วันที่ 17 ส.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน ผกก.1 บก.ปคม. ร่วมแถลงข่าวจับกุม นางโนติร่า นาโกดเจอีว่า อายุ 28 ปี นางโกเลีย หรือกูลโนรา บูตาอีว่า อายุ 50 ปี และนางอาซีซ่า หรือโรบิย่า เกอโบโนว่า อายุ 52 ปี ทั้งหมดสัญชาติอุซเบกิสถาน ซึ่งถูกจับกุมพร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีรายรับรายจ่าย หนังสือเดินทางอุซเบกิสถาน 2 เล่ม ได้ที่โรงแรมเกรซ ถนนสุขุมวิท ซอย 3 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม.

พล.ต.ต.ชวลิต เปิดเผยว่าคดีนี้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ได้ประสานงานมายัง บก.ปคม.ว่ามีผู้เสียหายรายนึง เป็นหญิงสาวชาวอุซเบกิสถาน ถูกหลอกมาจากประเทศ และถูกบังคับให้ค้าประเวณีอยู่ที่โรงแรมเกรซ ย่านซอยนานา จึงได้สืบสวนสอบสวนจนทราบว่าผู้เสียหายได้ถูกนางโนติร่า และพวก ซึ่งหลอกว่าจะพาไปทำงานเป็นลูกจ้างในร้านอาหารที่ประเทศรัสเซีย เพื่อที่จะทำงานหาเงินใช้หนี้

ต่อมาปรากฎว่าผู้เสียกลับถูกพาตัวมาบังคับค้าประเวณีที่ประเทศไทยแทน โดยกลุ่มผู้ต้องหาจะคอยจัดหาลูกค้าชาวตะวันออกกลาง เพื่อให้มาใช้บริการ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงรวบรวมหลักฐาน ก่อนไปขออนุมัติหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อดำเนินคดีข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี และเข้าจับกุมดังกล่าว เบื้องต้นจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสท จึงส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ต.ชวลิต กล่าวต่อว่านอกจากนี้ภายหลังการจับกุม ยังมีการขยายผลการดำเนินคดี โดยได้เข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 1901 ชั้น 19 โรงแรมออมนิ ทาวเวอร์ ถนนสุขุมวิท ซอย 4 แขวงและเขตคลองเตย ก็ยังพบผู้เสียหายสัญชาติเดียวกันกับผู้เสียหายอีกหลายรายด้วย จึงได้ช่วยเหลือเพื่อส่งตัวกลับประเทศต่อไป

พล.ต.ต.ชวลิต เปิดเผยต่อไปอีกว่าส่วนกรณีที่มีหญิงสาวชายไทยกลุ่มหนึ่ง ที่ถูกหลอกพาตัวตัวไปค้าประเวณีอยู่ที่ประเทศบาห์เรน ได้เขียนจดหมายของความช่วยเหลือมายังเจ้าหน้าที่ของไทย ซึ่งคดีนี้ทาง ปคม.ได้รับเรื่องไว้แล้ว แต่เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นอยู่นอกราชอนาจักรไทย จึงเป็นเจ้าหน้าที่ของตำรวจสากล หรืออินเตอร์โปลฯ และเจ้าหน้าที่สถานทูตไทย กำลังเร่งให้ความช่วยเหลือ เพื่อที่จะพาตัวออกมา ซึ่งหลังจากช่วยเหลือกลับมายังประเทศไทยได้แล้ว ทางตำรวจ บก.ปคม.ก็จะตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป