สิบสองวันแห่งความสุขก่อนสิ้นใจ ของแม่น้ำตาล (คุณต้องอ่าน)

 

 

 

 

 

สิบสองวันแห่งความสุขก่อนสิ้นใจ ของแม่น้ำตาล 

 

 

 

ครั้งแรกที่เราพบแม่น้ำตาล แม่แมวสาวที่วัดแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี
สภาพที่เห็น บอกได้เลยว่า คงอยู่ได้ไม่เกินสามวัน 
คนแถวนั้นบอกว่ามีคนเอามาปล่อยนานแล้ว
จากสภาพที่เห็น เธอผอมแห้งในสภาพหนังหุ้มกระดูก 
ตาเปียกแฉะ ขี้มูกขึ้ตาเกรอะกรัง สภาพเส้นขนยุ่ง หยาบ 
ไม่มีความแววมันบ่งบอกถึงสภาพสุขภาพว่าแย่มาก ๆ 
การขยับตัวเป็นไปอย่างเชื่องช้า อ่อนแรงน่าสงสารเอามาก ๆ 
จากสภาพที่เห็นคาดเดาว่า คงเป็นโรคปอดแน่ ๆ 
ไม่มีรีรอไม่ต้องคิดมาก รีบเอาเขาขึ้นรถไปทันที
 
ทั้ง ๆ ที่บ้านก็มีอยู่ 119 ตัวแล้ว (ในขณะนั้น 16 ตค.2550)
ภาระที่แบกอยู่ทุกวันนี้ก็สาหัสเกินกำลังเราสองคนอยู่แล้ว 
แต่ไม่รู้เป็นไง เราสองคนสามีภรรยา ปฏิเสธความสุขส่วนตัวได้ทุกเรื่องไป 
ไม่ว่าจะเป็นการออกไปทานอาหารนอกบ้าน 
ออกไปเปิดหูเปิดตาอะไรตามเทศกาลต่าง ๆ ก็ปฏิเสธได้สารพัด 
(เพียงแค่อยากให้มีเงินเหลือมาจุนเจือเหล่าโอรสสวรรค์ให้มีกิน ไม่ต้องอดอยาก)
แต่พอมาพบเจอชีวิตน้อย ๆ ที่รอความตายอยู่ตรงหน้าทีไร 
ปฏิเสธไม่ได้ทุกครั้งไป จำได้ว่าเคยคิดจะหยุดช่วยตรงตัวที่ 43 แล้ว 
แต่พอเจอตัวที่ 44 ที่กำลังจะตายอยู่ตรงหน้า ขับรถผ่านเลยไปแล้ว 
ยังต้องถอยกลับมารับทุกครั้งไป 
ด้วยคำถามง่าย ๆ ที่เราถามตัวเองแทนเขาว่า 
ถ้าเราประสบอุบัติเหตุร้ายแรงอยู่ข้างถนน 
แล้วคนอื่นขับรถผ่านมาหยุดดู 
แล้วขับผ่านเลยไป เราจะใจเสียเพียงไร 
พวกเขาก็คงคิดอย่างนั้นเหมือนกัน 
เพียงแต่พวกเขาพูดไม่ได้เท่านั้นเอง 
 
 
 

 

หลังจากพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแล้ว ผลปรากฏว่า 
สภาพร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรง 
(ดึงผิวหนังที่ตรงหลังขึ้นแล้วปล่อยมือ ผิวหนังไม่ได้ยุบตัวลงมาในสภาพเดิม)
น้ำหนักตัวเหลือเพียง 2 กก.เท่านั้น 
ซึ่งนับว่าน้อยมากสำหรับแม่แมวตัวขนาดนี้ และปอดก็ติดเชื้ออักเสบด้วย 
คุณหมอบอกว่า อาการหนักมาก โอกาสรอดมีน้อยมาก คงอยู่ได้ไม่เกิน 3 วัน ต้องทำใจ
หลังจากได้ฟังดังนี้ พอคุณหมอคล้อยหลังไปเพื่อเตรียมยา 
น้ำตาเจ้ากรรมมันมาจากไหนก็ไม่รู้ พรั่งพรูออกมาเหมือนท่อแตก
ให้นึกโมโหตัวเองเป็นที่สุดว่า 
ทำไมหนอเราจึงไม่ไปเจอเขาก่อนหน้านี้สักหลาย ๆ วันหน่อยจะได้ช่วยชีวิตแม่น้ำตาลได้
กึ่งอุ้มกึ่งกอดมาแนบกับอก  พร่ำพูดเบา ๆ กับเขา (กลัวคนอื่นจะได้ยิน)ว่า ป๊าขอโทษนะ  ป๊าขอโทษจริง ๆ ที่มาเจอหนูช้าไปหน่อย พูดซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นคล้ายคนบ้า
พอคุณหมอกลับเข้ามาในห้องตรวจ ต้องรีบแอบเช็ดน้ำตาไม่ทัน 
ด้วยเพราะไม่อยากให้ใครเห็นว่า เราอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้เสียเกินเหตุ



