P { margin: 0px; }
ร่วมเกาะขบวนกับ ตรีเพชรอีซูซุ ที่ปิดท้าย “อีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล คาราวานสัญจร ปี 2012” บนเส้นทางสุดระทึก ระหว่างประเทศไทยสู่ สปป.ลาว เข้าชมเมืองเชียงขวาง-หลวงพระบาง-วังเวียง-เวียงจันทน์ สัมผัสศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี อาหารการกิน และไมตรีจิตระหว่างสมาชิกและมิตรต่างแดน เรียกว่าเก็บเกี่ยวทุกความทรงจำกลับบ้านอย่างเต็มเปี่ยม
ขบวนคาราวานอีซูซุ
เส้นทางท้ายสุดประจำปีนี้ เราออกเดินทางจากโชว์รูม ห.จ.ก.เฮียบหงวนมิลเลอร์ สาขาหนองคาย มีสมาชิกประชาคมอีซูซุตบเท้าเข้าขบวนจำนวน 26 คัน ได้รับเกียรติจาก มร.เอ.สุกียาม่า ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายขายดีลเลอร์ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด คุณธัญภา นิโครธานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.สำนักงานหนองคาย และคุณวิวัฒน์ เมธีวรรณกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ร่วมตีธงปล่อยขบวนคาราวาน มุ่งสู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อผ่านพิธีการเข้าสู่ สปป.ลาว แล้วเรียงลำดับหมายเลขรถขับผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 เก็บภาพบรรยากาศแม่น้ำโขงสองข้างทาง ก่อนเข้าสู่ตัวเมืองลาวอย่างเป็นทางการ
มุ่งสู่เมืองโพนสะหวัน
สิ่งแรกที่สมาชิกประชาคมอีซูซุในขบวนต้องปรับตัวทันที คือการขับรถชิดขวา เลี้ยวซ้ายก็ต้องชิดขวา มุ่งสู่เมืองโพนสะหวันเป็นจุดหมายแรก โดยใช้เส้นทางนอกเมืองเป็นถนน 2 เลนสวนทางแบบลาดยางที่บางช่วงก็เป็นหลุมบ่อขรุขระ แล้วมาแวะรับประทานอาหารกลางวันแบบลาวมื้อแรกที่วังเวียง
เขานมสาว
ต่อจากนั้นเราออกเดินทางผ่านเขาสุดคดโค้ง ระหว่างทางได้ไกด์สาวชี้ชวนให้ดู “เขานมสาวและเขาอ้าปาก” 2 ขุนเขาเรียงเคียงคู่รูปร่างแปลกตา ก่อนที่ขบวนจะได้รับแจ้งข่าวจากทีมล่วงหน้าที่นำร่องขึ้นไปก่อนว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน บริเวณอำเภอกาสีมีดินถล่มขวางเส้นทาง รวมทั้งมีรถบรรทุกใหญ่ที่พยายามขับผ่านบริเวณดังกล่าวจนดินติดล้อและไม่สามารถเคลื่อนตัวได้ เลยจอดขวางเส้นทางซ้ำอีก
ทีมงานคาราวาน อีซูซุซึ่งนำโดย"น้าเดช" ไม่ใช่ "ณเดช" คือ คุณพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ" ผู้อำนวยการจัดคาราวาน จึงแก้ปัญหาด้วยการส่งทีมไปช่วยนายทหารลาวเคลียร์เส้นทาง ทั้งขุดดินและผูกวินซ์เพื่อขยับรถบรรทุก เวลาผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง ระหว่างนั้นขบวนคาราวานที่ติดอยู่เกือบร้อยชีวิตด้านล่าง พักรองท้องกันไปก่อนเท่าที่มีด้วยข้าวไข่เจียว ก๋วยเตี๋ยวจนเกลี้ยงร้านอาหารข้างทาง
รอฝ่าดินถล่ม
เมื่อได้รับสัญญาณขบวนคาราวานอีซูซุก็เคลื่อนขบวนอย่างช้าๆขึ้นเขาฝ่าทะเลโคลนที่ถล่มลงมาทีละคัน เพราะด้านข้างซ้ายเป็นเหวลึก จนสามารถผ่านอุปสรรคเดินทางถึงจุดหมายที่เมืองโพนสะหวันกลางดึกถึงแม้จะเลยกำหนดการที่วางไว้ร่วม5ชั่วโมง แต่สมาชิกคาราวานก็ยังคงมอบรอยยิ้มแล้วบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่เป็นไร อุปสรรคมีไว้แก้ไข” โดยเฉพาะข้าวไข่เจียวร้อนๆที่แสนวิเศษระหว่างรอ นับเป็นแผนสำรองและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของทีมงานมืออาชีพจริงๆ
