“อ้วนขึ้นหรือเปล่าเนี่ย” เป็นคำทักที่คงไม่มีใครอยากได้ยิน โดยเฉพาะคุณสาวๆ ทั้งหลาย จริงๆ แล้ว เรื่องของความอ้วนนั้นไม่ได้มีความสำคัญกับสาวๆ เท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่ทุกเพศทุกวัยควรใส่ใจ เพราะความอ้วนเป็นที่มาของโรคร้ายสารพัด แถมยังทำให้รู้สึกอืดอาด จะทำอะไรก็ไม่คล่องตัวอีกด้วย
ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องรอจนมีใครทักหรอกค่ะ หันมาสังเกตตัวเองก่อนว่า ตอนนี้ “อ้วนหรือยัง?” แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า อ้วนแล้ว! เรามีวิธีวัดความอ้วนแบบง่ายๆ มาฝากกัน
วิธีที่ 1
วัดความอ้วนด้วยค่าดัชนีมวลกาย ตามสูตร น้ำหนัก (กก.) / ส่วนสูง (ม.) x ส่วนสูง (ม.)
เช่น น้ำหนัก 50กก. สูง 1.60เมตร จะได้ค่าดัชนีมวลกาย = 50/1.6x1.6 = 19.5กิโลกรัมต่อตารางเมตร
ถ้าได้ค่าน้อยกว่า 18.5แปลว่า คุณมีรูปร่างที่ผอม
ถ้าได้ค่า 18.5 – 22.9แปลว่า คุณมีรูปร่างสมส่วน
ถ้าได้ค่า 23 – 24.9แปลว่า คุณเริ่มอ้วนแล้ว
ถ้าได้ค่าตั้งแต่ 25แปลว่า คุณมีรูปร่างที่อ้วนแล้วล่ะสิ!
วิธีที่ 2
วัดพุงวิธีง่ายๆ ใช้สายวัดรอบเอวตัวเองโดยไม่รัดแน่นจนเกินไปหรือหลวมจนเกินไป และต้องวัดผ่านบริเวณสะดือ ซึ่งสำหรับผู้ชายที่มีรอบเอวมากกว่า 36นิ้ว และผู้หญิงที่มีรอบเอวมากกว่า 32นิ้ว ถือว่าคุณมีพุง นั่นคือ คุณอ้วนแบบลงพุงแล้วจ้า!
คนอ้วนส่วนใหญ่มักจะมีร่างกายไม่ “ฟิต” อันนี้ไม่ได้หมายความว่าใส่เสื้อผ้าแล้วฟิตปั๋ง (เพราะนั่นอาจหมายความว่าคุณอ้วนได้เหมือนกัน) แต่ความไม่ฟิตในที่นี้ หมายถึง การเหนื่อยง่าย ความคล่องตัวในการทำกิจกรรมต่างๆ ลองทดสอบความฟิตของตัวเองดู หากคุณเดินขึ้นบันได 2ชั้นได้สบายๆ ไม่เหนื่อยจนหอบ หรือเดินเร็ว 15นาที ให้ได้ระยะทาง 1.6กิโลเมตร หรือนับลมหายใจใน 1นาที ได้น้อยกว่า 21ครั้ง ถ้าทำได้อย่างนี้แสดงว่า ร่างกายคุณฟิตและแข็งแรงดีทีเดียว
Tips : เริ่มต้นการกินดี อยู่ดี ป้องกันความอ้วนมาเยือน ด้วยการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เลือกเมนูหรือสูตรอาหารที่มีส่วนผสมจำพวกธัญพืชไม่ขัดสี หรือโฮลเกรน อย่างเช่น ซีเรียลโฮลเกรน ข้าวกล้อง รับประทานผักสด และผลไม้ รวมกันให้ได้วันละไม่น้อยกว่า 400-500กรัม และออกกำลังกายสม่ำเสมอวันละ 30นาที สุขภาพดีก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วค่ะ