ุหลังจากสอดท่อน้ำเกลือให้อาหารทางสายยาง ฉีดยาป้องกันการอักเสบแล้ว 
พาแม่น้ำตาลกลับบ้านด้วยความหวังว่าปาฏิหาริย์จะมีจริง 
สารพัดวิธีที่จะสรรหาความสุขมาให้เขา 
ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดเนื้อตัวที่เหนียวหนึบเกรอะกรัง 
ด้วยผ้าเช็ดตัวกับน้ำอุ่นและแชมพูเจือจาง เพราะอาบน้ำไม่ได้ 
เอาเศษผ้ามาเย็บเป็นเสื้อกันหนาวเฉพาะกิจ 
เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายในเบื้องต้น (ผ้าห่มเก่าและผ้าขนหนู  รวมทั้ง
กระเป๋าน้ำร้อนเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับงานของเรา  ซึ่งยังขาดแคลนอยู่มาก)


พร้อมที่นอนปูด้วยผ้าขนหนูนุ่ม ๆ และมีกระเป๋าน้ำร้อนอยู่ข้างใต้ 
ซึ่งต้องคอยเปลี่ยนน้ำร้อนในกระเป๋าให้ทุก 6 ชั่วโมงเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
สิ่งที่เขาไม่เคยกินมาเลยในช่วงชีวิตที่เร่ร่อนอยู่ข้างถนน 
ก็คงเป็นอาหารกระป๋องแมว และเพ้าส์ ซึ่งเขาโปรดปรานมาก 
สารพัดอย่างนำมาป้อนเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น
สองสามวันแรกที่มาอยู่บ้าน เห็นแม่น้ำตาลกินได้ก็ดีใจ 
ทั้งปลากระป๋องแมว เพ้าส์ อาหารเม็ด และนมสด



แต่พอมาวันที่สี่ที่ห้า สัญญาณอันตรายก็เริ่มปรากฏ 
เพราะแม่น้ำตาลเริ่มกินอาหารน้อยลง ขยับเขยื้อนตัวน้อยลง 
ร่างกายเริ่มปฏิเสธยาและทุกอย่างที่ป้อนให้ 
และแล้วในเช้าวันที่ 29 ตุลาคม 2550 
น้ำตาลก็สิ้นใจในอ้อมกอดแห่งความรักของเราสองคน 
เราอุ้มเธอมากอดอยู่นานจนเธอแน่นิ่งไป ไม่รู้เหมือนกันว่า 
น้ำตาเจ้ากรรมมันพรั่งพรูมาจากไหนอีกเป็นคำรบที่สอง



ถามว่าเสียใจมากไหม คนที่ไม่ได้สัมผัสคงตอบไม่ได้หรอก 
แต่ในมุมกลับกัน ถามว่าดีใจไหมที่ตลอด 12 วันในความดูแลของเรา

เราสองคนทำให้เธอได้รู้จักกับคำว่า"ความสุข"นั้นเป็นอย่างไร 
รู้จักคำว่า "ความรัก ความอบอุ่น" นั้นเป็นอย่างไร 
ได้กินอิ่ม ได้นอนหลับบนที่นอนนุ่ม ๆ มีกระเป๋าน้ำร้อน 
กับเนื้อตัวที่หอมและสะอาดสะอ้าน 
อย่างที่ไม่เคยเจอะเจอมาก่อนเลยในชีวิตเร่ร่อนของเธอ 
ได้นอนหลับสนิทด้วยความสบายใจในบ้านอันแสนอบอุ่น 
โดยไม่ต้องหวาดระแวงภัยต่าง ๆ เหมือนเช่นที่เคยเจอมา 
ในช่วงที่เธอเร่ร่อนอยู่บนท้องถนนในอดีต


ได้สัมผัสกับไออุ่นแห่งความรักจากอ้อมกอดของเราทั้งสองคน
ที่เปี่ยมไปด้วยความรักซึ่งชีวิตเร่ร่อนคงไม่เคยเจอะเจอมาก่อน 
จากที่สัตวแพทย์คาดว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 3 วัน 
เราสองคนสามารถยืดความสุขของชีวิตให้เธอได้เพิ่มขึ้นอีก 9 วัน



และสิ่งสุดท้ายที่เราสองคนทำให้แม่น้ำตาลได้ ยามเมื่อเธอสิ้นลม 
ก็คือการบรรจงฝังร่างของเธอพร้อมน้ำตาแห่งความรัก
ลงในสวนหลังบ้านพร้อมกับดอกไม้ตัวแทนแห่งความรักของเรา
มาวางบนหลุมฝังเธอ
กับความรู้สึกดี ๆ ที่ได้ "ทำบุญนอกวัด" 
และภูมิใจที่ได้กระทำในสิ่งเดียวกันกับที่องค์ในหลวงของเรา 
ท่านทรงกระทำกับคุณทองแดงและครอบครัว 
ให้คนไทยดูเป็นตัวอย่างมาเนิ่นนานแล้ว 
และเราสองคนจะ...ขอเดินตามรอยพระบาททุกชาติไป

ขอให้ "น้ำตาล" หลับให้เป็นสุขนะลูก 
เรารักหนูเสมอและจะรักพวกหนู ๆ ทุก ๆ ตัวตลอดไป 

   หากท่านผู้อ่านเห็นว่าบทความนี้  อาจช่วยให้สังคมเกิดกระแสแห่งความเมตตาต่อสัตว์ได้บ้าง
ขอได้โปรดส่งต่อ ลิ้งค์ Link ของบทความนี้ไปยังเพื่อน ๆ หรือเว็บบอร์ดอื่น ๆ ด้วย  ก็จะเป็นมหากุศลติดตัวท่านไปอีกนานแสนนานครับ
 
 

 

 
Credit: http://allforthem.org/th/readarticle.php?article_id=12
12 ส.ค. 55 เวลา 09:47 2,416 4 160
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...