หากผู้หญิงจะอยู่ในโลกของผู้หญิงเพียงฝ่ายเดียวและรอให้ผู้ชายเดินเข้ามาทำความรู้จัก รัก และขอแต่งงานกับเธอโดยที่ไม่ยอมเปิดออกไปทำความเข้าใจกับโลกของผู้ชายบ้างก็คงเป็นเรื่องยากที่จะรักษาความสัมพันธ์นั้นให้ยืนยง โอกาสนี้เราขอนำเทคนิคง่าย ๆ เกี่ยวกับความเข้าใจผู้ชายมาตรฐานมาบอกเล่าให้ฟังกัน...
1. หากจะชม ขอคำชมแบบที่ผู้ชายชอบ
แม้ว่าเขาจะเป็นคุณพ่อที่แสนดี ช่วยดูแลลูก ๆ ล้างห้องน้ำให้ ทำอาหารอร่อย แต่ผู้ชายส่วนมากไม่ต้องการฟังคำสรรเสริญ หรือการยกย่องที่ฟังดู "พิเศษ" จนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำชื่นชมที่ฟังดูคล้าย ๆ กับการชมของเด็กผู้หญิง เช่น น่ารักที่สุด แต่จะดีกว่ามาก หากชมหรือแสดงออกให้เขารับรู้ว่า เขานั้นดีกว่าผู้ชายคนอื่น ๆ อย่างไร และทำไมคุณถึงเลือกเขามาใช้ชีวิตร่วมกัน การชื่นชมยินดีต่อกัน มันก็เป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีต่อกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
2. ถ้าเขาเล่าสิ่งต่าง ๆ ให้คุณฟัง ก็เพราะเขา "ไว้ใจ"
ความไว้ใจเป็นสิ่งที่ผู้ชายมักจะมอบให้กับผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขา และนั่นนำมาซึ่งการเล่า - แสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ อย่างตรงไปตรงมา (บางครั้งก็มากจนเกินไป) เช่น เขาอาจพูดถึงครอบครัวของคุณให้คุณฟังว่า ทำไมเขาถึงรู้สึกเบื่อเวลาที่พ่อแม่ของคุณเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตคู่มากนัก ทำไมเขาถึงไม่ชอบเพื่อนสนิทของคุณ ฯลฯ แต่ในทางตรงกันข้าม กับคนที่เขาไม่ให้ความสำคัญ เขาอาจไม่มีพฤติกรรมดังกล่าวปรากฏให้เห็น หากมีเรื่องยุ่งยากเข้ามา เขาอาจโกหกใส่คนเหล่านั้นไปเสียเลย ไม่มีทางที่จะเล่าหมดเปลือก หรือพูดจาตรงไปตรงมาเช่นนี้กับใครอีก และนี่คือสิ่งที่ผู้ชายอยากให้คุณมองเป็นข้อดีของเขา เข้าใจเขาว่าเขามอบความไว้ใจให้กับคุณหรอก เขาถึงกล้าพูดมันออกมา
คุณเองต้องเข้าใจด้วยนะว่า ผู้ชายเขาก็อ่อนไหวได้ เขาก็อยากที่จะระบายด้วยเช่นกัน ถ้าคุณไม่เข้าใจเขาอย่าให้เขาต้องเลือดเย็นกับคุณก็แล้วกัน
3. อย่าชมชายอื่นให้ได้ยินเด็ดขาด
หากมีผู้ชายแสนดีมารับบทสามีให้คุณแล้ว การที่ภรรยาออกปากชมผู้ชายคนอื่นให้เขาฟังต่อหน้าจะกลายเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจเขาอย่างมาก และอาจทำให้เขาแปลเจตนาคุณผิดพลาด โดยเขาอาจมองว่าคุณอยากให้เขาเป็นแบบผู้ชายคนนั้น มีความสามารถแบบผู้ชายคนนั้น นั่นทำให้เขาเจ็บปวดกับสิ่งที่คุณทำ เพราะมันหมายความว่า คุณไม่ได้รักเขาในแบบที่เขาเป็น (แล้วมาคบกันหาพ่อเธอหรอ!!)
