ภายในคลองชลประทานพบศพ นายกระเสริญ ทองใบ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 ม.1 ต.หันสัง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา สภาพศพคว่ำหน้าลอยอืดส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณสวมกางเกงกีฬาผ้าร่วมขาสั้นสีดำ สวมเสื้อโปโลสีดำ มีแผ่นไม้กระดานเสียกับพื้นดินกดทับศพอยู่ จึงนำศพขึ้นมาชั้นสูตร พบว่ามีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าที่บริเวณศรีษะ จนเป็นรูขนาดใหญ่ ที่ต้นแขนซ้ายลำตัว มีรอยถูกกระสุนปืนลูกซองจำนวนหลายรู ภายในตัวพบกระเป๋าเงินภายในมีเงินสดประมาณพันกว่าบาท

 

สอบสวนนางขนิษฐา ทรัพย์ล้อม อายุ 42 ปี ภรรยาผู้ตาย กล่าวว่าสามีของตนเองทำงานเป็นพนักงานบริษัท เอสเอส เค ออโต้ลีส ผลิตเบาะรถยนต์ ก่อนที่จะหายตัวไปสามีของตนได้นำรถยนต์กระบะโตโยต้าไมตี้เอ็กซ์ สีขาวหมายเลขทะเบียน บต-2597 พระนครศรีอยุธยา ไปให้นายสิทธิผล หรือเอ็ม มีทอง อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นช่างในหมู่บ้านเพื่อเปลี่ยนผ้าเบรก จากนั้นตนเองและสามีได้พยายามทวงถามรถยนต์ที่นำไปซ่อมหลายครั้งนายเอ็มบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด ตนเองและสามีได้ติดตามไปที่บ้านของนายเอ็มก็ไม่พบรถยนต์กระบะของตน นายเอ็มอ้างว่ารถยนต์กระบะของสามีต้องซ่อมเปลี่ยนหลายอย่างได้เอาไปให้อู่ช่างตุ้มซ่อม ซึ่งอยู่ใกล้กับ สภ.มหาราช

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ส.ค. เวลาประมาณ 2 ทุ่ม นายเอ็มได้นัดกับสามีของตนเองว่าจะมารับเพื่อไปรับรถที่อู่ช่างตุ้ม จากนั้นได้สามีของตนได้หายตัวไปและไม่กลับมาอีกเลย ตนเองจึงได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.บางปะหัน จนมาช่วงเช้าวันนี้มีคนมาบอกว่าพบศพถูกฆ่าทิ้งจึงเดินทางมาดูพบว่าเป็นสามีของตนเอง เชื่อว่านายเอ็มและนายตุ้ม ต้องเป็นฆ่าสามีของตนเองอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้นายเอ็ม เคยมีประวัติเอารถของลูกค้าที่มาซ่อมแล้วนำรถยนต์ไปขาย แล้วถึง 2 คัน อยู่ระหว่างการดำเนินคดี ตนเองเห็นว่ามีบ้านใกล้เคียงกันและเป็นในหมู่บ้านเดียวกันไม่คิดว่าจะมาทำกันขนาดนี้

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวพยานรายหนึ่งไปสอบสวนซึ่งรู้จักนายตุ้ม ได้ให้ข้อมูลว่านายตุ้มได้โทรศัพท์เข้ามาบอกว่า ตนเองไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องรถยนต์กระบะหาย เพราะทราบว่ามีคนไปติดตามหารถยนต์ที่อู่ ถูกนายเอ็มอ้างถึงตนขณะนี้อยู่ต่างจังหวัด

 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่านายเอ็มน่าจะนำรถยนต์ของนายกระเสริญไปขายแล้วเมื่อถูกนายกระเสริญทวงถามหลายครั้งและถูกต่อว่าต่างๆนาจึงลวงนายกระเสริญ ออกมาสังหารก่อนที่จะนำศพมาทิ้งบริเวณที่เกิดเหตุ