกันให้สูงขึ้น บาปกรรมเก่าที่เคยทำร่วมกันมาจะได้ถูกกรรมดีในชาตินี้บังไว้ ช่วยผ่อนหนังให้เป็นเบาได้
แต่ในขณะเดียวกัน ก่อนจะทำบุญอะไรก็ต้องเตือนตัวเองไว้เสมอว่า ต้องทำเป็นแพ็คคู่เท่านั้น ถ้ายังต้องการที่จะอยู่ร่วมเป็นคู่แ้ท้ของกันและกัน เพราะหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมุทำบุญอยู่แต่เพียงฝ่ายเดียว อาการ "บุญไม่เสมอกัน" ก็จะตามมา เป็นเหตุให้ต้องพรากจากกันไปได้
นอกจากนั้นการทำบุญร่วมกันก็จะต้องมาจากความตั้งใจที่ีเสมอๆ กันด้วย ไม่ใช่ว่าฝ่ายหนึ่งตั้งใจสุดกำลังชนิดทำถวายหัว ในขณะที่อีกฝ่ายทำไปแกนๆ แบบสักแต่ว่าทำ อย่างนี้ก็เข้าข่ายศรัทธาไม่เสมอกันได้เช่นกัน
แต่หากรู้ตัวแล้วว่าเป็นคู่เวรคู่กรรมกับใคร และอยากจะหลบหลีกเขา เพราะไม่ต้องการสร้างกรรมกันต่อในชาตินี้ ให้มันยุ่งอีนุงตุงนังขึ้นอีก ท่านให้ใช้วิธีสลัดตัวให้หลุดจากบ่วงกรรมของกันและกัน ด้วยการตั้งสติให้มั่น ไม่หลงถลำไปตามอารมณ์และแรงดึงดูดทางเพศ รวมทั้งตั้งใจมั่นที่จะให้อภัยในความผิดของอีกฝ่ายอย่างบริสุทธิ์ใจ และเร่งทำความดีเพื่อถีบตัวให้กรรมตามไม่ทัน วิธีนี้จะทำให้ทั้งคุณและเขาค่อยๆ ห่างกันไปเรื่อยๆ จนหลุดพ้นจากกันได้ในที่สุด
วิธีดูเนื้อคู่มี 3 วิธี ว่าเนื้อคู่เราเปงยังไง
วิธีดูเนื้อคู่นี้ เป็นวิธีง่าย ๆ ไม่ต้องพึ่งหมอดูเลย ลองทำเองง่ายๆ ลองดูนะ
วิธีที่1
วิธีนี้เป็นวิธีที่ค่อนข้างน่ากลัว ผู้ที่รู้ตัวว่าเป็นคนขวัญอ่อนไม่ควรทำนะคะ
นำแอปเปิ้ลมา 1 ผล แล้วก็ไปนั่งหน้ากระจกแล้วปอกเปลือก โดยที่เวลาปอก เปลือกห้ามขาดนะ ปิดไฟห้อง แล้วห้ามไม่ให้ใครเข้ามายุ่งเกี่ยว มองดูตัวเองในกระจก แล้วนึกอธิฐานในว่า ขอเห็นเนื้อคู่ ขอเห็นเนื้อคู่ไปเรื่อยๆ แล้วกระจกก็จะค่อยๆเลือนลางไปเป็นรูปเนื้อคู่เรา แต่เวลาที่กระจกเลือนลางไปแล้ว ให้มองไปเหมือนเดิม อย่าตกใจแล้ววิ่งหนี ให้มองและอธิฐานตามเดิม ถ้าเห็นชัดแล้ว ก็รีบตัดเปลือกแอปเปิ้ลทันที แล้วทิ้ง( ค่อนข้างน่ากลัวหน่อยนะวิธีนี้ แต่คนขวัญอ่อน ห้ามทำโดยเด็ดขาด )
วิธีที่2
วิธีนี้ก็คล้ายๆกับวิธีที่ 1 นะ คือ ให้นั่งส่องกระจก ปิดไฟ แล้วอธิฐานตามเดิม แล้วหน้าจะค่อยๆเปลี่ยนไปเอง
วิธีที่3
เป็นวิธีที่ง่ายมากๆ และไม่น่ากลัวเลย คือ ให้ไปซื้อไข่ไก่มา โดยที่ห้ามให้คนที่เรารู้จักเห็น ยกเว้น แม่ค้า เมื่อไปซื้อแล้วก็นำมาต้ม แล้วก็อย่าให้ใครเห็นเราต้มอีก ( เออ....ลืมบอกไปว่า ไข่ต้มต้องซื้อนะ ห้ามเอาจากตู้เย็นที่มีอยู่แล้ว ) เมื่อต้มไข่เสร็จแล้วก็นำไข่ไปซุกใต้หมอน ก่อนจะนอน ให้เอาไข่ต้มมากิน กินแล้วห้ามดื่มน้ำตามนะ ห้าม!! กินแล้วให้นอนเลย พอนอนไป
ปกติคนเราเมื่อกินไข่แล้ว จะหิวน้ำ แต่นี่ไม่ได้กินน้ำ จิตใต้สำนึกของคนเราจึงคิดว่าแต่หิวน้ำ เวลาหลับไปจึงฝัน และถ้าฝันว่าใครเอาน้ำมาให้นะ นั่นแหละใช่เลย เนื้อคู่เรา หุหุหุ ลองทำดูนะจ้ะ วิธีนี้ ไม่น่ากลัวเลย
ไม่รู้จริงหรือเปล่านะครับยังไม่เคยลองเหมือนกัน