4. ให้เขามีสังคมมากกว่าคุณ
ผู้ชายเป็นนักสังคม หากการสังสรรค์กับเพื่อนฝูงก็ไม่ได้ทำให้สถานะทางการเงินของครอบครัวสั่นคลอน เขาก็อยากให้คุณปล่อยเขาออกไปเริงร่าบ้าง โดยเฉพาะผู้ชายที่ชอบสังคม - มีเพื่อนฝูงเยอะ การปล่อยให้เขาได้ออกไปมีกิจกรรมกับเพื่อน ๆ ห้ามกีดกันเขาโดยเด็ดขาด เหมือนการปล่อยให้เขาไปรีเฟรชตัวเอง ซึ่งผู้ชายหลายคนเชื่อว่า จะทำให้เขากลับมา "เต็มที่" กับครอบครัวและภรรยามากขึ้น
5. มีความสม่ำเสมอในบทบาทของตนเอง
ความแตกต่างระหว่างชายกับหญิงเป็นสิ่งที่ประสานให้คนสองคนมาอยู่ร่วมกันได้ หากผู้ชายไม่ชอบความอ่อนหวาน เขาคงไม่แต่งงานกับคุณ เขาคงจะแต่งงานกับผู้ชายด้วยกันไปแล้ว ดังนั้นรักษาความเป็นผู้หญิงของคุณเอาไว้ให้ดี ๆ เพราะหลายคู่หลายครอบครัว ใช้ชีวิตร่วมกันนานวันไปก็มักจะสลับบทบาท ปล่อยให้ฝ่ายภรรยากลายเป็นคนก้าวร้าว ชอบพูดจาหยาบคาย ขณะที่่ฝ่ายสามีก็หงอลงทุกวัน ๆ ไม่มีปากมีเสียง จนกระทั่งเขาต้องใช้ไม้ตายใส่คุณ และทำให้คุณตายด้วยจิตใจและร่างกายได้ด้วยน้ำมือของเขาเองอย่างที่เป็นข่าวบ่อยๆ หลายคนมักโทษผู้ชาย แต่หารู้ไม่ว่า เขาอาจจะกดดันเหมือนภูเขาไฟพอปะทุขึ้นมาสามารถเผาผลาญคนข้างกายให้แหลกเป็นธุลีดินได้เลย ถ้าหากไม่ทราบจะกลับไปสู่วันวานนั้นได้อย่างไรก็ลองนึกถึงวันแรกที่คบกัน ความเอาใจใส่ ความสวยงามของสิ่งที่คุณทำให้เขา
6. เขาไม่พอใจที่คุณใช้ความคิดของพวกผู้หญิงมีปัญหาชีวิตมาใช้กับเขา
สื่อสมัยนี้มันมีเยอะ ทั้งทางจอทีวี ทางหนังสือ บางคนออกสื่อ ชี้นำหรือพูดพาดพิงผู้ชายไปในทางไม่ดี ในความคิดที่มีเหตุผลของผู้ชายแล้ว เขาไม่ใส่ใจในเรื่องไร้สาระหรอก เขามองแค่ "มันเป็นอารมณ์ผู้หญิงเท่านั้น" แต่การที่คุณจะมีครอบครัวต้องอยู่กับผู้ชายจริงๆ โลกแห่งความจริงจึงขัดแย้งกับโลกสวย โลกที่คุณเคยรับรู้จากผู้หญิงที่มีปัญหาชีวิตแล้วออกมาระบายดั่งท่อระับายน้ำทิ้ง ความรู้สึกของคุณมันจึงสะท้อนออกมาทางอารมณ์ที่อยู่เหนือเหตุผล ถ้าไม่บ่อยครั้งผู้ชายอาจพอรับได้ แต่ถ้านานๆเข้าหลายๆครั้ง ผู้ชายเขาไม่ทนคุณหรอก เผลอๆเขาจะดูถูกและเบื่อคุณด้วยซ้ำ เพราะคุณทำตัวเอง
ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุึด อย่าเสพสื่อกับบุคคลที่มีปัญหาชีวิต ควรมีสติเหตุผลต้องมาก่อน และอย่ามาอคติต่อผู้ชายให้มันมากนัก ถ้าคุณยังมีอยู่คุณควรหันไปเล่นดนตรีไทยแล้วอย่ามาข้องแวะกับผู้ชายเลย ง่ายที่สุึด
7. ห้ามโต้เถียงกับผู้ชาย