เมืองโพนสะหวัน
เช้าอันสดใสที่ “เมืองโพนสะหวัน” จังหวัดเชียงขวาง โอบล้อมด้วยทิวทัศน์ของขุนเขาและผืนนาเขียวชอุ่ม อากาศเย็นสบาย หลังจากสูดอากาศอันบริสุทธิ์กันเต็มปอดแล้วก็ออกเดินทางไปชมความมหัศจรรย์ของ “ทุ่งไหหิน” แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดเชียงขวาง พื้นที่ที่เต็มไปด้วยไหหินรูปร่างแปลกตาขนาดต่างๆ กว่า 380 ใบ สันนิษฐานกันว่าเป็นไหหินโบราณที่สกัดมาจากหินทรายท้องถิ่นเพื่อไว้ใช้บรรจุศพในอดีต หรือไหหมักเหล้าของเจ้าเมืองสมัยก่อน
ทุ่งไหหิน
บรรดาสมาชิกคาราวานต่างตื่นตาพร้อมถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน ก่อนลาจากทุ่งไหหิน เราแวะเก็บพลังงานกับอาหารพื้นบ้านที่เมืองกิ๋วกะจำ เพื่อตะลุยขุนเขากว่า 3,800 โค้งสู่จุดหมายต่อไปที่ “เมืองหลวงพระบาง” เมืองมรดกโลกอันมีชื่อเสียงของ สปป.ลาว ที่ยังคงสถาปัตยกรรมดั้งเดิมอันงดงาม อีกทั้งยังมี “ถนนคนเดิน” ให้สมาชิกได้จับจ่ายใช้สอยอุดหนุนสินค้าพื้นเมือง ทั้งผ้าซิ่น ผ้าถุง และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผ้าที่สาวชาวลาวนั่งถักทอกันแบบสดๆ วางขายกันเป็นทิวแถวเป็นของขวัญของฝากกันแบบเต็มไม้เต็มมือ
ตักบาตรข้าวเหนียว
ไฮไลท์ในเช้ารุ่งที่หลวงพระบาง และเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกคนทุกชาติที่ไปเยือน คือ การร่วมทำบุญ “ตักบาตรข้าวเหนียว” เพื่อเป็นศิริมงคลตามประเพณีของชาวหลวงพระบาง ซึ่งทุกๆ เช้าจะมีพระภิกษุสงฆ์ออกมารับบิณฑบาตกว่า 300 รูป เป็นการปั้นข้าวเหนียวก้อนเล็กๆ ใส่ในบาตรพระสงฆ์ ส่วนอาหารคาวชาวบ้านจะนำไปถวายพระสงฆ์กันที่วัด หลังอิ่มบุญกันแล้วเราไปอิ่มตาอิ่มท้องกันที่ “ตลาดเช้าหลวงพระบาง” มีอาหารเช้าและอาหารพื้นบ้านนานาชนิดเรียงรายในซอยแคบๆ ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวหลวงพระบางอย่างเด่นชัด
ตลาดเช้าหลวงพระบาง
ที่พลาดไม่ได้เป็นร้านกาแฟโบราณ ชื่อ“ประชานิยม” เพิงร้านกาแฟเล็กๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่ เป็นสถานที่ที่ทั้งชาวหลวงพระบางและนักท่องเที่ยวต้องแวะมาจิบมายกซดกันถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่สมาชิกอีซูซุก็ต่างยอมยืนรอคิวเพื่อลิ้มรสกาแฟโบราณร้านนี้เช่นกัน
อิ่มท้องกันพอประมาณได้เวลาเยี่ยมชมความงดงามของตัวเมืองหลวงพระบางเริ่มจากเข้าสักการะ “วัดเชียงทอง” วัดสำคัญคู่เมืองหลวงพระบางที่มีความงดงามมากที่สุด จนได้รับการยกย่องจากนักโบราณคดีว่าเป็นดั่ง “อัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาว” สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช นับเป็นสุดยอดแห่งสถาปัตยกรรมล้านช้างโดยแท้
ไกด์ลาวแนะนำให้สมาชิกขอพรจาก “พระม่าน” ซึ่งประดิษฐานอยู่ในโบสถ์ แต่ไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม มีเพียงรูเล็กๆ ให้มองผ่านชมความงดงามและขอพรอยู่ด้านนอกเท่านั้น
ส่วนหนึ่งบริเวณหอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง
