วันที่ 10 ส.ค. ที่ สภ.เมืองนนทบุรี นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผวจ.นนทบุรี พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผบก.นนทบุรี พ.ต.อ.ณัฐพล ศุกระศร รองผบก. พ.ต.อ.ชาญศิริ สุขรวย ผกก. พ.ต.ท.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผกก.ป. พ.ต.ต.ภาสกร ไชยทวีวงศ์ สวป. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวส.ต.ต.ภูเบศ หรือนายภูเบศ อมรส่งเจริญ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ 1 ต.หนองโนนคอม อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น ในข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด จับกุมได้หลังผู้เสียหายขับรถจยย.ไล่ชนจนล้ม พร้อมด้วยของกลางกระเป๋าสะพาย 1 ใบ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่นแกแล๊คซี่สีขาว จำนวน 1 เครื่อง เงินสดจำนวน 6.000 บาท เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ภายในซอยเรวดี ใกล้หมู่บ้านณรงค์สุขนิเวศ หมู่ 3 ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี
พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่สายตรวจกำลังออกตรวจพื้นที่บริเวณท่าน้ำนนท์บุรีผ่านมาถึงหน้าร้านนนท์เบอร์เกอลี่ ก็พบนายจักรกฤษ ไม้แพร อายุ 34 ปี เจ้าของร้านซ่อมจยย. ผู้เสียหายกำลังล็อกตัว ส.ต.ต.ภูเบศร์ หรือนายภูเบศร์ ผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่สายตรวจจึงได้เข้าช่วยเหลือ ก่อนนำมาสอบสวนที่โรงพัก
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นอกจากนี้ผู้ต้องหายังให้การรับสารภาพว่าวันเดียวกันนี้ผู้ต้องหาได้ลงมือก่อเหตุเข้าไปลักทรัพย์ภายในร้านเสริมสวยย่านถนนกรุงเทพ-นนท์ได้โทรศัพท์มือถือยี่ห้อแบลคเบอร์รี่ สีดำ จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์ยี่ห้อซัมซุง สีดำ จำนวน 1 เครื่อง หลังจากนั้นได้มาก่อเหตุลักทรัพย์ที่บ้านเลขที่ 194/53 ม.2 ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรีได้กระเป๋าคาดเอวสีน้ำตาล 1 ใบ กระเป๋าเงินสีน้ำตาล 1 ใบ เงินสด 1,110 บาท โทรศัพท์มือถือไม่ทราบยี่ห้อ 1 เครื่อง และสุดท้ายลงมือก่อเหตุเข้าไปลักทรัพย์ในร้ายซ่อม จยย. จนถูกผู้เสียหายขับรถ จยย.ไล่ตามจนทัน และถูกจับกุมในที่สุด
พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่าเคยรับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ส.ต.ต. สังกัด สน.ดินแดง ถูกให้ออกจากราชการเมื่อปี 2537 ในข้อหาชิงทรัพย์ และถูกจับกุมในข้อหาพยายามลักทรัพย์ เมื่อปี 2552 ท้องที่ สน.ชนะสงคราม ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ก่อเหตุลักทรัพย์มาแล้วหลายครั้งหลายท้องที่ โดยผู้ต้องหาจะทำทีเป็นลูกค้าเข้าไปซื้อของภายในร้าย เมื่อเจ้าของเผลอก็จะแอบลักของมีค่าต่าง ๆ แล้วหลบหนีไป ส่วนทรัพย์สินที่ได้จะนำไปขายให้กับตลาดเปิดท้ายขายของ ในเขตธนบุรี และลาดพร้าว
ด้านนายจักรกฤษ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ขณะกำลังซ่อมรถจักรยานยนต์อยู่ภายในร้าน นายภูเบศผู้ต้องหาได้เดินเข้าไปในร้าน พร้อมกับชักอาวุธปืนอออกมาขู่ ก่อนที่นายภูเบศ จะหยิบเอากระเป๋าสะพายภายในมีโทรศัพท์มือถือ และเงินสด หลังจากนั้นนายภูเบศได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนี ตนจึงได้ขับรถจักรยานยนต์ไล่ตาม เนื่องจากตนสังเกตพบว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นปืนปลอม ระทั่งไล่ตามมาถึงหน้าร้าน “นนท์เบอร์เกอรี่” และเป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจผ่านมาพอดี นายภูเบศพยายามจะหักรถ จยย.หลบหนี ตนจึงตัดสินใจขับรถ จยย. พุ่งเข้าชนทันที ก่อนจะเรียกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าช่วยเหลือ
ส่วนน.ส.มุตา สายพันธุ์ อายุ 24 ปี ผู้เสียหายกล่าวว่า ตนเปิดร้านเสริมสวยอยู่ย่านถนนกรุงเทพ-นนท์ ก่อเกิดเหตุตนได้เข้าไปรับประทานอาหารที่หลังร้าน พอออกมาอีกทีก็พบว่าโทรศัพท์มือถือหายไป กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์เข้าไปที่เบอร์บ้านจึงได้รู้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้