สิ่งหนึ่งที่ภรรยามักจะตำหนิสามีก็คือ การที่ผู้ชายไม่ชี้ลงไปชัด ๆ ว่าสิ่งนั้น ถูกหรือผิด ชอบหรือไม่ชอบ ดีหรือไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาที่ชวนไปช้อปปิ้งด้วยกัน แล้วต้องลองเสื้อ เมื่อฝ่ายหญิงขอความเห็นจากสามีให้ช่วยตัดสินใจให้ (ทั้ง ๆ ที่พวกเธอก็มีตัวเลือกในใจอยู่แล้ว) แต่พอได้ยินเขาบอกว่ามันดีทั้งคู่ อารมณ์ของเธอก็มักคุกรุ่นพร้อมแปลงร่าง ซึ่งสำหรับผู้ชายแล้ว การตอบแบบนั้นเพราะเขาเป็นผู้ชาย อาจฟังดูเหมือนการตอบแบบกำปั้นทุบดิน แต่ผู้ชายเขาอธิบายว่า เป็นเพราะเขาต้องการให้ผู้หญิงที่เขารักได้สิ่งที่ชอบมากที่สุด ได้รับการเติมเต็มทางจิตใจในสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุด ไม่ใช่ซื้อเพราะเขาบอกว่าสวย ทางออกสำหรับภรรยาชอบถามก็คือ หากพบว่าสามีเป็นเช่นนี้ ก็ควรตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ตนเองต้องการที่สุดไปเลย เพื่อเลี่ยงการขัดแย้ง
8. เขาไม่ชอบเป็นผู้แพ้
อย่าปล่อยให้ความรู้สึกแพ้เข้าครอบงำสามีของคุณ เพราะผู้ชายมักจะไม่ชอบเป็นฝ่ายแพ้เท่าไรนัก แม้ภายนอกของเขาอาจดูเป็นคนเฉื่อยชาก็ตาม การที่เขาได้ชนะหรือประสบความสำเร็จในบางสิ่งจะทำให้เขามีชีวิตชีวามากขึ้น แต่ถ้าคุณอยากจะแข่งหรือเอาชนะเขา บอกได้คำเดียวว่า เลิกกัน แล้วทีนี้คุณอย่ามาว่าเขาทีหลังล่ะ เพราะตัวคุณทำตัวเอง ผู้หญิงมีความอดทนมากกว่าก็จริงดังนั้นผู้ชายเขาจึงอดทนน้อยกว่าและไม่ทนคุณ นานหรอก ดีไม่ดีเขาถูกกดดันมากเข้า เขาจะทำร้ายคุณก็ได้ จริงไหม
9. อย่าบ่นเขาในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
มีหลายครอบครัวที่ฝ่ายภรรยาเป็นคนเจ้าระเบียบ ยึดมั่นถือมั่นกับกฎในบ้านที่ตั้งขึ้น (ซึ่งบางครั้งก็เป็นเรื่องจุกจิก) ขณะที่ฝ่ายสามีมักตกเป็นจำเลยผู้ชอบละเมิดกฎระเบียบเหล่านั้น จนทำให้บ้านร้อนเป็นไฟ ยกตัวอย่างเช่น การเข้าห้องน้ำแล้วไม่ยอมปิดฝาชักโครกลงตามเดิม หยิบของมาใช้แล้วเก็บไม่เป็นที่ เล่นของเล่นกับลูกแล้ววางระเกะระกะให้ภรรยามาตามเก็บแทน แม้จะฟังแล้วน่าเหนื่อยใจ แต่ผู้ชายก็อยากให้มองเขาในแง่ดี (อีกเช่นเคย) ว่า แม้เขาจะเล่นของเล่นแล้วเก็บไม่เป็นที่ แต่เขาก็รับผิดชอบ ช่วยงานบ้านด้วยดีเสมอ เช่น ตัดหญ้าในสนามหน้าบ้านจนเรียบ หรือช่วยกรอกน้ำ - ซักผ้าให้คุณ
ว่าแต่คุณเองเหอะมีดีแค่ไหนกันเชียว ลองมองย้อนตัวเองดูบ้างก่อนที่จะไปว่าเขา
10. เขาก็รับบทพ่อที่ดีได้เหมือนกัน
เป็นความเชื่อที่ล้าสมัยเอามาก ๆ กับการมอบบทบาทการเลี้ยงลูกให้เป็นของฝ่ายหญิงแต่เพียงผู้เดียว ผู้ชายสมัยนี้ก็พร้อมและสนุกที่จะได้เลี้ยงลูกเช่นกัน ซึ่งมันจะดีมากกับพัฒนาการของเด็ก การได้สนิททั้งกับพ่อและแม่ ลูกก็จะได้เรียนรู้บทบาทของทั้งสองเพศ และสามารถแสดงออกต่อเพศตรงข้ามได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เพราะฉะนั้น ยุคนี้ เป็นยุคของพ่อที่ดีที่พร้อมช่วยเลี้ยงลูกกันแล้วล่ะ
เลิกความคิดโง่ๆที่ลูกเป็นของแม่ซะ เพราะว่าถ้าลองมองกันจริงๆ ผู้ชายต่างหากเป็นคนที่จะเลือกจะให้เขาเกิดมา ถ้ามองกันตรงๆ ผู้หญิงมีหน้าที่แค่ "ที่รับน้ำ" แล้วทำหน้าที่เป็นธนาคารฝากเงินเมื่อครบกำหนดฝาก เจ้าของเงินเขาก็ต้องมาถอนเงินออกไป ดังนั้น เลิกคิดแต่เรื่องโง่ๆ หันมาสร้างครอบครัวที่ดีสมบูรณ์จะดีกว่า