ต่อเนื่องด้วยการเข้าชม “พระราชวังหลวง” หรือ “หอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง” สถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างฝรั่งเศสและลาวอย่างลงตัว ซึ่งแต่เดิมเป็นพระราชวังหลวงที่พำนักของเจ้ามหาชีวิต โดดเด่นด้วยต้นตาลขนาดใหญ่ยืนเรียงแถวต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งซ้ายและขวา นำสายตาสู่พระราชวังได้อย่างโดดเด่น ด้านซ้ายเป็น “อนุสาวรีย์พระเจ้าศรีสว่างวงศ์” ด้านซ้ายเป็นที่ตั้งของ “หอพระบาง” ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องใช้ของเจ้ามหาชีวิตและพระบรมวงศานุวงศ์ ส่วนด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ยังเป็นที่ประดิษฐานของ “พระบาง” พระพุทธรูปปางประทานอภัย หล่อด้วยสำริด อันเป็นพระพุทธรูปสำคัญของอาณาจักรล้านช้างอีกด้วย
สำหรับที่“หอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง”มีการจัดสรรเส้นทางนำชมอย่างเป็นระเบียบ (เน้นว่าชมอย่างเดียวเพราะที่นี่ห้ามนักท่องเที่ยวถ่ายภาพ) และมีคำกำกับทั้งภาษาอังกฤษและภาษาลาวอยู่ทั่วทุกจุด
จุดชมวิวที่พักผ่อนภูเพียงฟ้า
เก็บเกี่ยววัฒนธรรมความงดงามแบบล้านช้างจากเมืองหลวงพระบางแล้ว ขบวนคาราวานแวะรับประทานอาหารกลางวันท่ามกลางทะเลหมอกที่เย็นสบาย ณ ร้านอาหาร “ภูเพียงฟ้า”
สะพานข้ามแม่น้ำซอง
จากนั้นเดินทางเข้าสู่เขตเมือง “วังเวียง” ที่มี “ผาตั้ง” และ “แม่น้ำซอง” เป็นสัญลักษณ์ สลับกับผาหินปูนรูปร่างแปลกตา ไร่นาแบบขั้นบันได และป่าไม้นานาพันธุ์ตลอดเส้นทาง ก่อนจะเข้าที่พักในบรรยากาศสบายๆ ติดริมน้ำ พักผ่อนและเพลิดเพลินกับความงดงามของธรรมชาติที่มีหมอกปกคลุมตลอดทั้งปีจนได้รับการขนานนามจากนักท่องเที่ยวว่า“กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว”
ปิดท้ายการเดินทางด้วยการแวะท่องเที่ยวชมความงดงามของ “ประตูชัย”สัญลักษณ์ของ “นครหลวงเวียงจันทน์” อนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาวผู้เสียสละชีวิตในสงครามก่อนหน้าการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ ที่เป็นลัษณะสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากประตูชัยในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ประตูชัย
ประตูชัยมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “รันเวย์แนวตั้ง” เพราะสร้างจากปูนที่อเมริกาซื้อมาเพื่อสร้างสนามบินใหม่ในนครเวียงจันทน์ แต่เกิดพ่ายแพ้สงครามจึงนำมาสร้างประตูชัยแทน จากนั้นขบวนคาราวานเข้านมัสการ “พระธาตุหลวง” ศาสนสถานสำคัญที่สุดของชาวลาว เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติแทนความเป็นเอกราชและอำนาจอธิปไตยของประเทศลาว สมาชิกต่างสงบจิตใจเดินเวียนพระธาตุหลวงตามแบบฉบับชาวลาวเพื่อความเป็นสิริมงคล
ก่อนอำลาจาก สปป.ลาว สมาชิกแต่ละคันต่างหอบของพะรุงพะรังจากการเลือกซื้อสินค้าปลอดภาษีที่ด่านชายแดน และเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยด้วยความปลอดภัยและกล่าวลาเพื่อนสมาชิกด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข แล้วสัญญาว่าจะมาเก็บเกี่ยวความสุขเป็นครอบครัวเดียวกันอีกครั้งในทริปหน้า กับ“อีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล คาราวานสัญจร” ปี 2013 !!!