เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 20 ส.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รอง ผบช.ภาค 5 เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.สุรชัย ศุภยศอมร ผกก.สภ.แม่อาย เชียงใหม่ ว่า มีเหตุแม่ฆ่าลูกน้อยวัย 2 ขวบ และขวบคุรึ่ง อย่างโหดเหี้ยมและนำมาทำอาหาร ซึ่งถือเป็นคดีสะเทือนขวัญอย่างมาก ตนได้สั่งการให้ทางตำรวจ สภ.แม่อาย เชียงใหม่ ทำการตรวจสอบและสอบปากคำอย่างละเอียด ในคดีนี้ โดยทางตำรวจได้ทำการควบคุมตัวผู้เป็นแม่มาทำการเช็กประสาท ว่ามีสติสมประกอบหรือติดยาเสพติดหรือไม่
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อกลางดึกคืนวันที่4 ส.ค.55 ที่ผ่านมา ร.ต.อ.สัมพันธ์ โยธิน ร้อยเวรสภ. แม่อาย จ.เชียงใหม่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านมีเหตุหญิงฆ่าหั่นศพบุตร 2 คนซึ่งเป็นเด็กวัย 5 ขวบและขวบครึ่ง เหตุเกิดภายในบ้านชาวเขาเผ่ามูเซอ พื้นที่บ้านป่าแดง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม เจ้า หน้าที่ชุดสืบสวน ทีมแพทย์โรงพยาบาลแม่อาย เจ้าหน้าที่กู้ภัยแม่อาย
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบว่าหญิงดังกล่าวกำลังนอนหลับห่มผ้าข้างกายมีกองซากศพเด็ก 2 คน ชิ้นส่วน แขนขาวางกองเกลื่อนอยู่กับพื้น เลือดไหลนองพื้นไปทั่ว ส่วนศีรษะของเด็กถูกแขวนไว้ใกล้กับกองศพ นอกจากนั้นยังพบมีดขนาดยาวกว่า 1 เมตรเปื้อนเลือด 3 เล่มวางไว้บนเขียง ภายในห้องครัวพบหม้อต้ม เครื่องในที่สุกแล้ว 1 ใบ คาดว่าจะเป็นเครื่องในหรืออวัยวะของเด็กทั้งสองคน จึงได้ควบคุมตัวหญิงดัง กล่าวไว้ทราบชื่อ น.ส.นาไหม จะกู่ อายุ 26 ปี เป็นชนเผ่ามูเซออยู่บ้านเลขที่ที่เกิดเหตุ 338 หมู่ 10 บ้านป่าแดง ต.บ้านหลวง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
จากการตรวจสอบกองซากศพที่ถูกสับจนแหลกเหลว ทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมชิ้นส่วนก็พบว่าเป็นซากศพของ ด.ญ.การัญญา จะกู่ อายุ 5 ขวบ และด.ญ.เพ็ญนภา จะกู่ อายุ 2 ขวบ ซึ่งเป็นลูกสาวของน.ส.นาไหม เอง นอกจากนั้นในห้องครัวยังพบเครื่องในของเด็กทั้งสองถูกใส่ลงในหม้อเพื่อเตรียมทำต้มแซ่บ จึงยึดไว้เป็นหลักฐานทั้งหมดแล้วส่งให้ แพทย์ทำการตรวจสอบ
ด้านผู้นำหมู่บ้าน, ชุด ชรบ. และนางนาสี จะกู่ เจ้าของบ้านได้ให้การว่า ในเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันเดียวกันนี้ นางนาสี จะกู่ มารดาของ น.ส.นาไหม ผู้ก่อเหตุ ได้ยินเสียงคนใช้มีดฟันอะไรบางอย่างในห้องนอนของน.ส.นาไหม จึงลุกไปดูและเห็น น.ส.นาไหม กำลังใช้มีดขนาดใหญ่ ซึ่งปกติใช้ผ่าฟืน ฟันเข้าที่คอด้านหลังของ ด.ญ.การันญา อายุ 5 ปี และ ด.ญ.เพ็ญนภา จนคอขาด นางนาสี จึงวิ่งไปแจ้งให้เพื่อนบ้านมาช่วย และชาวบ้านได้โทรศัพท์แจ้งเหตุให้ตำรวจทราบ
ด้าน พ.ต.อ.สุรชัย เผยว่าคดีนี้เบื้องต้นได้เชิญทนายความมาร่วมสอบปากคำแล้ว ทราบว่าน.ส.นาไหม เป็นคนวิกลจริตเพราะจากประวัติทางการแพทย์พบว่า เมื่อปี 2550 ได้เข้าทำการรักษาที่โรงพยาบาลสวนปรุง อ.เมืองเชียงใหม่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้รับการรักษาและ ไปรับยากินระงับอาการทางประสาทผ่านทางโรงพยาบาลฝาง และใช้ชีวิตตามปกติโดยช่วยสามีรับจ้าง เก็บลำใยที่ จ.ลำพูน กระทั่งยาหมดไม่ได้กินมา 1-2 เดือนและไม่ยอมไปหาหมอเพราะคิดว่าตัวเองหาย ดีแล้ว
จากการตรวจสอบประวัติของคนในครอบครัวดังกล่าวก็ไม่พบว่ามีการเสพหรือค้ายาบ้าใดๆซึ่งทางแพทย์จากโรงพยาบาลฝางที่รักษาแจ้งว่าผู้ป่วยทางจิตรายนี้มักมีอาการหลอนและหูแว่วกลัวว่าจะมีคนมาทำร้าย โดยก่อนเกิดเหตุ คาดว่า น.ส.นาไหม คิดว่าลูกทั้งสองเป็นหมูที่เลี้ยงไว้ และต้องประกอบอาหาร และอาจเกิดภาพหลอน จึงได้ก่อเหตุขึ้น ซึ่งตอนนี้ทางเราได้แจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และได้ทำเรื่องจากการฝากขัง ส่งไปทำการรักษาที่โรงพยาบาลสวนปรุงก่อนเพื่อให้แพทย์ พิจารณาว่าวิกลจริตจริงหรือไม่ หรืออาจจะเสพยาแล้วเป็นบ้า ตรงนี้้เราก็ขอตรวจสอบอีกระยะหนึ่ง